องครักษ์เสื้อแพร 804

ตอนที่ 804

บัณฑิตหลังสอบขุนนางผ่านก็จะได้เป็นขุนนาง ขุนนางบัณฑิตเมื่อได้เลื่อนตำแหน่งก็จะไปสู่ตำแหน่งในส่วนกลาง ดังนั้นคนพวกนี้รวมตัวก่อเรื่อง ราชสำนักจึงค่อนข้างให้ความสำคัญ ราชสำนักย่อมไม่ปล่อยไปง่ายๆ

สามารถร่ำเรียน สามารถเป็นขุนนาง ครอบครัวส่วนใหญ่ต้องมีเงินทองมาก คนรวยพวกนี้กับวงการขุนนางก็ย่อมมีสัมพันธ์กัน ระดับนี้ต้องพิจารณาให้รอบด้าน

แผ่นดินหมิงตั้งมานาน ราชสำนักมักใช้ไม้กระบองลงโทษตีขุนนางตาย มักจับขุนนางบัณฑิตเข้าคุกลงโทษ ตายไปก็ไม่น้อย แต่พอคนพวกนี้รวมตัวกัน สถานการณ์ย่อมไม่เหมือนกัน ความโกรธฝูงชนยากกำราบ นับประสานอันใดกับ ‘ฝูงชน’ ที่ว่าเป็นขุนนางและตระกูลมีชื่อจำนวนมาก สายสัมพันธ์บารมีมากมี

หากจับกุมทำให้ตายไปเมื่อใด ขุนนางพวกนี้ก็ยิ่งก่อเรื่องมาก ผู้ใดจะออกมาจัดการให้สงบได้ง่ายกัน ทว่าเรื่องพวกนี้ หลังจบเรื่องหากต้องหาคนรับผิดชอบ ก็ต้องจับตัวใหญ่มาลงโทษให้หนัก

ดังนั้นคนพวกนี้จึงไม่ค่อยใช้วิธีนี้เท่าไร เพราะหากมีเรื่อง เบื้องบนย่อมจัดการอย่างรอบคอบ ผู้ใดก็ไม่กล้าปล่อยปละไป หากไม่ระวังเกรงว่าก็คงได้ตายไปหรือถูกปลดไปแทน

หน้าที่ทำการผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรมีคนมาล้อมเรียกร้องเอะอะ มิน่าหยางซือเฉินจึงได้เคร่งเครียดเช่นนั้น ราวกับกำลังเผชิญศัตรูใหญ่ ทว่าเรื่องนี้ก็แก้ไขได้ง่ายมาก มีคนตะโกนว่าหอคณิกามีการแสดงใหม่ โรงงิ้วมีงิ้วเรื่องใหม่ ก็หายไปทันทีครึ่งหนึ่ง

“ข้าอำนาจมากน้อย ขุนนางบุ๋นพูดแล้วได้ผลหรือขุนนางบู๊พูดแล้วได้ผล ส่งผลต่อใต้หล้าได้ ย่อมมีไม่เกิน 20 คน 20คนนี้ย่อมมีผู้ร่วมขบวนการไม่ถึง 200 คน 200 คนนี้ก็ใช่ว่าจะได้รับผลกระทบที่เกิดจากข้า ใช่ว่ามีผลได้ผลเสียกัน ผู้ใดจะสละชีพไม่กลัวตายกันจริงๆ”

รอทหารติดตามหวังทงจับกุมกลุ่มคนท้ายสุดมาได้ หวังทงยิ้มกับหยางซือเฉินกล่าววิจารณ์ขึ้น สีหน้าหยางซือเฉินยังคงเป็นกังวล หวังทงได้แต่กล่าวว่า

“พวกที่ไม่สามารถทนอดอาหารค่ำได้ เอาแต่คิดไปเที่ยวหอคณิกาดูงิ้วพวกนั้น ท่านยังหวังให้พวกเขามีอุดมการณ์อันใด เป็นเพียงกลุ่มนกกาก็เท่านั้น”

ทหารปฏิบัติหน้าที่ในที่ทำการส่วนใหญ่กลับไปแล้วครึ่งหนึ่ง  ส่วนการสอบสวนคนพวกนี้ไม่ใช่หน้าที่ทหารเหล่านี้ หน่วยรักษาความสงบกับศาลซุ่นเทียนส่งเจ้าหน้าที่ทหารชำนาญการมาสอบสวนลงทัณฑ์ในคุกองครักษ์เสื้อแพร ไฟสว่างทั้งคืน

ไม่ต่างกับที่หวังทงคิดนัก ตอนเข้าจับกุมคนมาได้ ตอนบ่ายก็มีคนมาล้อมหาเรื่อง และคนที่มาหาเรื่องถูกจับได้แล้ว ก็กลับเงียบสงบไปหมด จากนั้นก็ไม่มีคลื่นลมใดอีก มีคนกลับไปกินข้าว มีคนไปเที่ยวเตร่ มีคนไปฟังงิ้ว ผู้ใดก็ไม่สนใจคุณธรรมใหญ่อันใดอีก

คืนดึกสงัด มีคนเห็นหน้าประตูสำนักองครักษ์เสื้อแพรมีเสียงร้องไห้ดัง ในบรรดาคนก่อเรื่อง ส่วนใหญ่เป็นคนมามุงดู มีบ้างที่สมองเลอะเลือน  คิดว่าตนเองเป็นพวกผดุงคุณธรรมใหญ่พวกนั้น ที่เหลือหลังคนกระจายตัวกลับ พวกเขายังอยู่หน้าประตูต่อ ก็ถูกจับกุมหมด

ครอบครัวพวกเขามากัน เดิมคิดว่าจะถูกองครักษ์เสื้อแพรดุด่าไล่ตี ทว่ากลับนุ่มนวลยิ่ง  ถามชื่อเสียงกระจ่างก็ปล่อยตัวกลับไป

บัณฑิตหัวแข็งพวกนี้ตอนออกมาก่อเรื่องล้วนเลอะเลือน กำลังวังชาไม่ดีนัก ตามตัวไม่ได้บาดเจ็บอันใด แต่ตอนนี้มีรอยช้ำตามตัวเพราะขัดขืนตอนถูกจับกุม

คนที่บ้านถามไถ่เป็นห่วง ผู้ใดก็ไม่กล้าคิดมาก รีบกลับบ้านทันที พวกที่ออกมาหลังได้ยินพวกที่ออกมาก่อนเล่าว่า การสอบสวนในคุกนั้น พอถาม พวกที่ปลุกระดมก็ตอบไปหมด รู้ว่าถูกหลอกใช้ เป็นเครื่องมือทำร้ายผู้อื่น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่คิดแล้วพึงพอใจอันใด

************

บรรยากาศเฉลิมฉลองในเมืองหลวงเริ่มครื้นเครง  ทัพใหญ่มีชัยกลับเมืองหลวงมาตรวจนับกำลัง สถานการณ์นี้ไม่ค่อยได้พบเห็นในเมืองหลวง หลายปีมานี้ ราษฎรเมืองหลวงได้ยินแต่พ่ายแพ้ ชาวบ้านที่ใดสักที่ถูกพวกนอกด่านหรือไม่ก็โจรสลัดสังหารปล้นฆ่าเสียมากกว่า  ตั้งแต่มีชีจี้กวง อวี๋ต้าโหยว หลี่เฉิงเหลียง  จึงพอได้ยินข่าวชัยชนะบ้าง ตอนนี้ยังมีหวังทงนำชัยชนะใหญ่อันรุ่งโรจน์มา

นักเล่านิทานในร้านน้ำชาและร้านอาหารล้วนเล่าว่า  หวังทงเป็นดังดาวบนท้องฟ้าที่ส่องประกาย เป็นดังผู้ที่สวรรค์ส่งมาช่วยเหลือฝ่าบาท ไม่เช่นนั้นตอนนั้นที่เปิดร้านอาหารเล็กๆ ฝ่าบาทจะคิดไปเสวยเนื้อน้ำแดงได้อย่างไรกัน!

เมืองหลวงแต่ละแห่งเตรียมการ ส่วนใหญ่ศาลซุ่นเทียนกับศาลอาญาใหญ่ออกหน้า ศาลซุ่นเทียนมีหลี่ว์วั่นไฉร่วมประสานงานกับองครักษ์เสื้อแพร ย่อมทำงานได้สะดวกคล่องตัว

เทียบกับบรรยากาศเฉลิมฉลองตามท้องถนนแล้ว แต่ละหน่วยงานเรียกได้ว่าเงียบเหงามาก หลังชัยชนะใหญ่มีเรื่องมากมายให้ต้องขบคิด กรมทหารกับกรมอากรและสำนักในวังส่งขุนนางและขันทีไปเมืองกุยฮว่าเฉิง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมการงานยุ่งมาก

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ชัยชนะนี้ของหวังทง บรรดาเสนาบดีหน่วยงานต่างๆ กลับไม่ได้แสดงออกว่ายินดีนัก แต่เป็นความไม่เป็นมิตรเสียมากกว่า  เบื้องบนส่งผลเบื้องล่าง ทุกคนรู้จุดยืนของตนเองดี

สำนักองครักษ์เสื้อแพรปกติดีทุกอย่าง เมื่อวานเพิ่งมีคนมาก่อเรื่อง วันนี้ทหารในเมืองหลวงระดับนายกองร้อยก็มาถึงที่ทำการรออยู่ก่อนหน้าแล้ว

ฟ้าเพิ่งมีแสงรำไร กลองวังหลวงเพิ่งตีดังไม่นาน ขันทีคนสนิทที่สุดของฮ่องเต้ว่านลี่ เจ้าจินเลี่ยงหัวหน้างานสำนักส่วนพระองค์ ก็นำราชโองการมาถ่ายทอด

“…….หวังทงเป็นผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร ……”

ราชโองการร่างไว้มากมาย แต่ประเด็นที่สุดทุกคนก็ฟังเข้าใจ วันหน้าทุกคนเรียกหวังทง ก็ต้องเรียกว่า “ผู้บัญชาการหวัง” แล้ว

ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรเป็นขุนนางบู๊อันดับหนึ่งในราชสำนัก ปกติต้องปรากฏตัวในท้องพระโรงยามประชุมขุนนาง แต่ทว่าหลังจางจวีเจิ้งกุมอำนาจ รู้สึกว่าขุนนางบู๊อันดับหนึ่งไม่จำเป็นต้องปรากฏตัว จึงเปลี่ยนธรรมเนียม

ไม่ว่าจางซื่อเหวยกับเซินสือหังจะทำตามหรือไม่ทำตามการเปลี่ยนแปลงของจางจวีเจิ้ง ความเคยชินนี้ก็มีสืบต่อมา  ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรมีเรื่องปรากฏตัว ไม่มีหน้าที่ปฏิบัติก็ไม่ต้อง ที่จริงแล้วก็เท่ากับว่าลดตำแหน่งสถานะผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรลง

ตอนนี้หวังทงขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ ฮ่องเต้ว่านลี่ย่อมส่งเสริม เช้าตรู่มาก็ประกาศราชโองการยังสำนักองครักษ์เสื้อแพรก็เพื่อให้ทุกคนในสำนักองครักษ์เสื้อแพรได้รู้ และให้หวังทงรีบเข้าประชุมขุนนางในวัง

ราชโองการประกาศจบ เจ้าจินเลี่ยงก็ยิ้มร่าเข้ามาแสดงความยินดี เห็นขันทีที่ตามมาพากันใบ้กิน เจ้ากงกงอายุยังน้อย หากไว้ตัวอยู่ไม่น้อย นอกจากฝ่าบาทกับจางกงกงแล้ว ไม่เคยเห็นเกรงใจผู้ใด

หน่วยวินัยทหาร กองลาดตระเวน หน่วยฝึกทหารและนายกองพันในเมืองพากันมาแสดงความยินดี ป้ายประจำตัวผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรเปลี่ยนเป็นป้ายงาช้างที่เตรียมไว้แล้ว  พอแขวนให้หวังทง เปลี่ยนชุดขุนนาง ทักทายกันสองสามคำ หวังทงก็เข้าวังไป

การออกว่าราชการหน้าพระที่นั่ง ณ พระที่นั่งเฟิ่งเทียนเหมิน ทุกคนแต่เช้าก็จะมาวิพากษ์วิจารณ์หารือกัน หวังทงรายงานตัวด้านนอกแล้วก็เข้าไป

สำหรับขุนนางที่มีสถานะพอจะปรากฏตัวในที่ประชุมนี้ได้ พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนได้ยินชื่อเสียงหวังทงมานาน แต่ไม่เคยได้เห็นตัวจริง หลายวันนี้เกิดเรื่องมากมาย พวกเขาย่อมไม่รู้สึกดีหรืออยากยิ้มให้หวังทง แต่ละคนล้วนมองดูด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่แสดงท่าทีอันใด

หวังทงในชุดผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรอายุน้อยจนดูประหลาด ขุนนางใหญ่หลายคนเห็นหวังทงแล้วก็มองไปยังฮ่องเต้ว่านลี่ พากันถอนหายใจ  ฮ่องเต้อายุน้อย ขุนนางอายุน้อย พวกเราแก่ไปแล้วจริงๆ

ปกติได้ยินแต่ข่าวหวังทงเหิมเกริมอย่างไร หวังทงวางอำนาจอย่างไร วันนี้ได้เห็นเอง  กลับไม่เห็นการวางอำนาจเหิมเกริมอันใดจากการวางตัวของหวังทง  กลับรู้สึกว่าหวังทงมีท่าทีนิ่งเป็นผู้ใหญ่อย่างที่คนอายุเท่านี้ไม่พึงมี  คนเข้าประชุมในมือย่อมมีฎีกา แต่หวังทงกลับหอบเอกสารมาปึกใหญ่ ไม่รู้ว่าคืออะไร

“หวังทง เจ้าหอบเอกสารปึกนี้มาทำไม?”

ฮ่องเต้ว่านลี่แย้มสรวลตรัสถาม หวังทงรีบยกเอกสารในมือทูลเกล้า

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมนำคำให้การมา บ่ายเมื่อวาน มีคนหลายร้อยรวมตัวกันหน้าประตูสำนักองครักษ์เสื้อแพรส่งเสียงเอะอะโวยวาย ต่อมาสอบสวนกระจ่าง เรื่องนี้มีคนบงการชักใยเบื้องหลัง ที่กระหม่อมถืออยู่นี้ ก็คือคำให้การพวกก่อการวุ่นวายพวกนั้น”

ฮ่องเต้ว่านลี่สีพระพักตร์นิ่งไป ตรัสถามขึ้น

“เป็นผู้ใดชักใยเบื้องหลัง?”

“ทูลฝ่าบาท องครักษ์เสื้อแพรเมื่อวานสอบสวน กุข่าวลือใส่ร้ายเรื่องทหารไร้ระเบียบวินัยสิ้น เมื่อวานสืบสวนคนบงการที่สำนักองครักษ์เสื้อแพร ล้วนชี้ไปที่ผู้บงการเบื้องหลังคนเดียว ….เสนาบดีกรมปกครองเหยียนชิง ใต้เท้าเหยียน!

“หวังทง วันนี้เจ้าเข้าประชุมราชสำนัก เจ้าถึงกับกล้าสาดเลือดป้ายสีผู้อื่น!!”

ยังไม่ทันรอฮ่องเต้ว่านลี่ตรัส เสนาบดีกรมอากรหวังหลินก็ออกโรง  ชี้หน้าหวังทงด่าขึ้น หวังทงเงยหน้าหรี่ตามอง ตอบเสียงเยียบเย็นว่า

“ใต้เท้าหวัง  ข้ามีคำให้การในมือ มีพยานด้วย ใช่ว่าสาดเลือดป้ายสีผู้อื่น!”

“นำมาดู!!”

เห็นหวังหลินจะพูดต่อ ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ตวาดดัง หวังทงรีบนำถวาย ฮ่องเต้ว่านลี่ขมวดพระขนงทอดพระเนตร  ในราชสำนักตอนนี้ ขุนนางต่างสบตากันไปมา พากันอึ้งไป  หวังทงผู้นี้ลงมือโหดมาก และยังกล้ามาก เข้าร่วมประชุมวันแรก ก็ถึงกับลงมือกับ เสนาบดีกรมปกครองเหยียนชิงได้

ฮ่องเต้ว่านลี่พลิกอ่านไปสองสามหน้า สีพระพักตร์ก็ดำคล้ำลง เงยพระพักตร์ทอดพระเนตรเหยียนชิงตรัสว่า

“เหยียนชิง นี่มันเรื่องอันใดกัน?”

เหยียนชิงผมขาวหนวดเคราขาว อายุไม่น้อยแล้ว เข้าประชุมย่อมได้เก้าอี้นั่ง ได้ยินฮ่องเต้ว่านลี่ตรัสถาม ก็จัดชุดให้เรียบร้อยก่อนจะยืนขึ้นคุกเข่ากราบทูลว่า

“ทูลฝ่าบาท  นี่เป็นการกระทำของกระหม่อมทั้งหมด”

หวังทงฟ้องออกมาไม่อ้อมค้อม เหยียนชิงก็ยอมรับไม่อ้อมค้อม การเคลื่อนไหวนี้เหนือความคาดหมายของทุกคนในที่ประชุม  ในวงการขุนนางย่อมเน้นเรื่องการกล่าวความจริงเพียงสามส่วน เน้นการกล่าวอ้อมค้อม หากกล่าวกันตรงๆ เช่นนี้ ทำให้รู้สึกไม่ชินนัก

ยังไม่ทันรอให้ฮ่องเต้ว่านลี่ตรัส เหยียนชิงก็กล่าวว่า

“ฝ่าบาท กระหม่อมทำเรื่องพวกนี้เรียกได้ว่าไม่สง่าผ่าเผย ยังทำให้ญาติมิตรเดือดร้อน กระหม่อมรู้ผลของการกระทำแล้ว ที่กระหม่อมทำไป ก็เพื่อแผ่นดินฝ่าบาท เพื่อไม่ให้ขุนนางต่ำต้อยได้ขึ้นตำแหน่งสูง ทำลายระเบียบธรรมเนียมที่มีมา ก็เพื่อไม่ให้ขุนนางบู๊คิดการไม่ซื่อหรือคิดการล้มล้างแผ่นดิน!”

เหยียนชิงอายุมากแล้ว กล่าววาจานี้ หนวดเคราปลิวไสว ท่าทางองอาจผ่าเผยยิ่ง  เห็นได้ชัดว่าคิดการดีเพื่อแผ่นดินหมิง!

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset