“โอเคๆ พอก็พอ แล้วนี่เอมมี่มันจะมาหาแกนะ แกจะออกไปข้างนอกเหรอ”
“จริงด้วย เอาไงดี ฉันก็รับปากเขาไปแล้วด้วย หรือว่าจะไปด้วยกัน”
พิรุณรักส่ายหัว เธอไม่อยากไปเป็น กขค เพื่อน
“ฉันอยู่รับหน้ามันเอง”
“เอางั้นเหรอ”
“อืม ไปเถอะ ไปเจอผู้ชายใหม่ๆ แกจะได้ตัดใจจากคนเก่าได้เร็วๆ”
“ยัยบ้านี่”
พอไม่ได้อยู่คนเดียวทำให้หายเศร้าได้จริงๆ ถึงในใจจะหม่นๆ แต่มันก็ดีกว่าอยู่คนเดียวแล้วนั่งร้องไห้ การได้ระบายออกมาเหมือนระบายความอัดอั้นที่มันแน่นคับอกออกไปส่วนหนึ่ง
“ไปๆ แต่งตัวสวยๆ อย่าเป็นยายเพิ้งไปหาเขานะแก”
หลังจากที่แยกย้ายกับพิรุณรักหทัยรัตน์ก็ตรงมาที่ร้านอาหารที่นัดกับหมอกวินไว้ เธอมาก่อนเวลาสิบห้านาทีหาที่นั่งรอเขาก่อนเลย บรรยากาศร้านที่เขาเลือกถือว่าดีพอสมควร ถึงแม้จะอยู่ในเมืองแต่ก็ร่มรื่นน่านั่ง เพราะมีต้นไม้รอบร้าน
“คุณหวาน รอนานไหมครับ” เสียงทักจากด้านหลังทำให้เธอหันไปมอง
“สวัสดีค่ะ คุณหมอ หวานพึ่งจะมาเหมือนกันค่ะ” หทัยรัตน์ส่งยิ้มให้กวิน
“เป็นไงบ้างครับ สบายดีไหม” คำถามเหมือนไม่มีอะไรเลยทั้งที่พึ่งจะเจอกันเมื่อวาน แต่ในแววตาของหมอกวินสื่อความหมายชัดเจนว่าเป็นห่วงเธอไม่น้อย มันทำให้หทัยรัตน์เริ่มทำตัวไม่ถูก อดคิดตามคำพูดของพิรุณรักไม่ได้
“เราไม่ได้เจอกันนานเลยใช่ไหมคะ” หทัยรัตน์ยิ้มบางๆ ให้เขา
“เหมือนนานเป็นเดือนเลยล่ะครับ” คนที่แหย่เขาก่อนไปไม่เป็นทันทีที่โดยแหย่คืน ปากบางเม้มเข้าหากันแน่น
“ผมล้อเล่นครับ สั่งอาหารดีกว่านะ” กวินเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวเขาก็รีบแก้ตัว เขาแค่ไม่อยากให้เธอเศร้า ถึงใบหน้าเธอจะมีรอยยิ้มแต่เขารู้ว่าใจเธอเศร้าแค่ไหน ดูจากตาบวมๆ คงผ่านการร้องไห้มาเยอะ
“ค่ะ”
พอสั่งอาหารเสร็จทั้งสองก็คุยกันเรื่อยเปื่อย หมอกวินก็ไม่ได้หยอดเธออีกมันทำให้เธอคุยกับเขาได้สะดวกใจขึ้น ถ้าเขาเอาแต่หยอดเธอ มันทำให้เธอรู้สึกว่าไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้เพราะรู้สึกอึดอัด
ตรงทางเข้าร้านมีหญิงชายคู่หนึ่งเดินเข้ามา ทำให้หทัยรัตน์นิ่งค้างเหมือนตัดขาดออกจากโลกภายนอก คนที่แสนคุ้นเคยส่งยิ้มให้กับคนข้างๆ รอยยิ้มแบบนั้น แบบที่เธอไม่เคยได้รับ รอบยิ้มอบอุ่น เอ็นดู
“หวาน คุณหวานครับ” กวินเรียกเธอสองครั้ง เห็นเธอไม่ตอบเขาเลยมองตามเธอ ก็เห็นหทัยรัตน์จ้องชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินเข้ามาในร้าน เขาขมวดคิ้วมองก็จำได้ทันทีว่าผู้ชายคนนั้นคือคนที่มาโรงพยาบาลกับหญิงสาวอยู่บ่อยครั้ง
และเขาก็เข้าใจว่าเป็นแฟนเธอ เพราะผู้ชายคนนี้ออกค่ารักษาพยาบาลให้ยายของหญิงสาวทุกบาททุกสตางค์ แต่ช่วงหลังๆ เขาไม่ค่อยเห็น
ตอนงานศพยายของหทัยรัตน์เขาก็ไม่เห็นผู้ชายคนนี้ เขาคิดว่าทั้งสองคนคงเลิกกันไปแล้ว
บอกตามตรงว่าเขาสนใจในตัวของหทัยรัตน์อยู่มาก เขาถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ ปกติเขาเป็นคนไม่เคยง้อใคร ไม่เคยตามใคร ถ้าคนนั้นไม่อยู่ในสายตาของเขาจริงๆ
เขาชอบหทัยรัตน์ที่เธอเป็นคนกตัญญู ชอบความอ่อนโยนของเธอเวลาอยู่กับยาย บ่อยครั้งที่เขาเข้ามาเห็นสองยายหลานคุยกัน มันทำให้เขาอดยิ้มไปกับเธอไม่ได้
แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจว่าเธอเลิกกับผู้ชายคนนั้นแล้วจริงๆ ถ้าไม่ได้ยินจากปากเธอ มาตอนนี้เขาพอจะรู้ได้ทันทีเลยว่าตัวเองเดาถูก
“หวาน” กวินเรียกเธออีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือไปสะกิด
“คะ คะ หมอว่าอะไรนะคะ” หทัยรัตน์สะดุ้งและเบนสายตาออกจากสองคนนั้นทันที เมื่อคืนเขาออกไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นสินะ แม้แต่คำลาสักคำเขาก็ไม่มีให้เธอ
“ผมบอกว่า อยากให้คุณเรียกผมว่าวินเฉยๆ ได้ไหมครับ เราไม่ได้อยู่โรงพยาบาลกันแล้ว” ที่จริงกวินอยากให้เธอเรียกว่าพี่ด้วยซ้ำ แต่มันคงจะเร็วไป เอาแค่นี้ก่อนก็ได้ ไม่รู้ว่าเธอจะคิดไปถึงไหนแล้วที่เขาขอแบบนี้
“เอ่อ….ได้ค่ะ คุณวิน” หทัยรัตน์ยอมเรียกตามที่เขาขอ
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะคะ” พนักงานมาเสิร์ฟอาหาร
“ร้านนี้บรรยากาศดีมากเลยนะคะพี่กร พิมพ์ชอบมากค่ะ” ทั้งภาพและเสียงที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้หทัยรัตน์ตัวแข็งทื่อทันที ทำไมทั้งสองคนต้องมานั่งโต๊ะข้างๆ เธอด้วย
กรวิทย์เองก็ไม่ต่างกันเขาตกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นหทัยรัตน์ที่นี่ เมื่อคืนเขากลับไปนอนที่บ้านเพราะกลัวว่าเธอจะอึดอัดคิดว่าตอนเช้าจะกลับเข้าไปหา แต่เธอก็ไม่อยู่ซะแล้ว ไม่คิดว่าจะมาเจอเธอที่นี่
“พี่กรจะกินอะไรดีคะ น่าตาน่าทานทั้งนั้นเลย”
หทัยรัตน์มองสำรวจสาวสวยที่มากับกรวิทย์ก็อดอิจฉาไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้มีทั้งความสวย ความน่ารักสดใสอยู่ในตัว ไม่แปลกที่ผู้ชายอย่างกรวิทย์จะตกหลุมรัก
“คุณอยากเปลี่ยนร้านไหม” กวินเห็นสีหน้าของหญิงสาวแล้วเอ่ยถาม
“อ่อ ไม่ค่ะ ทานข้าวเถอะค่ะ” หทัยรัตน์เลิกสนใจทั้งคู่กลับมาสนใจอาหารตรงหน้า
เธอจะไปสนใจเขาทำไมหวาน เขายังไม่สนใจเธอเลย ในเมื่อคิดจะตัดคิดจะลืมก็ต้องทำให้ได้สิ
“ครับ” เมื่อเห็นเธอลงมือทานข้าวกวินก็ลงมือบ้าง เขาไม่ถามไม่เซ้าซี้เรื่องของเธอ
บ่อยครั้งที่หทัยรัตน์เหลือบสายตาไปมองกรวิทย์และผู้หญิงของเขาอย่างอดใจไม่ได้ ความเอาใจใส่ของเขาที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นทำให้เธอเม้มปากแน่น แต่ก่อนเขาก็เคยทำแบบนี้กับเธอ ถึงจะไม่หวาน ไม่มีรอยยิ้มอ่อนโยนให้เหมือนอย่างนี้ก็เถอะ
แต่มาวันนี้เขาทำกับคนอื่น หทัยรัตน์กะพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะร้องไห้ ทำไมความรู้สึกถึงไม่ทำงานตามที่สมองสั่งนะ จะมองเขาให้เจ็บปวดทำไม
“หวานขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” เธอยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเช็ดปาก ขอตัวกวินไปเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับ
หทัยรัตน์หลบมาเข้าห้องน้ำอดไม่ได้ที่จะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ปากบางเม้มเข้าหากันพยายามจะไม่ร้อง พยายามควบคุมอารมณ์ขอตัวเอง เมื่อทำได้เธอจึงเดินออกมาส่องกระจก เติมแป้งเพื่อกลบความหมองคล้ำ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินออกมาข้างนอก