กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 31 – แรงบันดาลใจ
ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมสนารบ
ซูซานคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มจากคฤหาสน์ตระกูลบัลวันและตอนนี้เธอกำลังนอนตัวสั่นสะท้านอยู่บนพื้นถูกเปลวไฟกลืนกิน
‘เวรเอ๊ย’ โนอาห์คือคนแรกที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ เขาฟันดาบใส่คอของชายคนหนึ่งตรงหน้าขณะที่ยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้คาดคิดเมื่อครู่จากนั้นก็พร้อมที่จะวิ่งหนี
เขามีความรู้เกี่ยวกับคาถาเวทมนตร์ไม่มากนักแต่มีสิ่งที่มั่นใจอยู่หนึ่งอย่าง
‘ถ้าชายคนนั้นโจมตีใส่เราแบบเมื่อกี้อีกล่ะก็ เราได้ตายกันหมดแแน่! ฉันต้องถอย! ฉันจะไม่ยอมวิ่งหนีเป็นคนที่สุดท้ายอีกแล้ว!’
เขาสัญญากับตัวเองตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใกล้กับหมู่บ้านลิ่วอันว่า ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นและจำเป็นต้องหนี เขาจะเลือกวิ่งหนีเป็นคนแรก!
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเป็นคนแรกของกลุ่มที่แสดงปฏิกิริยาตอบสนอง เขาระวังตัวกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ เช่นการปรากฏตัวของแมงมุมหุ้มเกราะเหล็กที่บริเวณชายฝั่งทะเลสาป หรือจะเป็นในตอนนี้ที่ไม่ได้รับการรายงานว่ามี จอมเวทย์ ในกลุ่มของทหารหนีทัพด้วย
ก่อนที่เขาจะทันได้หันหลังหนี เกิดคลื่นกระแทกไม่ทราบที่มาวิ่งตรงผ่านเปลวไฟมาหาศัตรู
ซูซานพยายามดิ้นรนลุกขึ้นยืน เผยให้เห็นสภาพที่น่าสังเวชของเธอ ร่างของเธอเปลือยเปล่าแม้แต่ผมสักเส้นก็ไม่เหลือ ผิวหนังของเธอมีแผลพุพอง แขนข้างขวาของเธอขาด ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการทำลายล้างของคาถา ส่วนแขนข้างซ้ายยังคงอยู่พร้อมกับนิ้วมือสองนิ้ว
เธอเปล่งเสียงที่สั่นเครือในลำคออกมาอย่างช้าๆ
“ข้า… หยุดเขาไว้ได้ ภารกิจ… สำเร็จ”
จากนั้นเธอก็กระโดดกลับไปหาชายที่ยืนอยู่ตรงแนวททางเดินภูเขา เขาจ้องเธอพร้อมยิ้มเล็กน้อย ชัดเจนว่าเขารูสึกพอใจกับความเสียที่ถูกสร้างขึ้นจากคาถาของเขา แต่สีผิวของเขาดูซีดเซียวราวกับเหนื่อยล้า
โนอาห์รู้สึกงุนงง เขาพร้อมที่จะวิ่งหนีแล้วแต่จากนั้นเขาก็เห็นศพที่ถูกไฟคลอกลุกขึ้นยืนและพูด
‘เธอน่าจะตายไปแล้วนี่ แค่บาดเจ็บสาหัสเพราะถูกไฟคลอก คงไม่ต้องคิดถึงการที่เธอได้รับการโจมตีที่รุนแรงเลย นี่น่ะหรือคือผู้ฝึกตน?’
เขามองชายที่ยังอยู่รอดตรงหน้า ชายคนนี้ยับยั้งการโจมตีของโนอาห์ได้เสียส่วนใหญ่ จนทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่านี่คือมวยถูกคู่ ที่ไม่ว่าจะต่อสู้กันดุเดือดขนาดไหนสุดท้ายผลลัพธ์ที่เหมือนเดิม
‘เริ่มจะหมดแรงแล้ว’
ไม่เพียงแค่กำลังกายของเขาเท่านั้นที่เริ่มอ่อนล้าแต่ยังรวมถึงสภาพจิตใจด้วย แต่เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นของซูซานก็ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจ ราวกับได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจ จุดฝังเข็มเริ่มดูดซับ “ลมหายใจ” ด้วยความรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ค่อยๆ เติมจนกลับมาเต็มอีกครั้ง
เมื่อชายคนนั้นเห็นโนอาห์ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้เขาก็เกิดความรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาและเตรียมพร้อมรับทุกการโจมตีที่กำลังเข้ามา
“เปล่าประโยชน์”
โนอาห์ว่าขณะเดินผ่านเขา
“เจ้าตายไปแล้ว”
ดาบในมือของชายคนนั้นที่ตั้งตรงพร้อมเสียบอกโนอาห์หักเป็นสองท่อน จากนั้นเลือดสีแดงฉานก็สาดกระเซ็นตั้งแต่ศีรษะจรดเอว ฟันผ่านร่างของเขาตามแนวยาวลงมาแยกเป็นสองท่อน ผู้ฝึกตนที่อ่อนแอไม่สามารถรับมือกับพลังของศิลปะการต่อสู้อันดับสามได้!
โนอาห์เอาชนะเขาได้โดยต้องใช้ปริมาณ “ลมหายใจ” อย่างประหยัด และกระตือรือร้นที่จะไปให้การสนับสนุนคนอื่นๆ ในกลุ่มต่อ
‘ถ้าฉันฆ่าเจ้าจอมเวทย์ไม่ได้ บางทีพวกเขาอาจจะทำได้ถ้าร่วมมือกัน ฉันต้องใช้พลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออย่างชาญฉลาด’
“ลมหายใจ” ในตัวเขาเหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นจากการโจมตีครั้งล่าสุดและตอนนี้เขาก็สามารถที่จะไปช่วยเหลือคนอื่นได้แล้ว
ขณะเดียวกันนั้น แซนดี้และคนอื่นๆ ต่างกลับมาต่อสู้อีกครั้งหลังจากที่เห็นความพยายามของซูซานที่ได้ยื้อเวลาเพื่อพวกเขา
อีธานต่อสู้กับชายที่พยายามจะขวางทางซูซานก่อนหน้านี้ ส่วนสองพี่น้องกำลังปะทะอยู่กับผู้ฝึกตนที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสามคน ดูเหมือนอีธานจะเสียเปรียบต่อความคล่องแคล่วของดาบสั้นและได้รับเล็กๆ น้อยๆ อย่างต่อเนื่องจากการโจมตีที่รวดเร็วของมัน
อีกฟากหนึ่ง แซนดี้และมาร์คโจมตีใส่ชายคนหนึ่งที่ล้อมพวกเขาอยู่แต่ก็ยังไม่วายถูกชายอีกสองคนเข้ามาขวางอยู่เสมอ ข้อได้เปรียบในเรื่องของจำนวนคนนั้นทำให้เห็นชัยชนะในการต่อสู้ที่ช้าลง
โนอาห์เลือกที่จะช่วยสองพี่น้องเนื่องจากการต่อสู้ของพวกเขานั้นจบลงง่ายที่สุดแล้วแต่เขาก็ยังคงไม่มั่นใจนักว่าจะสามารถยั้งการโจมตีดาบสั้นได้หรือไม่หากพวกมันพุ่งเป้ามาหาเขา
ทหารหนีทัพทั้งสามคนยังคนฟาดฟันออกไปอย่างไม่ลดละโดยไม่สนใจบาดแผลที่ข้อมือเลย พวกเขาใช้ศิลปะการต่อสู้ของตัวเองเสริมพลังให้ระดับของ “ลมหายใจ” นั้นสูงขึ้นเพื่อปลดปล่อยการโจมตีขั้นสูงสุดของอันดับสองได้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยความที่เป็นศิลปะการต่อสู้อันดับสามและใช้ปริมาณ “ลมหายใจ” ต่อครั้งมาก โนอาห์จึงสามารถโจมตีได้เพียงสองครั้งเท่านั้น!
ถึงแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของศัตรูจะอยู่ในระดับต่ำ แต่พวกเขาสามารถรักษาพลังในการโจมตีแต่ละครั้งได้อย่างคงที่ และมีข้อจำกัดในการใช้งาน
แต่ทั้งสองพี่น้องยังคงหลบหลีกการโจมตีและสวนกลับได้อย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังคงถูกยับยั้งโดยหนึ่งในทหารหนีทัพและมักจะสร้างบาดแผลให้เล็กๆ ให้เป็นการตอบแทน
บาดแผลปรากฏบนร่างกายของทั้งสามคนอย่างต่อเนื่องแต่พวกเขาก็ยังคงทนไหว และรอจนกว่าหัวหน้าของพวกเขาจะหมดธุระกับหญิงใกล้ตาย
แซนดี้สวนกลับการโจมตีอีกครั้งแต่ผู้ฝึกตนก็ยังคงยับยั้งเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เขากำลังเตรียมตัวเพื่อปลดปล่อยพลังอันมหาศาลอีกครั้งแต่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นผ่านแผ่นหลัง เขาหันกลับไปพบเด็กคนหนึ่งมีผมสีดำยาวถูกมัดรวบเป็นหางม้ากำลังถอยห่างจากเขาไปด้วยความเร็วสูง เด็กคนนั้นมีดวงสีสำฟ้าและอยู่ในชุดกิโมโนสีดำ ในมือทั้งสองข้างของเขากำดาบสีดำ ข้างหนึ่งมีเลือดสดๆ ที่กำลังหยดลงพื้น
เขาไม่มีโอกาสจะได้พูดอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะแซนดี้ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปและเสียบมีดเข้าที่กลางอกของศัตรู ชายคนนั้นตายทั้งๆ ที่ยังไม่คลายสงสัยว่าเด็กคนนั้นมาจากที่ไหน
ทหารหนีทัพเสียชีวิตไปหนึ่งคน การต่อสู้จึงกลายมาเป็นฝั่งของแซนดี้และมาร์คที่ได้เปรียบ ทั้งคู่ประสานการโจมตีใส่ศัตรูที่บาดเจ็บและตายไปในที่สุด
ทั้งคู่ไม่รอช้า เข้าไปช่วยเสริมกำลังในหารต่อสู้ของอีธานทันที มาร์คเพียงหยักหน้าให้โนอาห์ที่ยืนห่างจากพวกเขาระยะหนึ่ง
อีธานกำลังเผชิญกับของแข็ง ศัตรูของเขาแข็งแกร่งเกินไปและสกัดกั้นเขาให้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถตอบโต้ได้
บนแขนของอีธานมีบาดแผลเล็กๆ เต็มไปหมดและมีบาดแผลลึกหนึ่งแผลบนขาข้างซ้ายมันทำให้การเคลื่อนไหวของเขาติดขัด
สองพี่น้องมาถึงด้วยความเร็วสูงและหยุดลงตรงหน้าชายร่างยักษ์เพื่อไม่ยับยั้งไม่ให้เขาสร้างบาดแผลใดๆ เพิ่มเติมบนร่างกายของอีธานอีก จากนั้นก็ปลดปล่อยการโจมตีพร้อมกันใส่ทหารหนีทัพสองคนที่ล้อมเผชิญหน้ากับพวกเขาอยู่
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี ชายคนนั้นจึงเลือกที่จะหนี และจงใจรับการโจมตีเพื่อให้ตัวเองได้หลุดออกจากการถูกล้อมจากนั้นก็วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดตรงไปยังป่า
แต่ในไม่ช้า ดาบยาวโค้งสีดำก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา