“เอ่อ…หนูพลับลองคิดดูอีกครั้งจะได้ไหม ลูกชายฉันมันเลวก็จริงแต่มันก็สำนึกผิดแล้ว มันเปลี่ยนไปเยอะเลยนะเพื่อจะได้กลับไปดูแลหนู” ศรัยฉัตรลองพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
“จำไม่ได้เหรอครับว่าวันนั้นเขาปฏิเสธลูกในท้องผมด้วยถ้อยคำแบบไหน แต่วันนี้กลับเสนอหน้าเข้ามาขอให้แต่งงานด้วย มันไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอครับ”
“มึงจะให้กูทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น แต่ยกโทษให้กูด้วยเถอะนะ กูสำนึกผิดแล้วจริง ๆ กูมันเลวที่เคยด่าว่ามึงสารพัด กูรู้ว่ามันยากจะให้อภัยแต่กูอยากให้เราได้อยู่พร้อมหน้ากันจริง ๆ นะ”
“เลิกคิดเรื่องนี้เถอะครับ คุณหล่อและรวยมาก ใคร ๆ ก็อยากได้คุณจนตัวสั่น จะมีลูกกับใครกี่คนก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องมาทุ่มเทกับผมขนาดนี้หรอก”
“แต่คนที่กูรักก็คือมึงนะ”
“แต่ผมไม่ได้รักคุณ ผมเกลียดคุณ เกลียดคนโกหกปลิ้นปล้อนและชอบเอาแต่ใจ ไปซะ แล้วไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก”
กล่าวจบแล้วก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอน ล็อกประตูไว้ไม่ยอมให้ใครตามเข้าไปได้ คนที่เหลือต่างก็มองหน้ากันด้วยแววตาเศร้า โดยเฉพาะแทนไทที่นั่งคอตก น้ำตาหยดแหมะลงมาอย่างรู้สึกทรมานใจ ความผิดของเขามันไม่สามารถมีอะไรมาลบล้างได้เลยหรือนี่
“อิฉันขอโทษแทนไอ้พลับมันด้วยนะคะ ช่วงนี้มันอารมณ์แปรปรวนบ่อย ๆ บางทีอิฉันเองก็โดนเหมือนกัน ยิ่งมาเจอเรื่องนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ มันคงคิดว่าคุณแทนไทใช้วิธีมัดมือชกเพื่อจะให้มันยอมรับ”
“ไม่เป็นไรครับป้าปิ่น พวกเราเองก็ผิดที่ยอมตามใจไอ้ลูกชายมาพูดเรื่องนี้ เอาเป็นว่าพวกเราขอตัวกลับก่อน หากมีอะไรให้ช่วยบอกผ่านเจ้าไททันมาได้เลยนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณท่าน แต่คิดว่าไอ้พลับมันคงไม่รับความหวังดีหรอก มันเคยบอกว่าจะตัดขาดกับพวกคุณไม่ขอรับความช่วยเหลือ ทั้งที่อิฉันพยายามเกลี้ยกล่อมแล้วแต่มันก็ไม่ยอม”
“ใจแข็งจริง ๆ เลย แต่ฉันก็เข้าใจว่าเรื่องวันนั้นคงฝังใจนั่นล่ะ ยังไงก็หลานพวกเราทิ้งไม่ได้หรอก เอาเป็นว่าฝากป้าปิ่นคอยดูแลด้วยนะ หากจะให้ช่วยจริง ๆ ก็อย่าให้ลูกพลับรู้ก็แล้วกัน พวกเราเองก็รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน” ศรัยฉัตรว่า สีหน้าเธอนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยเช่นกัน
“ค่ะคุณนาย”
“ฉันไม่ใช่เจ้านายป้าแล้วเรียกคุณฉัตรเฉย ๆ ก็ได้ เอาเป็นว่าเราขอตัวกลับก่อนนะ”
“ค่ะ เดี๋ยวอิฉันลงไปส่งหน้าบ้าน”
ทุกคนลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับทว่าแทนไทยังคงนั่งนิ่ง จ้องมองไปยังบานประตูห้องของลูกพลับ เห็นอย่างนั้นคนเป็นพ่อกับแม่ก็ถอนหายใจ ส่ายหน้าเบา ๆ ใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารอีกใจก็สมน้ำหน้า
“ตาแทนกลับบ้าน”
“ผมขอคุยอะไรกับลูกพลับสักครู่ได้ไหมครับแล้วจะตามไป”
“แกจะไปกวนใจน้องอีกทำไม” คนเป็นพ่อต่อว่าเสียงดุ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณท่าน ลูกพลับมันอยู่ในห้องคงไม่รบกวนอะไรมากมายหรอก ปล่อยให้คุณแทนได้พูดความในใจก็ยังดี ดูท่าคงมีเรื่องอัดอั้นไม่น้อย”
“ถ้างั้นก็รีบตามมาละกัน”
“ครับคุณพ่อ”
ทุกคนเดินจากไปแล้วแทนไทก็เดินตรงไปยังประตูห้อง เขายกมือขึ้นเคาะเบา ๆ แล้วยื่นใบหน้าเข้าไปในระยะประชิด เพื่อจะเอ่ยอะไรบางอย่าง
“ลูกพลับ มึงได้ยินกูไหม”
“…”
“กูรู้ว่ามึงได้ยิน มึงจะไม่ยอมยกโทษให้กูจริง ๆ ใช่ไหม กูยอมมึงทุกอย่างแล้วนะ มีอะไรจะให้กูปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกูยอมหมดทุกอย่างเลย ขอแค่โอกาสอีกสักครั้งจะได้ไหม”
ไม่มีเสียงตอบรับจากภายในห้อง แทนไทได้แต่ยืนมองบานประตูผ่านม่านน้ำตา เขากับลูกพลับจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ หรือนี่ ทำไมเขาไม่คิดได้ให้เร็วกว่านี้สักหน่อย ทำไมวันนั้นต้องพลั้งปากว่าไม่ใช่ลูก ไม่ยอมรับ หากจะมีใครผิดก็คงเป็นตัวเขาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาจากเขา อยากเอาชนะพี่ชายจนทำเรื่องไม่น่าให้อภัย
“ถึงมึงจะไม่ยอมให้อภัยกู แต่กูยังสัญญาว่าจะไม่มีใคร จะรอแค่มึงคนเดียว รอจนกว่าเราจะได้กลับมาอยู่อย่างพร้อมหน้ากัน พ่อ แม่ ลูก ฝากมึงเลี้ยงลูกด้วยนะ แล้วบอกเขาด้วยว่าพ่อคนนี้รักแกมากที่สุด เรื่องของมึงกับกูคงไม่มีทางเป็นไปได้จริง ๆ แล้วใช่ไหมวะ ฮือ ๆ”
แทนไทปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย ทรุดตัวนั่งลงแล้วซบแก้มที่บานประตูอย่างหมดหนทางสู้แล้ว ความรู้สึกเจ็บปวดและทรมานที่ได้รับ คงไม่อาจเทียบเท่ากับความรู้สึกของลูกพลับ เพิ่งจะรู้ว่าเวรกรรมมันมีอยู่จริงและเขากำลังเผชิญมันในตอนนี้และคงอีกตลอดทั้งชีวิต
“กูไปแล้วนะ ดูแลตัวเองให้ดี ๆ ก่อนไปกูมีเรื่องเดียวที่จะขอร้อง ไม่ว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นพ่อของลูกในอนาคต ขอให้มึงเลือกคนดี ๆ มาช่วยดูแลลูกของเรานะ กู…คงไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่นั้นแล้ว”
แทนไทเปล่งคำพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลหลั่งไม่ขาดสาย พยายามตั้งสติแล้วลุกขึ้นยืน มองไปยังบานประตูราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างช้า ๆ
ลูกพลับที่ยืนฟังอยู่อีกฝั่งของบานประตูทรุดตัวนั่งลงกอดเข่า ปล่อยโฮออกมาอย่างหนักหน่วง มันคงสายไปแล้วจริง ๆ สินะ แทนไทคงไม่กลับมาตามง้อเหมือนที่ผ่านมาแล้ว เขาควรจะดีใจสิที่ไม่มีผู้ชายคนนั้นเข้ามาสร้างความปั่นป่วนในชีวิตอีกแล้ว ต้องดีใจสิถึงจะถูก
“ฮึก ไหนคุณบอกว่ารักผม แล้วจะถอดใจง่าย ๆ อย่างนี้เหรอ แต่ก็ดีเหมือนกัน ผมก็ไม่อยากให้ผู้ชายขี้แพ้อย่างคุณมาดูแลเหมือนกัน ผมดูแลตัวเองได้รู้ไว้ซะ” กล่าวแล้วก้มหน้าลงระบายน้ำตาอย่างรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน
แทนไทปาดน้ำตาออกจากแก้มจนหมดแล้วเดินตามหลังไปจนถึงรถที่จอดรออยู่ เมื่อขึ้นไปนั่งที่เบาะคนขับแล้วคนเป็นพ่อที่นั่งข้างกันจึงยื่นมาตบบนบ่าเบา ๆ เพื่อปลอบใจ
“ทำใจซะเถอะเขาคงไม่เอาแกแล้วจริง ๆ”
“ผมเข้าใจครับพ่อ ผมคงไม่ใช่เนื้อคู่ลูกพลับจริง ๆ”
“อย่าเศร้าไปเลย บางทีเวลาอาจจะช่วยเยียวยาให้ลูกพลับใจอ่อนก็ได้ หากว่าแกยังคิดจะรอ” คนเป็นแม่ที่นั่งเบาะหลังส่งเสียงเข้ามา
“ผมรออยู่แล้ว กลัวแต่ลูกพลับจะมีคนใหม่ ผมกลัวใจลูกพลับเหลือเกินครับ แต่ก็ไม่อยากเข้าไปแตะต้องอะไรอีกแล้ว กลัวว่าระหว่างเรามันจะยิ่งแย่ไปกว่านี้”
“ปล่อยไว้สักพักแล้วค่อยว่ากันดีกว่า ปะกลับบ้านกัน อ้อแล้วบ้านหลังนี้จะเอายังไง”
“ผมจะขายครับ”
“แน่ใจนะ”
“ครับพ่อ เพราะผมคงไม่ได้มาอยู่แล้ว”
“แกจะไม่มาเยี่ยมลูกบ้างเลยเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับคือ…หลังเรียนจบแล้วผมจะบวชทันทีเลย ผมเคยบอกเอาไว้ไงว่าจะบวช”
“แกเอาจริงเหรอตาแทน” คนเป็นแม่เบิกตาด้วยความตกใจ มองหน้าสามีอย่างนึกหวั่นใจ กลัวว่าลูกชายจะเสียใจจนบวชไม่สึกไปตลอดชีวิต
“จริงครับคุณแม่ ถือซะว่าบวชทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่ด้วยก็แล้วกัน”
“ก็ดีเหมือนกัน บางทีการอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์อาจจะทำให้แกทำใจได้”
“ขอบคุณครับที่เข้าใจ”
เมื่อได้เปิดอกกับบิดามารดาแล้วแทนไทก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แม้ความเครียดจากเรื่องเมื่อครู่ยังไม่ลดดีกรีลง แต่เชื่อว่าเขาจะสามารถทำใจได้สักวัน หวังว่าเมื่อได้เจอหน้ากับลูกพลับอีกครั้งจะมองหน้ากันได้อย่างไม่รู้สึกผิดใด ๆ อีกแล้ว