ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาแทนไทได้ตัดสินใจดีแล้วที่จะสารภาพความจริงกับลูกพลับ เขาไม่อยากจะปล่อยให้เวลามันล่วงผ่านเลยไป พร้อมกับการโกหกที่ไม่มีวันจบสิ้นหากอยู่ในคราบของโต จะต้องทำให้ลูกพลับยอมรับในตัวตนที่แท้จริงให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป
เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้แทนไทได้นัดหมายให้ลูกพลับมาหาที่บ้านในช่วงค่ำ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก เมื่อรู้อย่างนั้นลูกพลับก็รู้สึกตื่นเต้นตามไม่น้อย หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้วเจ้าตัวก็รีบอาบน้ำอาบท่า ปะแป้งหอม ๆ แต่งตัวออกมาจากบ้านอย่างอารมณ์ดี ไม่วายที่จะแวะทักทายเจ้าโชคดีที่ตอนนี้เริ่มเดินได้เกือบปกติแล้ว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เคาะประตูบ้านแล้วก็ยืนยิ้มรอ ทว่าเสียงเรียกของผู้เป็นเจ้าของบ้านกลับอยู่ทางฝั่งข้างบ้านเสียอย่างนั้น แทนไทยืนยิ้มให้พร้อมกวักมือเรียก ตรงนั้นมีเตียงไม้ไผ่ตั้งอยู่ด้วย เมื่อเดินเข้าไปถึงแล้วก็ยืนเผชิญหน้าพลางส่งยิ้มให้กัน แม้อาจจะมองเห็นไม่ชัดเจนนักแต่ก็รู้ว่าเป็นรอยยิ้มที่จริงใจ
“ทำไมวันนี้ออกมาข้างนอกล่ะครับ”
“พี่อยากให้มันเป็นวันพิเศษของเราน่ะ มานั่งก่อนสิ”
คนพูดคว้ามือเรียวให้เดินมาหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงไม้ไผ่ ส่วนแทนไทยังคงยืนอยู่ อีกฝ่ายมองด้วยสีหน้าฉงนแล้วเอ่ยปากถาม
“ทำไมพี่โตไม่นั่งล่ะครับ”
“พี่จะเข้าไปเอาของข้างในก่อนเดี๋ยวออกมานะ” เขาวางมือบนกลางกระหม่อมยีผมเล่นเบา ๆ พลางส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้แล้วเดินเข้าไปในบ้าน
ลูกพลับนั่งประสานมืออยู่บนเตียงรออย่างใจจดใจจ่อ ท่ามกลางความเงียบงันทำให้ได้ยินเสียงจักจั่นประสานร้องอย่างถนัดหู เงยขึ้นไปบนท้องฟ้าก็เห็นหมู่ดาวพร้อมใจกันเปล่งแสงระยิบระยับ อากาศก็กำลังเย็นสบายดี บรรยากาศเช่นนี้ทำให้เจ้าตัวอดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะสารภาพรัก หรือไม่ก็สร้างเซอร์ไพรซ์ยิ่งกว่านั้น คิด ๆ ดูแล้วก็น่าเหลือเชื่อที่เขาและโตย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ในเวลาไล่เลี่ยกัน ได้รู้จักกันและรู้สึกพิเศษต่อกัน มันอาจจะเป็นพรหมลิขิตก็เป็นได้
“เฮ้ย!”
ลูกพลับต้องอุทานออกมาเมื่อจู่ ๆ สนามหญ้าและพุ่มไม้รอบตัวมีไฟเปล่งแสงระยิบระยับขึ้น เขามองไปรอบตัวก็เห็นแทนไทเดินยิ้มเข้ามาหาแล้วนั่งลงข้างกัน รอยยิ้มนั้นยังคงฉายอยู่ตลอดเวลา ทำเอาคนที่กำลังจ้องมองหัวใจอ่อนไหวจนรู้สึกประหม่า ยิ่งนานวันยิ่งหลงใหลในความเป็นธรรมชาติของโต เขาไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน น่าจะเจอกันให้เร็วกว่านี้เพราะอยากจะให้โตเป็นพ่อของลูกจริง ๆ
“ผมไม่นึกเลยว่าพี่โตจะทำเรื่องอย่างนี้ได้ด้วย”
“เซอร์ไพรซ์ล่ะสิ พี่มีเรื่องจะเซอร์ไพรซ์กว่านี้อีกนะ”
“กว่านี้อีกเหรอครับ ผมชักอยากจะรู้ซะแล้วสิ”
“พี่คิดว่าลูกพลับน่าจะรู้แล้วว่าพี่คิดยังไง พี่รักลูกพลับมากนะครับ ลูกพลับเป็นคนจิตใจดีมากรู้ตัวไหม ดีจนคนอย่างพี่ไม่คู่ควรเลยด้วยซ้ำ เราทำให้พี่ได้รู้ว่าการที่จะรักใครคนหนึ่งนั้นมันไม่ต้องมีเหตุผลใด ๆ มาอธิบายมากมายหรอก ขอแค่มีความรู้สึกดีด้วย อยู่ใกล้แล้วมีความสุข แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
“วันนี้พี่โตพูดเก่งผิดปกตินะครับ จะเซอร์ไพรซ์อะไรผมเหรอเนี่ย” หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักเมื่อเขาเขยิบก้นเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ก่อนที่มือเรียวจะถูกคว้าไปกุมเอาไว้
“พี่ไม่อยากให้มือของลูกพลับต้องหยาบกร้านไปมากกว่านี้แล้ว พี่อยากจะถนอมมันไว้เพื่อให้พี่สัมผัสเท่านั้นรู้ไหม”
“ไปเอาคำพูดเลี่ยน ๆ พวกนี้มาจากไหนเนี่ย ดูไม่เหมือนพี่โตเลย” คนพูดเงยขึ้นสบตาพลางส่งรอยยิ้มบาง ๆ ให้
“มันออกมาจากใจพี่ ไม่ได้จำมาจากไหนสักหน่อย พี่อยากให้ลูกพลับรู้ว่าพี่รักเรามาก ไม่ว่าพี่จะเป็นใครมาจากไหนแต่ในหัวใจดวงนี้มีเพียงดวงเดียว และก็มีเพียงลูกพลับจับจองอยู่ทั้งสี่ห้องหัวใจ จะไม่มีวันมอบให้ใครอย่างแน่นอน”
“ผมรู้แล้วน่า”
“พี่มีของจะให้”
“อะไรเหรอครับ”
“หลับตาก่อนสิ”
เมื่ออีกฝ่ายยอมหลับตาแล้ว แทนไทก็ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือสร้อยคอที่มีรูปฟันเฟืองห้อยอยู่ตรงกลาง เขาเคยได้รับมาจากรุ่นพี่เมื่อครั้งเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง เรียนมาจนถึงปีสี่แล้วยังไม่เคยคิดจะมอบมันให้ใคร เพราะยังไม่รู้สึกรักใครอย่างจริงจัง แต่บัดนี้ลูกพลับทำให้เขายอมแพ้ ยอมมอบหัวใจให้ด้วยความดี ช่วงเวลาที่ผ่านมาลูกพลับได้ลบล้างอคติในใจเขาออกไปจนหมด และกลายเป็นแทนไทคนใหม่ที่มองความรักเป็นเรื่องสำคัญ และควรจะจริงจังเมื่อคิดว่าเจอคนที่ใช่
เขาสวมสร้อยคอเส้นนั้นคล้องคอให้คนที่นั่งตรงหน้า ก่อนจะโน้มเข้าไปจุมพิตที่กลางหน้าผากนุ่ม ยิ่งใกล้ถึงวินาทีสำคัญหัวใจยิ่งเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ มันสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ลูกพลับจะมีปฏิกิริยาอย่างไรนะหากได้รู้ว่าโตและแทนไทคือคนเดียวกัน
“ลืมตาได้แล้ว”
เสียงที่ดังอยู่ข้างใบหูทำให้รู้สึกขนลุกชันไปทั้งตัว เปลือกตาสวยเปิดขึ้นช้า ๆ ก่อนจะเห็นรอยยิ้มของแทนไทอยู่ตรงหน้าแล้ว มือน้อย ๆ กุมที่จี้ฟันเฟืองแล้วก้มลงมอง คิ้วเรียวขมวดเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขารู้ทันทีว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของเหล่านักศึกษาวิศวะนี่นา แล้วโตไปมีเกียร์ของวิศวะได้อย่างไรกัน
“นี่มันเกียร์ของเด็กวิศวะนี่ครับ”
“ถูกต้อง”
“ผมไม่ยักรู้มาก่อนว่าพี่โตเคยเรียนคณะนี้ด้วย”
ได้ยินอย่างนั้นแทนไทก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกความกล้า “พี่ขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา พี่โกหกลูกพลับมาโดยตลอด จริง ๆ แล้วพี่กำลังเรียนวิศวะปีสี่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับลูกพลับ”
“พี่โตกำลังล้อเล่นใช่ไหมครับ” เอ่ยถามทั้งที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไปตั้งแต่ได้ยินคำว่าขอโทษแล้ว
“พี่ไม่ได้โกหก จริง ๆ แล้วพี่ไม่ได้พิการ ไม่ได้อัปลักษณ์อะไรทั้งนั้น ที่ทำเพราะอยากจะอยู่ใกล้ลูกพลับ” แทนไทกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ เป็นครั้งแรกที่เขากำลังจะร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว ดวงตาคมเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสและในที่สุดมันก็หยดแหมะลงมา เอื้อมมือขึ้นไปคลายผ้าพันรอบใบหน้าออกอย่างช้า ๆ จนเผยให้เห็นใบหน้าจริงที่ซ่อนอยู่
“คะ คุณแทนไท ไม่จริง! มันไม่ใช่เรื่องจริง”
“กูขอโทษที่โกหกมึงมาตลอด แต่กูรักมึงจริง ๆ นะ”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
คนที่ร้องไห้หนักกว่าคงเป็นลูกพลับ เจ้าตัวง้างมือฟาดที่ใบหน้าหล่อสุดแรงถึงสองครั้งติด ถลึงตามองชายหนุ่มจอมลวงโลกอย่างโกรธแค้น หันหลังให้เพื่อจะเดินออกไปจากตรงนั้น ทว่าแทนไทได้รั้งตัวเอาไว้ด้วยวงแขนแกร่ง สวมกอดจากด้านหลังไม่ยอมให้ไปไหน
“ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดี อย่าไปเลยนะ” คนพูดซบหน้าใบหน้าลงที่แผ่นหลัง มีเสียงสะอื้นให้ดังให้ได้ยิน ลูกพลับอึ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะร้องไห้เป็นด้วย หรือว่านี่คือการเล่นละครตบตาเพื่อเรียกคะแนนสงสารเท่านั้น
“ปล่อย! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้เลย แค่นี้ยังทำร้ายผมไม่พออีกเหรอ ลงทุนตามมาถึงที่นี่คุณต้องการอะไรกันแน่ ต้องการอะไรจากชีวิตผม ฮือ ๆ”
“กูไม่ได้ต้องการทำร้าย แต่อยากปกป้อง อยากดูแลในฐานะผัวเมีย มึงเป็นเมียกูแล้วนะ แถมยังท้องลูกของเราอีกด้วย จะไม่ให้ตามมาดูแลได้ยังไง เชื่อกูเถอะนะ ตอนนี้กูสำนึกผิดทุกอย่างแล้ว หลังจากนี้กูจะไม่ทำให้มึงเจ็บปวดอีกแล้ว”