"ดีขึ้นแล้วใช่ไหมแก"
"อืม ก็ดี"หทัยรัตน์กลับมาทำงานตามปกติ เธอกลับมาใช้ชีวิตแบบที่ไม่มีกรวิทย์ในชีวิตประจำวัน แต่ก็ยังมีเขาในความคิดตลอดเวลา ใครบอกเรื่องแบบนี้มันลืมง่ายๆ ตัดใจได้ง่ายๆ ยิ่งเขามาให้ความหวังเธอแบบนี้อีก ยิ่งทำให้เธอคิดเยอะเข้าไปอีก
"เฮ้อ"
"ดี แล้วถอนหายใจทำไม"หทัยรัตน์เหลือบตามองเพื่อน เธอไม่ได้พูดเรื่องที่ตกลงกับกรวิทย์ให้พิรุณรักฟัง เพราะไม่อยากให้เพื่อนคิดมากไปด้วย
วันนี้สองสาวก็มากินข้าวในโรงอาหารกับพี่ๆ ที่แผนก
"น้องหวานสู้ๆนะ มีอะไรปรึกษาพวกพี่ได้"ต้นหลิวพูดขึ้นอย่างให้กำลังใจน้อง
"ถ้าน้องอยากยืมเงินล่ะได้ไหมครับ"มาร์คพูด
"ไอ้มาร์ค น้องเขาไม่ได้มีนิสัยเหมือนแก"หทัยรัตน์ยิ้มบางๆ ให้สองคนที่ทะเลาะตลอดเวลา แต่ก็ทำให้ทุกคนหัวเราะได้
"สู้ๆ นะน้อง"
"ขอบคุณทุกคนค่ะ หวานไม่ได้เป็นอะไรแล้ว หวานทำใจได้แล้วค่ะเรื่องยาย"ทุกคนรู้หวานหทัยรัตน์เหลือยายเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวอดรู้สึกสงสารไม่ได้
"เจ้านายครับช่วงบ่ายมีประชุมทางไกลกับคุณเกรสันและผู้บริหารระดับสูงที่ประเทศอิตาลีนะครับ"แซคกำลังรายงานตารางงานของแกริค
"อืม"การสื่อสารทุกวันนี้เป็นอะไรที่สะดวกสบายที่สุดแล้วเพราะถึงตัวจะไม่อยู่แต่ก็สามารถเข้าร่วมประชุมได้
"มีอะไรอีกไหม"
"ไม่มีแล้วครับ"
"อืม บอกเกรสันด้วยว่าช่วงนี้ฉันไม่รับงานอะไรทั้งนั้นนอกจากที่ประเทศไทย ฉันขอพักสักสามเดือน"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแกริคเดินทางไปเกือบทั่วโลกเพื่อติดต่อธุรกิจ จนไม่มีเวลาพัก ช่วงนี้เขามาประจำการที่ประเทศไทยเขาก็อยากมีเวลาพัก และอยากใช้เวลาอยู่กับพิรุณรักเยอะๆ
"ครับ"
"พิรุณรักอยู่ไหนตอนนี้"แกริคถามหาคนรัก ซึ่งเขามอบหมายให้แซคหาคนสอดส่องคอยเป็นหูเป็นตาดูแลพิรุณรัก
“อยู่โรงอาหารครับ”
“โรงอาหารงั้นเหรอ” แกริคขมวดคิ้วครุ่นคิด
“ครับ”
“โรงอาหารเรามีอะไรน่ากิน” แกริคลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์พร้อมกับถามไปด้วย
“ไม่รู้สิครับ แล้วนี่จะไปไหนครับ” แซคมองคนเป็นนายที่เดินตรงไปที่ประตู
“ก็ไปโรงอาหารไง นายไม่รู้ว่ามีอะไรน่ากินฉันก็จะไปดูด้วยตาของตัวเอง” แซคอ้าปากเหวอกับข้ออ้างของเจ้านาย ได้แต่ค่อนขอดแกริคอยู่ในใจ ไปหาดูเมียล่ะสิไม่ว่า
การปรากฏตัวที่โรงอาหารของแกริคทำให้ทุกคนฮือฮา และเกิดความเงียบกะทันหันทุกคนหยุดการกระทำของตัวเองมองไปยังประธานใหญ่ที่เดินเข้ามาในโรงอาหารอย่างสง่าผ่าเผย
ที่ทำให้ทุกคนตกใจเพราะไม่เคยมีสักครั้งที่ผู้บริหารระดับสูงจะมากินข้าวที่โรงอาหารแม้แต่อาเธอร์เองก็ไม่เคยมา
สายตาของแกริคสอดส่องไปทั่วโรงอาหารเมื่อเจอเป้าหมายที่ต้องการเขาก็เดินตรงไปทันที
ทางฝ่ายพิรุณรักเห็นทุกคนฮือฮาและพี่ๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะสะกิดให้หันไปมองทางต้นเหตุก็รีบหันไป แค่นั้นแหละก็ทำให้เธออ้าปากเหวอ มองคนที่เดินตรงมายังที่เธอนั่งอยู่ด้วยหัวใจที่เต้นระทึก เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามไรมือและขมับ เผลอสบตากับแกริคก็เห็นเขายกยิ้มมุมปาก ยิ่งทำให้พิรุณรักเริ่มนั่งไม่ติดกลัวว่าเขาจะเดินเข้ามาหาตน
“ท่านจะมานั่งกับเราไหม” ต้นหลิวกระซิบถาม ทุกคนในโต๊ะส่ายหน้าทั้งหมด เรื่องความสัมพันธ์ของพิรุณรักกับท่านประธานใหญ่ไม่มีใครรู้นอกจากคนในแผนกไอที ถ้าแกริคเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยทุกคนต้องเกิดความสงสัยแน่
พิรุณรักพยายามส่งสายตาให้แกริคว่าอย่าเชียวนะ อย่ามาทักหรือมานั่งกับเธอเด็ดขาด ทุกคนสายตาในโรงอาหารตอนนี้จ้องมองทุกย่างก้าวของแกริคตาไม่กะพริบดูว่าท่านจะนั่งตรงไหน
ทุกคนในที่นี้ไม่เคยคุยกับแกริคเพราะมีแค่ผู้บริหารหรือพนักงานที่แกริคเปิดโอกาสให้ใกล้ชิดเท่านั้นที่เคยคุยกับเขา แม้แต่พบหน้าก็เห็นแค่ผ่านๆ อย่างเช่นงานเลี้ยงบริษัทที่ผ่านมาหรือตอนที่เขาเข้ามาทำงานและออกจากที่ทำงานแค่นั้น
แกริคมองคนที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ แล้วอยากจะหัวเราะดังๆ นี่เมียเขากลัวขนาดนี้เลยเหรอ มันน่าแกล้งดีนัก เปิดตัวเลยดีไหม เป็นแฟนกับเขานี่มันน่าอายนักรึไง เขาไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ
พิรุณรักไม่มีทางเลือกเมื่อแกริคเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เธอก็ลุกขึ้นทันที ทุกคนในโต๊ะหันไปมองเธอเป็นตาเดียว
“ปลายอิ่มแล้ว” พิรุณรักรีบบอกทุกคนและกำลังจะก้าวออกจากโต๊ะ
แกริคยืนหยุดอยู่ด้านหลังพอดีเห็นทุกการกระทำของหญิงสาวเขาก็ยิ้มหน่อยๆ แล้วหันกลับไปพูดกับแซค
“ฉันจะนั่งโต๊ะนี่”
“เชิญครับ” แซคเดินมาเลื่อนเก้าอี้ให้เจ้านาย แกริคนั่งลงด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่สนใจสายตาที่มองมาโดยนั่งหันหลังให้กับพิรุณรัก
เขาชินกับสายตาแบบนี้แล้ว
“จะทานอะไรดีครับ” แซครอรับคำสั่งอยู่ข้างโต๊ะ
“ปลายนั่งลง” หทัยรัตน์สะกิดเพื่อนให้นั่งลงเมื่อเห็นว่าแกริคไม่ได้เข้ามาร่วมโต๊ะด้วยอย่างที่คิด ทำให้ทุกคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแม้แต่พิรุณรักเองก็ด้วย เธอนั่งลงอย่างโล่งใจ
“ที่นี่มีอะไรน่ากินบ้าง ลองถามโต๊ะข้างหลังดูสิแซค”
สิ้นเสียงของแกริคทำให้พนักงานในแผนกไอทีทุกคนอ้าปากค้างอีกครั้ง ส่วนแซคก็ทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว เจ้านายเขานี่งานแกล้งเมียนี่ถนัดนัก
“ขอโทษนะครับ ที่โรงอาหารของเรามีเมนูอะไรแนะนำบ้างครับ” แซคเดินไปถามทุกคนที่โต๊ะทำเหมือนไม่รู้จักกัน
ทุกคนในโรงอาหารยังจับจ้องอยู่ที่แกริค พนักงานบางคนที่มีตำแหน่งสูงๆ หน่อยก็อยากจะลุกขึ้นมาบริการแกริคโดยเฉพาะผู้หญิงที่แอบกรีดตั้งแต่เห็นแกริคเดินเข้ามาในนี้ แต่ไม่มีใครกล้า ได้แต่มองเลียบๆ เคียงๆ เท่านั้น นึกอิจฉาพนักงานแผนกไอทีที่โชคดี
ทุกคนในโต๊ะสายตาล่อกแล่ก สะกิดกันให้พูดจนกระทั่งทุกคนลงความเห็นทางสายตาว่าให้พิรุณรักเป็นคนพูด พิรุณรักมองหน้าแซคอย่างคาดโทษ แซคก็ได้แต่ส่งยิ้มแหย่ๆ ให้ และอยากจะพูดว่าไม่เกี่ยวกับเขาเลย เจ้านายโน้นที่เริ่ม ไปเคลียร์กันเอาเอง
“มีร้านอาหารตามสั่งอยู่ตรงโน้นค่ะ รสชาติอร่อย สั่งให้เขาทำต้มจืดกับไข่เจียวให้ ท่านประธานน่าจะทานได้” ถึงพิรุณรักจะคาดโทษแกริคแค่ไหน แต่เธอก็ห่วงเรื่องอาหารการกินของเขาไม่อยากให้เขาท้องเสียอีก สองเมนูที่พูดไป ความหมายกลายๆ ก็คือให้แซคไปสั่งให้เจ้านายกิน
แซคยิ้มรับแล้วหันกลับมาที่โต๊ะแกริค
“ตามนั้น สั่งของนายมากินด้วยนะ” แกริคที่ได้ยินหมดทุกอย่างก็บอกแซคทันทีที่แซคยังไม่ได้เอ่ยปาก
“ครับ” แซคเดินตรงไปยังร้านอาหารตามสั่งที่พิรุณรักชี้บอก
ทั้งโต๊ะจึงเหลือแค่แกริคคนเดียว ทุกคนในที่นี้เริ่มหันกลับไปสนใจอาหารของตัวเอง แต่มีบ้างมีแอบเหลือบตาขึ้นมามอง โดยเฉพาะผู้หญิงที่หลงใหลในความหล่อเหล่าของแกริค
แกริคหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ส่งข้อความไปหาแม่เมียตัวน้อยที่นั่งอยู่ด้านหลัง
แกริค: ขอบคุณนะ สำหรับเมนูอาหาร
พิรุณรักหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันทีที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนรวบถึงทุกคนในโต๊ะด้วยที่มองอย่างสนใจ เธอจึงรีบจับโทรศัพท์แนบอกกลัวว่าคนอื่นจะเห็น