“ไปทำงานๆ ไปล้อกันอยู่นั่นแหละ ถ้าอยากรู้มากไปถามคุณแซคโน้น” ทัศนัยอดไม่ไหวเลยพูดขึ้น
“พี่ทัศอ่ะ ตาจะไปถามหมอนั้นทำไม” มุตาหน้าง้ำงอ หันหน้ากลับไปทำงานต่อ
หลังจากนั้นทุกคนก็หันหน้ากลับมาทำงาน พิรุณรักก็จัดการปกปิดร่องรอยที่เกิดขึ้น ก่อนเลิกงานแกริคก็ส่งข้อความมาบอกว่าให้รอกลับพร้อมกัน ทีแรกเธอคิดว่าจะไม่ยอมกลับกับเขาเพราะงอนอยู่ แต่คิดอีกทีเธอกลับกับเขาก็ได้ คงไม่มีใครเห็นหรอกมั้ง ขี้เกียจนั่งรถไฟฟ้าเหมือนกัน
พิรุณรักเดินเข้ามาในที่จอดรถวีไอพีอย่างระแวดระวังเพราะกลัวคนจะเห็น ถึงตอนนี้พนักงานในบริษัทจะทยอยกลับหมดแล้วแต่ก็มีบางส่วนที่ยังอยู่ในออฟฟิศเธอไม่อยากเสี่ยง
แกริคนั่งมองแม่เมียตัวน้อยที่ค่อยๆย่อง ค่อยๆเดิน มาที่รถแล้วส่ายหัว อดไม่ได้ที่จะลดกระจกลงเรียกเธอ
"ทำแบบนั้นเมื่อไหร่จะถึง"หญิงสาวสะดุ้งยืดตัวตรงหน้ามุ่ยใส่คนที่นั่งอยู่ในรถ แล้วรีบมองซ้ายมองขวาก้าวเดินฉับๆ ไปที่รถ เธออุตส่าห์มาอย่างหลบๆ เขาเล่นตะโกนเรียกแบบนั้นสิ่งที่เธอทำมาก็เสียเปล่าสิ
เมื่อมาถึงรถก็รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่ง
"จะตะโกนทำไมคะเนี่ย"อดไม่ได้ที่จะว่าเขา
"ก็เห็นมองซ้ายมองขวานึกว่าไม่เห็นรถ"แกริคแก้ตัว
"ทำไมหนูจะไม่เห็น"
"ยังไม่หายงอนฉันอีกเหรอ"แกริคพยักหน้าให้แซคออกรถ
"หนูไม่ได้งอน"คนไม่งอนแต่หน้าบึ้ง
"หน้าบูดเป็นตูดขนาดนี้บอกไม่งอน ไหนบอกสิต้องให้ฉันทำยังไง"แกริคยกเธอขึ้นมานั่งบนตัก กอดเอวไว้หลวมๆ
"อุ้ย ปล่อยหนูนะ อายคุณแซคเขา"เธอดิ้นลงจากตักแต่ก็ไม่ได้ผล
"แซคมันไม่สนใจหรอก มันชินแล้ว"
"ชิ ทำบ่อยล่ะสิ"พิรุณรักสะบัดหน้าหนี เมื่อคิดว่าที่แซคชินเพราะเขาให้สาวนั่งตักปล่อย
"ไม่ใช่แบบนั้น เป็นอะไรหึ เดี๋ยวนี้เธองอแงบ่อยนะ"พิรุณรักชะงักทันทีที่ได้ยินคำว่างอแง คิดทบทวนก็เป็นอย่างที่เขาบอกจริงๆ ช่วงนี้เธองอแงใส่เขาบ่อย มันจะทำให้เขาเบื่อเธอเร็วขึ้นรึเปล่านะ
คิดแบบนั้นพิรุณรักก็หน้าสลด หันมาสบตากับเขา
"หนูขอโทษค่ะ หนูจะไม่งอแงใส่คุณอีก"แกริคขมวดคิ้วมองคนที่อารมณ์เปลี่ยนไปมา
"ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร"พิรุณรักซบหน้าลงกับอกแกร่งกอดเอวเขาไว้หลวมๆ
"หนูหิว"อยู่ดีๆ แม่ตัวดีก็เปลี่ยนเรื่อง คิ้วเข้มของแกริคยิ่งขมวดเข้าหากันกว่าเดิม ก้มมองกลุ่มผมที่ถูไถหน้าอกตัวเองไปมา หลากหลายอารมณ์จริงๆ แม่คุณ
"อยากทานอะไร จะทานข้างนอกหรือว่ากลับไปทำทานที่ห้อง"หน้าสวยส่ายไปมา
"หนูขี้เกียจทำ"คนที่บอกว่าจะไม่งอแงเผลอทำโดยไม่รู้ตัว แกริคก็ไม่ได้ว่าหรือท้วงอะไร ถึงจะงอแงกว่านี้เขาก็ไม่ว่า รู้สึกชอบซะอีก พิรุณรักไม่ได้งอแงจนน่ารำคาญ เธอรู้ว่าไม่ควรงี่เง่ามาก
"งั้นทานข้างนอก นอนพักก่อนก็ได้นะถึงแล้วจะปลุก"พิรุณรักรู้สึกง่วงขึ้นมาดื้อๆ หลังจากที่แกริคพูดจบ ร่างบางขยับตัวเพื่อหามุมสบาย แกริคลูบแผ่นหลังบางเบาๆ ไม่นานร่างบางก็หายใจสม่ำเสมอ
"แซคงานเดินแบบที่นายว่าวันไหนนะ"
"วันศุกร์ที่จะถึงนี่ครับ"
"ปฏิเสธไป"
"แต่งานนี้เป็นของคุณไมเคิลนะครับ"
"ไมเคิลเหรอ ทำไมหมอนั่นไม่เห็นบอกอะไรฉันเลย"ไมเคิลคือเพื่อนของแกริคอีกหนึ่งคนที่ถือว่าสนิทกันพอสมควร
"คุณไมเคิลโทรมาหาผมครับ บอกว่าจะเซอร์ไพร์คุณแต่คุณปฏิเสธผมก็เลยบอก"
“เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง”
“แล้วคุณไมเคิลยังบอกอีกว่าให้พาผู้หญิงของคุณไปงานด้วย” แกริคคิ้วกระตุก จ้องแซคเขม็ง
“ผมเปล่าบอกนะครับ คุณก็รู้เพื่อนคุณเป็นยังไง เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้” แกริคครางกระหึ่มอยู่ในลำคอ นี่ขนาดเขายังไม่ประกาศเปิดตัวพวกเพื่อนๆ มันยังสอดรู้เรื่องของเขาได้ขนาดนี้
“เรื่องพาไปฉันไม่มีปัญหาหรอก แต่คนนี้สิไม่มีทางยอมแน่” พิรุณรักกลัวคนอื่นรู้จะตายว่าคบอยู่กับเขา เรื่องไปงานด้วยตัดไปได้เลย
“แล้วจะควงคนอื่นไปไหมล่ะครับ”
“อยากโดนหักเงินเดือนใช่ไหมพูดแบบนี้”
“แหะๆ เปล่าครับ ผมรู้ว่าคุณรักเมียหลงเมีย และก็กลัวเมียจะตาย” แซคหัวเราะแห้งๆ และพูดเบาๆ ในประโยคสุดท้ายไม่ให้เจ้านายได้ยิน แต่ดูเหมือนแกริคจะหูดีกว่าที่คิด
“ฉันได้ยิน” แซคเงียบกริบแล้วหันหน้าไปตั้งใจขับรถต่อ
แกริคเองก็ไม่ถือสา มองคนที่อยู่บนตักอย่างครุ่นคิด
“แต่ผมว่าน่าจะไม่มีปัญหานะครับ” แซคหันกลับมาพูดต่อ
“ยังไง”
“มันเป็นงานสวมหน้ากากครับ”
“งั้นก็ตอบตกลงไมเคิลไปได้เลยว่าฉันไป”
“แล้วคุณปลายล่ะครับ”
“ไปด้วยสิ”
“เธอจะยอมเหรอครับ”
“นายถามมากจังวะ ฉันมีวิธีของฉันแล้วกัน” แซคพยักหน้าเข้าใจ เจ้านายเข้าจะหาวิธีไหนมาล่อลวงเมียให้รับปากไปด้วย
หลังจากทานอาหารเสร็จทั้งสองคนก็พากันกลับคอนโดระหว่างทานอาหารแกริคก็ยังไม่ได้บอกพิรุณรักเรื่องที่เขาจะให้เธอไปงานด้วย เพราะถ้าพูดตอนนั้นยังไงเธอก็ไม่ยอมแน่ พอเข้ามาในห้องแกริคก็ปล่อยพิรุณรักไปอาบน้ำ เขาขอตัวไปทำงานต่ออีกหน่อย
จนกระทั่งเกือบจะสี่ทุ่มแกริคก็เดินเข้ามาในห้องนอน เห็นพิรุณรักกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ เขาก็เลยไปอาบน้ำ
พิรุณรักกดโทรศัพท์ไปมา เธอนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้โทรกลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้ว โทรหาแม่หน่อยดีกว่า ว่าแล้วก็กดโทรออกรอสายไม่นานทางนั้นก็รับ
“นอนรึยังคะแม่”
(กำลังจะนอนแล้วลูก มีอะไรรึเปล่าโทรมาดึกดื่น)
“เปล่าค่ะ แค่คิดถึงไม่ได้โทรหาตั้งหลายวัน พ่อล่ะจ๊ะ”
ครอบครัวของเธอไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาแต่ก็ไม่เคยขัดสนและไม่ได้เป็นหนี้เป็นสิน
(พ่อคุยอยู่กับลุงกำนันข้างนอก คิดถึงก็กลับมาหาสิ เรียนจบแล้วแทนที่จะกลับมาอยู่บ้าน) นั้นไง ว่าแล้ว ว่าโทรไปต้องโดนบ่นเรื่องนี้
“โถ่แม่ ให้ปลายได้ใช้ประโยชน์จากวิชาที่ร่ำเรียนหน่อยสิ”
(แล้วสวนผลไม้เราล่ะใครจะดูแล)
“ก็แม่กับพ่อไงจ๊ะ ปลายทำเป็นที่ไหน”
(เอาเถอะๆ พูดไปก็มีแต่แก้ตัวลูกคนนี้ จะกลับบ้านวันไหน)
“เอ่อ..ปีใหม่ ปีใหม่ปลายจะกลับบ้านะจ๊ะ ไม่แน่ปลายอาจจะกลับไปอยู่ที่บ้านเลย” ปีใหม่ก็อีกสองเดือนข้างหน้า ถึงตอนนั้นแกริคคงกลับประเทศเขาไปแล้ว เธอเองก็คงไม่อยู่ที่นี่เหมือนกัน เธอคงทนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา
แกริคเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียว และทันได้ยินประโยคที่หญิงสาวคุณโทรศัพท์พอดี คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมองหน้าหญิงสาว พิรุณรักยกนิ้วชี้ขึ้นจุปาก บอกให้เขาอย่าพึ่งพูด
(แน่นะ)
“แน่สิคะ ดึกแล้วแม่นอนเถอะค่ะ”
(ดูแลตัวเองด้วยนะลูก)
“ค่ะแม่ คิดถึงแม่นะจ๊ะ ฝากความคิดถึงให้พ่อด้วยนะ บ๊ายค่ะ”
แกริคฟังสิ่งที่เธอพูดกับแม่ออกทุกคำ ร่างสูงเดินเข้าไปหาเธอทั้งที่ยังไม่ทันได้แต่งตัว
“มีอะไรรึเปล่าคะ หนูคุยกับแม่” พิรุณรักถามคนที่เหมือนมีอะไรจะพูดกับเธอแต่ก็ไม่ยอมพูด เอาแต่จ้องหน้าอยู่ได้ เธอก็เริ่มทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน เพราะหน้าอกล่ำๆ ซิกแพคแน่นๆ ของเขามันล่อตาล่อใจเหลือเกิน
“จะกลับบ้านเหรอ” พิรุณรักพยักหน้าตอบเขา เขาคงได้ยินในสิ่งที่เธอพูด งั้นเขาก็คงได้ยินสิว่าเธอจะกลับไปอยู่บ้านหลังปีใหม่ ปากบางเม้มเข้าหากันดูว่าเขาจะว่ายังไง
“อืม” แกริคพยักหน้าเข้าใจ เขาพูดแค่นั้นแล้วก็เดินที่ตู้เสื้อผ้า ทำให้พิรุณรักรู้สึกผิดหวัง เธอหวังอะไรอยู่ปลายฝน ตอนนั้นเขาคงกลับประเทศไปแล้ว
แกริคใส่กางเกงนอนตัวเดียวแล้วเดินขึ้นมานอนบนเตียงกับหญิงสาว หยิบหนังสือที่อยู่หัวเตียงขึ้นมาเปิดอ่าน พิรุณรักเอนตัวลงนอนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่าง หันหลังให้เขาเล่นโทรศัพท์เลื่อนไปเลื่อนมา
แกริคชำเลืองมองพิรุณรัก เห็นอาการแปลกๆ ของเธอเขาก็เก็บหนังสือ แล้วเข้าไปประกบข้างหลังดึงเอวบางเข้ามากอดลูบไล้ไปมา ซบหน้าลงกับซอกคอขาวหอมกรุ่น
“ถ้าฉันอยากขออะไรเธอ จะได้ไหม” พิรุณรักเก็บความน้อยใจเอาไว้ แล้วหันหน้ามาเผชิญกันเขา เธอไม่ควรคิดอะไรมาก แค่วันนี้ตอนนี้เธอมีเขาอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว ตอนนี้มีความสุขที่สุดก็พอ
“ขออะไรคะ”
“เพื่อนฉันมันมาจัดงานแฟชั่นโชว์ที่นี่”