“ว่าไงครับผมถาม” แกริคตวาดขึ้น เขารู้สึกโกรธที่มีคนมาว่าให้คนรักของเขาแบบนั้น เขารู้ว่าการที่เขาเปิดตัวกับพิรุณรักจะทำให้คนอื่นสนใจ แต่เขาไม่คิดว่าจะมีคนกล้ามาหาเรื่องเธอ เพราะเขาพูดชัดเจนแล้วว่าพิรุณรักเป็นคนสำคัญของเขา คนพวกนี้คิดว่าเขาพูดเล่นรึไง
นิรินตัวสั่นทิ่มกำมือแน่นเมื่อเจอสีหน้าถมึงทึงของแกริค
“ก็ผู้หญิงของคุณไงคะ” แต่หล่อนก็ยังใจกล้า เพราะอยากกระชากหน้ากากยัยนั่นให้เขาเห็น ว่าไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว
พิรุณรักเดินเข้าไปกอดแขนหทัยรัตน์แน่น เห็นอาการของเพื่อนเธอก็รู้ได้ทันทีว่าเพื่อนกำลังคิดอะไร ตัวเธอ เธอไม่ห่วงกับคำกล่าวหานั้นหรอกเพราะเธอไม่ได้ขายอะไรให้ใครนอกจากแกริค แต่หทัยรัตน์ไม่ใช่อย่างนั้น ถึงมันจะผ่านมานานหลายปีแล้วเพราะเพื่อนของเธออยู่กับกรวิทย์คนเดียวก็เถอะ แต่ความคิดของเพื่อน เธอรู้ดีว่าเพื่อนไม่มีทางลืมสิ่งที่ตัวเองทำได้
มีคนมาพูดแบบนี้คงกระทบจิตใจหทัยรัตน์มาก
“พูดพล่อยๆ ระวังจะได้เข้าไปนอนในคุกข้อหาหมิ่นประมาทนะครับคุณผู้หญิง” แซคพูดขึ้นเสียงเรียบ มองผู้หญิงของเจ้านายและของเพื่อนไม่วางตา รู้ได้ทันทีว่าข้อกล่าวหานี้มันมีผลกระทบกับใครมากที่สุด
“ฉันไม่ได้พูดพล่อยๆ แต่ฉันเห็นกับตา” ทุกร้องฮือออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น มองไปที่พิรุณรักเป็นตาเดียว
แกริคขมวดคิ้วมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
“คุณเห็นกับตาว่าฉันไปกับผู้ชายหรือเห็นกับตาว่าอะไรคะ พูดให้มันเคลียร์เลยดีกว่า ระบุคนมาเลยก็ได้ค่ะ ว่าฉันไปกับใคร ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง คุณเตรียมเข้าไปนอนในคุกได้เลย” พิรุณรักโผล่ขึ้นเมื่อโดนใส่ร้ายแบบนี้ มองหน้าแกริคที่ก็จ้องเธออยู่ก่อนแล้ว เขาคงไม่เชื่อที่ยัยนิรินอะไรนี่พูดหรอกนะ
“เธอคงมีเยอะจนจำชื่อไม่ได้สินะ” นิรินมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นและคิดเป็นเรื่องจริง
“ใครคะ ที่คุณเห็นฉันไปด้วย”
“ก็คุณดนุ เลิศดำรงธิวัฒน์ นักธุรกิจชื่อดังไง ฉันไม่เชื่อหรอกกว่าคนจนๆ อย่างเธอจะรู้จักคนดังๆ แบบนั้นถ้าไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อน” นิรินพูดอย่างเดือนดาด
พิรุณรักเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยกลับบ้างทำให้นิรินตัวสั่นเทา
“คุณเห็นว่าฉันเข้าโรงแรมกับเขางั้นเหรอคะ” เธอถามจี้ต่อ
“เธอยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเป็นเด็กของคุณดนุ”
“ฉันถามว่าคุณเห็นเหรอคะว่าฉันเข้าโรงแรมไปกับเขา ถึงมากล่าวหาว่าฉันสำส่อน” พิรุณรักขึ้นเสียงกลับ เธอกำลังจะหมดความอดทน
“ถึงฉันไม่เห็นเธอทุกอย่างมันก็ชี้ชัดแล้ว ไม่ต้องมาหาข้อแก้ตัว” นิรินยังเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด และตอนนี้ทุกคนในที่นี้กำลังจะเชื่อตามที่นิรินพูด
คราวนี้พิรุณรักหันไปมองทางแกริค ขอคำปรึกษาทางสายตาว่าจะให้เธอเป็นคนพูดหรือว่าเขาเป็นคนพูด
“ดนุเป็นน้องชายของฉัน” แกริคพูดเสียงเรียบ มองหน้าคนที่กล่าวหาคนรักของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ทำให้คนโดนมองสั่นไปทั้งตัว
ทุกคนอ้าปากเหวอเมื่อได้ยินแบบนั้น
“พี่นุเป็นพี่ชายที่ฉันเคารพ เรารู้จักกันมาสองปี ถ้าคุณคิดว่าผู้หญิงจนๆ อย่างฉันไม่มีทางที่จะรู้จักคนระดับนั้นก็เสียใจด้วยนะคะ เพราะฉันรู้จักทั้งพี่ทั้งน้อง”
คำพูดของพิรุณรักทำให้ทุกคนตะลึงขึ้นไปอีก มันบอกได้กลายๆ ว่าเธอรู้จักและคบกับแกริคมาสองปีแล้ว ซึ่งมันชัดเจนแล้วว่าสถานะเธอกับแกริคนั้นไม่ธรรมดา
นิรินหน้าแตกไม่รับเย็บสายตาล่อกแล่กไปมามองรอบๆ อย่างไม่ยอมรับความจริง
“ไม่จริง” นิรินพูดเสียงแผ่วเบาเสียการทรงตัวทันที
“ผมจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สามนะครับว่าพิรุณรักเป็นคนสำคัญของผม การที่ผมเปิดตัวว่าคบกับเธอ ไม่ใช่ว่าจะให้คนอื่นมาพูดนินทาหรือแสดงกิริยาแบบนี้ใส่เธอ นั่นเท่ากับว่าพวกคุณไม่เคารพผมเหมือนกัน” คำพูดของแกริคดังก้องไปทั่วโรงอาหาร ทำให้ทุกคนรีบก้มหน้า
พิรุณรักรู้สึกรักแกริคขึ้นไปอีกเมื่อเขาปกป้องเธอขนาดนี้
“แยกย้ายได้แล้วครับ ทุกอย่างเคลียร์แล้ว ถ้าใครยังอยากทำงานที่นี่อยู่ก็อย่าพูดมาก แล้วถ้ามีรูปหรือคลิปอะไรเผยแพร่ออกไปผมจะไม่เอาไว้ จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น เราไม่ได้ใจดีกับใคร” แซคตะโกนบอกให้ทุกคนแยกย้าย และย้ำเรื่องที่จะทำให้เจ้านายเสียหาย ซึ่งทุกคนก็ทำตาม เหลือโต๊ะพิรุณรักและนิรินที่ยังไม่กล้าขยับเพราะอยู่ใกล้ที่สุด
นิรินเม้มปากแน่นเธอแทบยืนไม่อยู่ กับความจริงที่ได้รู้ เธอไม่มีทางจะเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้ได้จริงๆ
“แซคจัดการด้วย คงไม่ต้องบอกนะว่าต้องทำยังไง” แกริคพูดเสียงเรียบ
“ครับ”
คำพูดของแกริคทำให้ทุกคนที่อยู่ในแผนกการตลาดต่างตกใจ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก นิรินเองก็แทบล้มทั้งยืน
แกริคเดินเข้าไปหาพิรุณรัก ที่มองหน้าตัวเองตาปริบๆ ทุกคนที่อยู่ข้างๆ หญิงสาวต่างกลั้นหายใจ
“ได้กินข้าวรึยัง” แกริคถามคำถามเรียบๆ
“ยังค่ะ คุณล่ะคะ กินรึยัง ไหนบอกออกไปข้างนอก” พิรุณรักพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงปกติ ทุกคนในแผนกมองทั้งสองคนสลับไปมา แล้วลงความเห็นทางสายตาว่าพวกเขาควรนั่งลงกินข้าวได้แล้ว
“ฉันเปลี่ยนใจ อยากทานข้าวกับเธอมากกว่า” แกริคเอื้อมมือไปโยกหัวหญิงสาวเบาๆ คนที่เหลือบตามองทั้งสองคนต่างตาโต แต่ก็ไม่มีใครกล้าอ้าปากพูดกัน ได้แต่มองกิริยาที่แกริคแสดงออกกับพิรุณรักเงียบๆ
พวกเขาเชื่อแล้วว่าพิรุณรักเป็นคนสำคัญของแกริคจริงๆ
นิรินมองภาพนั้นด้วยสายตาที่เจ็บปวดเธอเลือกที่จะเดินออกไปจากโรงอาหารเงียบๆ โดยที่คนอื่นๆ ไม่มีใครคิดจะห้าม
ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติแต่จะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ถูกเพราะโรงอาหารที่เคยเสียงดังแชงแช่ตอนนี้เงียบกริบ เรียกได้ว่าได้ยินแค่เสียงแอร์และเสียงคุยกันจากโต๊ะของพิรุณรักเท่านั้น
“หนูซื้อข้าวมาแล้วนะคะ” เธอกลัวว่าเขาจะชวนออกไปข้างนอก
“แซคไปซื้อข้าวด้วย” แกริคหันสั่งแซค
“ครับ” แซคเดินเลี่ยงออกไป ทุกคนขยับที่ว่างให้แกริค พิรุณรักหาเก้าอี้มาให้เขา
“ตามสบาย” แกริคเห็นว่าทุกคนเกร็งๆ
“คุณกำลังทำให้ทุกคนเกร็ง” พิรุณรักกระซิบพูดกับเขา
“ฉันทำให้ทุกคนกินข้าวไม่อร่อยงั้นเหรอ” แต่แกริคกลับถามขึ้นเสียงดัง ทำให้ทุกคนกลืนน้ำลายลงคอ
“เปล่าครับ เป็นเกียรติของเรามากกว่าที่คุณแกริคมาทานข้าวด้วย” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับทศนัย
แกริคก็พยักหน้าพอใจในคำตอบ
ไม่นานแซคก็กลับมาพร้อมกับอาหาร ซึ่งเขาเองก็ไม่ลืมที่จะซื้อมาเผื่อตัวเองด้วย ทุกคนลงมือทานข้าวกันเงียบๆ พิรุณรักแอบเหลือบตาไปมองหทัยรัตน์ที่เงียบเกินไป
หลังจากทานข้าวเสร็จทุกคนก็กลับไปทำงานปกติ แกริคเองก็แยกตัวออกไป
“ไม่เป็นไรนะแก” พิรุณรักพูดกับหทัยรัตน์ระหว่างเดินเข้าห้อง
“ฉันไม่เป็นไร” เมื่อเพื่อนบอกไม่เป็นไรเธอก็ไม่เซ้าซี้
“ว่าไงครับผมถาม” แกริคตวาดขึ้น เขารู้สึกโกรธที่มีคนมาว่าให้คนรักของเขาแบบนั้น เขารู้ว่าการที่เขาเปิดตัวกับพิรุณรักจะทำให้คนอื่นสนใจ แต่เขาไม่คิดว่าจะมีคนกล้ามาหาเรื่องเธอ เพราะเขาพูดชัดเจนแล้วว่าพิรุณรักเป็นคนสำคัญของเขา คนพวกนี้คิดว่าเขาพูดเล่นรึไง
นิรินตัวสั่นทิ่มกำมือแน่นเมื่อเจอสีหน้าถมึงทึงของแกริค
“ก็ผู้หญิงของคุณไงคะ” แต่หล่อนก็ยังใจกล้า เพราะอยากกระชากหน้ากากยัยนั่นให้เขาเห็น ว่าไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว
พิรุณรักเดินเข้าไปกอดแขนหทัยรัตน์แน่น เห็นอาการของเพื่อนเธอก็รู้ได้ทันทีว่าเพื่อนกำลังคิดอะไร ตัวเธอ เธอไม่ห่วงกับคำกล่าวหานั้นหรอกเพราะเธอไม่ได้ขายอะไรให้ใครนอกจากแกริค แต่หทัยรัตน์ไม่ใช่อย่างนั้น ถึงมันจะผ่านมานานหลายปีแล้วเพราะเพื่อนของเธออยู่กับกรวิทย์คนเดียวก็เถอะ แต่ความคิดของเพื่อน เธอรู้ดีว่าเพื่อนไม่มีทางลืมสิ่งที่ตัวเองทำได้
มีคนมาพูดแบบนี้คงกระทบจิตใจหทัยรัตน์มาก
“พูดพล่อยๆ ระวังจะได้เข้าไปนอนในคุกข้อหาหมิ่นประมาทนะครับคุณผู้หญิง” แซคพูดขึ้นเสียงเรียบ มองผู้หญิงของเจ้านายและของเพื่อนไม่วางตา รู้ได้ทันทีว่าข้อกล่าวหานี้มันมีผลกระทบกับใครมากที่สุด
“ฉันไม่ได้พูดพล่อยๆ แต่ฉันเห็นกับตา” ทุกร้องฮือออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น มองไปที่พิรุณรักเป็นตาเดียว
แกริคขมวดคิ้วมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
“คุณเห็นกับตาว่าฉันไปกับผู้ชายหรือเห็นกับตาว่าอะไรคะ พูดให้มันเคลียร์เลยดีกว่า ระบุคนมาเลยก็ได้ค่ะ ว่าฉันไปกับใคร ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง คุณเตรียมเข้าไปนอนในคุกได้เลย” พิรุณรักโผล่ขึ้นเมื่อโดนใส่ร้ายแบบนี้ มองหน้าแกริคที่ก็จ้องเธออยู่ก่อนแล้ว เขาคงไม่เชื่อที่ยัยนิรินอะไรนี่พูดหรอกนะ
“เธอคงมีเยอะจนจำชื่อไม่ได้สินะ” นิรินมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นและคิดเป็นเรื่องจริง
“ใครคะ ที่คุณเห็นฉันไปด้วย”
“ก็คุณดนุ เลิศดำรงธิวัฒน์ นักธุรกิจชื่อดังไง ฉันไม่เชื่อหรอกกว่าคนจนๆ อย่างเธอจะรู้จักคนดังๆ แบบนั้นถ้าไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อน” นิรินพูดอย่างเดือนดาด
พิรุณรักเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยกลับบ้างทำให้นิรินตัวสั่นเทา
“คุณเห็นว่าฉันเข้าโรงแรมกับเขางั้นเหรอคะ” เธอถามจี้ต่อ
“เธอยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเป็นเด็กของคุณดนุ”
“ฉันถามว่าคุณเห็นเหรอคะว่าฉันเข้าโรงแรมไปกับเขา ถึงมากล่าวหาว่าฉันสำส่อน” พิรุณรักขึ้นเสียงกลับ เธอกำลังจะหมดความอดทน
“ถึงฉันไม่เห็นเธอทุกอย่างมันก็ชี้ชัดแล้ว ไม่ต้องมาหาข้อแก้ตัว” นิรินยังเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด และตอนนี้ทุกคนในที่นี้กำลังจะเชื่อตามที่นิรินพูด
คราวนี้พิรุณรักหันไปมองทางแกริค ขอคำปรึกษาทางสายตาว่าจะให้เธอเป็นคนพูดหรือว่าเขาเป็นคนพูด
“ดนุเป็นน้องชายของฉัน” แกริคพูดเสียงเรียบ มองหน้าคนที่กล่าวหาคนรักของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ทำให้คนโดนมองสั่นไปทั้งตัว
ทุกคนอ้าปากเหวอเมื่อได้ยินแบบนั้น
“พี่นุเป็นพี่ชายที่ฉันเคารพ เรารู้จักกันมาสองปี ถ้าคุณคิดว่าผู้หญิงจนๆ อย่างฉันไม่มีทางที่จะรู้จักคนระดับนั้นก็เสียใจด้วยนะคะ เพราะฉันรู้จักทั้งพี่ทั้งน้อง”
คำพูดของพิรุณรักทำให้ทุกคนตะลึงขึ้นไปอีก มันบอกได้กลายๆ ว่าเธอรู้จักและคบกับแกริคมาสองปีแล้ว ซึ่งมันชัดเจนแล้วว่าสถานะเธอกับแกริคนั้นไม่ธรรมดา
นิรินหน้าแตกไม่รับเย็บสายตาล่อกแล่กไปมามองรอบๆ อย่างไม่ยอมรับความจริง
“ไม่จริง” นิรินพูดเสียงแผ่วเบาเสียการทรงตัวทันที
“ผมจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สามนะครับว่าพิรุณรักเป็นคนสำคัญของผม การที่ผมเปิดตัวว่าคบกับเธอ ไม่ใช่ว่าจะให้คนอื่นมาพูดนินทาหรือแสดงกิริยาแบบนี้ใส่เธอ นั่นเท่ากับว่าพวกคุณไม่เคารพผมเหมือนกัน” คำพูดของแกริคดังก้องไปทั่วโรงอาหาร ทำให้ทุกคนรีบก้มหน้า
พิรุณรักรู้สึกรักแกริคขึ้นไปอีกเมื่อเขาปกป้องเธอขนาดนี้
“แยกย้ายได้แล้วครับ ทุกอย่างเคลียร์แล้ว ถ้าใครยังอยากทำงานที่นี่อยู่ก็อย่าพูดมาก แล้วถ้ามีรูปหรือคลิปอะไรเผยแพร่ออกไปผมจะไม่เอาไว้ จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น เราไม่ได้ใจดีกับใคร” แซคตะโกนบอกให้ทุกคนแยกย้าย และย้ำเรื่องที่จะทำให้เจ้านายเสียหาย ซึ่งทุกคนก็ทำตาม เหลือโต๊ะพิรุณรักและนิรินที่ยังไม่กล้าขยับเพราะอยู่ใกล้ที่สุด
นิรินเม้มปากแน่นเธอแทบยืนไม่อยู่ กับความจริงที่ได้รู้ เธอไม่มีทางจะเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้ได้จริงๆ
“แซคจัดการด้วย คงไม่ต้องบอกนะว่าต้องทำยังไง” แกริคพูดเสียงเรียบ
“ครับ”
คำพูดของแกริคทำให้ทุกคนที่อยู่ในแผนกการตลาดต่างตกใจ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก นิรินเองก็แทบล้มทั้งยืน
แกริคเดินเข้าไปหาพิรุณรัก ที่มองหน้าตัวเองตาปริบๆ ทุกคนที่อยู่ข้างๆ หญิงสาวต่างกลั้นหายใจ
“ได้กินข้าวรึยัง” แกริคถามคำถามเรียบๆ
“ยังค่ะ คุณล่ะคะ กินรึยัง ไหนบอกออกไปข้างนอก” พิรุณรักพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงปกติ ทุกคนในแผนกมองทั้งสองคนสลับไปมา แล้วลงความเห็นทางสายตาว่าพวกเขาควรนั่งลงกินข้าวได้แล้ว
“ฉันเปลี่ยนใจ อยากทานข้าวกับเธอมากกว่า” แกริคเอื้อมมือไปโยกหัวหญิงสาวเบาๆ คนที่เหลือบตามองทั้งสองคนต่างตาโต แต่ก็ไม่มีใครกล้าอ้าปากพูดกัน ได้แต่มองกิริยาที่แกริคแสดงออกกับพิรุณรักเงียบๆ
พวกเขาเชื่อแล้วว่าพิรุณรักเป็นคนสำคัญของแกริคจริงๆ
นิรินมองภาพนั้นด้วยสายตาที่เจ็บปวดเธอเลือกที่จะเดินออกไปจากโรงอาหารเงียบๆ โดยที่คนอื่นๆ ไม่มีใครคิดจะห้าม
ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติแต่จะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ถูกเพราะโรงอาหารที่เคยเสียงดังแชงแช่ตอนนี้เงียบกริบ เรียกได้ว่าได้ยินแค่เสียงแอร์และเสียงคุยกันจากโต๊ะของพิรุณรักเท่านั้น
“หนูซื้อข้าวมาแล้วนะคะ” เธอกลัวว่าเขาจะชวนออกไปข้างนอก
“แซคไปซื้อข้าวด้วย” แกริคหันสั่งแซค
“ครับ” แซคเดินเลี่ยงออกไป ทุกคนขยับที่ว่างให้แกริค พิรุณรักหาเก้าอี้มาให้เขา
“ตามสบาย” แกริคเห็นว่าทุกคนเกร็งๆ
“คุณกำลังทำให้ทุกคนเกร็ง” พิรุณรักกระซิบพูดกับเขา
“ฉันทำให้ทุกคนกินข้าวไม่อร่อยงั้นเหรอ” แต่แกริคกลับถามขึ้นเสียงดัง ทำให้ทุกคนกลืนน้ำลายลงคอ
“เปล่าครับ เป็นเกียรติของเรามากกว่าที่คุณแกริคมาทานข้าวด้วย” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับทศนัย
แกริคก็พยักหน้าพอใจในคำตอบ
ไม่นานแซคก็กลับมาพร้อมกับอาหาร ซึ่งเขาเองก็ไม่ลืมที่จะซื้อมาเผื่อตัวเองด้วย ทุกคนลงมือทานข้าวกันเงียบๆ พิรุณรักแอบเหลือบตาไปมองหทัยรัตน์ที่เงียบเกินไป
หลังจากทานข้าวเสร็จทุกคนก็กลับไปทำงานปกติ แกริคเองก็แยกตัวออกไป
“ไม่เป็นไรนะแก” พิรุณรักพูดกับหทัยรัตน์ระหว่างเดินเข้าห้อง
“ฉันไม่เป็นไร” เมื่อเพื่อนบอกไม่เป็นไรเธอก็ไม่เซ้าซี้