ใครก็ตามที่เห็นภาพนี้ คงบอกได้ว่ามันเป็นภาพสุดเลวร้าย ที่เปรียบเทียบได้กับงานศิลปะอันไร้ค่า
ผมพนันได้เลยว่า แม้แต่โซโลม่อนมาเอง เขาก็คงตัดสินให้ผมเป็นคนบาป การพนันที่คิมฮยอนซึงตัดสินใจทำไม่ได้จบลงอย่างเลวร้ายสำหรับเขา
ภาพของมอนสเตอร์ได้กัดกินลีกีชอลอย่างไร้ปรานีและความโกรธของจองจินโฮที่อยากจะฆ่าผม
แต่ก็ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้นอีก คิมฮยอนซึงรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ดีทีเดียว
ผมไม่รู้ว่าได้ทำในส่วนของตัวเองดีแล้วหรือยัง แต่ผมก็มีความสุขกับผลลัพธ์ที่ได้มา ผมส่งชายคนหนึ่งลงนรก โดยไม่ใช้มือของตัวเอง
แม้ว่าผมจะสูญเสียฟันไปซี่หนึ่งจากการทำให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อ แต่ผมก็ได้ผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งได้รับความอบอุ่นจากเพื่อนร่วมงานที่รัก
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของจองฮายันเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด
‘อย่าบอกนะ?’
มันกลายเป็นข้อห้ามแปลก ๆ สำหรับใครบางคนที่แตะต้องร่างกายผม?
หลังจากกัดเล็บอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เดินเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าจู่ ๆ เธอก็สังเกตเห็นว่าผมยังนอนอยู่บนพื้น
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเธอยังคงเป็นศัตรู
“พี่คะ!”
หลังจากที่เธอเห็นผมเลือดออก เธอก็ลืมทุกอย่าง
เธอใช้แหวนของตัวเองและพยายามส่งพลังเวทย์ผ่านมัน ภาพที่เห็นนั้นงดงาม อย่างไรก็ตามแหวนที่ฮายันสวมอยู่ ไม่ได้มีไว้เพื่อรักษาบาดแผลดังกล่าว
เมื่อผมจับมือซ้ายของฮายัน เธอก็หยุดราวกับว่ารู้ว่าผมหมายถึงอะไร ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา โดยหลังจากนั้นชั่วครู่ พวกมันก็เริ่มตกลงมาอย่างไม่ลดละ
“พี่สบายดีไหม? ฉันจะทำยังไง…ฉันควรจะทำยังไงดี”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก มันเป็นความผิดของฉันเอง…”
มีรสขมในปากผม
ฟันซี่หนึ่งหลุดออกไปและแก้มข้างหนึ่งของผมรู้สึกเสียวซ่า แต่ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนั้น
นั่นเป็นเพราะว่าถ้าผมทำอะไรไปมากกว่านี้ ดูเหมือนจองฮายันจะเริ่มร่ายเวทย์ของเธอทันที
‘ใจเย็น ๆ ฮายัน…ได้โปรด ได้โปรดเถอะ’
การยิงเวทย์ใส่ปาร์ตี้ของจองจินโฮไม่ใช่ตัวเลือกที่ไม่ดี แต่ตอนนี้มันจะดีกว่าที่จะเล่นเป็นเหยื่อ อย่างที่เห็นว่าคิมฮยอนซึงตอนนี้ยังไม่เคลื่อนไหว แต่เขาก็ดูเหมือนจะมีความหวังเช่นกัน
“อา…”
เธอยังคงสัมผัสใบหน้า ราวกับว่าผมแพ้อะไรสักอย่าง เมื่อเห็นว่าเธอกำลังดิ้นรนกับคำพูดของตัวเองในสภาพที่ตื่นตระหนก ผมก็สงสัยว่าจริง ๆ ว่าฮายันมีสติหรือไม่ เธอมีทั้งน้ำตาไหลอาบแก้มและใบหน้าที่ซีดเซียว
ราวกับผมตายไปแล้ว ปฏิกิริยาของเธอเกินจริงไปมากสำหรับผมที่เสียฟันไปเพียงซี่เดียว
“พี่สบายดีไหมคะ? พี่เป็นอะไรหรือเปล่า? “
“ฉันสบายดี มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องสนใจหรอกฮายัน ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ มันไม่เจ็บเลย”
มันเจ็บ แต่นี่ไม่ใช่แผลใหญ่อะไร
แต่ยังดีที่เธอมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เพราะมันดูน่ากลัวมากกว่าที่จะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอย่างอื่น
“ไอ้บ้านั่น! มันกล้าดียังไง! “
การที่ปาร์คด็อกกูโกรธเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา แต่ปฏิกิริยาของจองฮายันและปาร์คด็อกกูเกินความคาดหมายของผม ในตอนนี้ผมคิดว่าจองจินโฮก็คงอับอายกับสถานการณ์นี้เช่นกัน
แน่นอนว่าชายที่ต้องกลัวมากกว่าใครคือคนที่ต่อยผม
เขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เป็นลางไม่ดีอย่างกะทันหันในบรรยากาศที่รุนแรง สิ่งที่ผมทำลงไปทำให้ผู้กระทำความผิดนั้นกลายเป็นเหยื่อทันที
ยังมีบางสิ่งที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าเกิดขึ้น
‘อ๊ะ’
แม้ว่าผมรู้ว่าไม่ควรทำแบบนี้ แต่ปากของผมก็ยังบิดโค้งเป็นรอยยิ้ม
ในตอนท้ายเป็นจองจินโฮที่ก้มหน้า
“ผมขอโทษครับคุณกียอง”
” มันไม่มีปัญหาอะไรครับ”
“ผมไม่มีอะไรจะพูด ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ทำด้วยเจตนาที่ไม่ดี หากคุณไม่ได้ใช้เวทมนตร์ สิ่งที่เลวร้ายกว่านี้จะเกิดขึ้น แจจุนเองก็เสียใจกับกีชอลที่อยู่กับเรามานาน แต่ผมหวังว่าคุณเข้าใจด้วยนะแจจุน?”
“แต่…”
“แจจุน นายต้องขอโทษ มันเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะกียอง พวกเราทั้งหมดอาจจะตายไปแล้ว”
ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้เห็นการแสดงออกของจองจินโฮหรือเปล่า แต่ผู้ชายที่ชื่อแจจุนที่โกรธมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็ก้มหน้าลงเช่นกัน
“ผม…ดูเหมือนจะคุมตัวเองไม่ได้ ขอโทษครับ…”
หมัดของเขาสั่น
เขาไม่สบตาผมและมันไม่ยากที่จะรู้ว่าทำไม ผมคิดว่าตัวเองต้องเป็นคนที่ขอโทษในสถานการณ์นี้ แต่ปากของผมไม่เปิดออก
ในความเป็นจริงใบหน้าของเขายังเป็นสีแดงเหมือนกับลูกแอปเปิล และเขาก็ไม่ได้ขอโทษด้วยใจจริง แต่มันออกมาราวกับว่าเขาแค่พยายามควบคุมความโกรธ
“ไม่เป็นไรครับแจจุน ผมเข้าใจ ผมเป็นคนขี้โมโหนิดหน่อย …ผมจึงไม่สามารถปลอบคุณด้วยคำพูดใด ๆ ได้ แต่ผมขอโทษด้วยความจริงใจครับ”
แน่นอนผมก็ไม่จริงจังเช่นกัน
“ผม…ขอโทษ” ผมเห็นได้ว่าเขาถูกบังคับให้ก้มหัวลง
ผมไม่ได้รู้สึกว่าได้รับคำขอโทษจริง ๆ แต่มันก็ดีเหมือนกัน
‘เฮ้อ’
ถ้าเขาไม่โกรธตั้งแต่แรก คงเป็นผมที่ต้องยอมอ่อนข้อให้เขา
ในความเป็นจริง สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่าผู้ชายคนนั้นคือจองฮายัน
‘ผมจะทำยังไงกับเธอดี…?’
ถ้าเธอคิดจะทำแบบเดียวกันกับพัคฮเยยอง สิ่งนี้จะกลายเป็นเรื่องแย่
ชื่อผู้ร้ายในคดีของพัคฮเยยองได้ถูกจับไปที่จองจินโฮแล้ว
แต่ถ้าผู้ชายคนนี้หายไปที่ไหนสักแห่งในทันที คิมฮยอนซึงอาจสงสัยในตัวจองฮายันแน่นอน หากพบว่าศพชายที่เสียชีวิตด้วยขาแขนเพียงข้างเยว แน่นอนผมอาจอยู่ในรายชื่อผู้ต้องสงสัยในตอนนั้นด้วย
ผมอยากจะทำให้เธอสงบลง จากการแสดงออก รู้สึกเหมือนเธอจะไม่กลับมาเป็นปกติในเร็ว ๆ นี้
เมื่อผมมองไปที่ฝ่ามือของเธอ พวกมันมีเลือดออกเนื่องจากเล็บที่เธอกำหมัดแน่น ตอนนี้ผมเกือบจะมั่นใจแล้วว่า การโจมตีของจองฮายันนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้
‘มาดูกันว่าจะไปถึงไหน’
ถ้าผมคิดในแง่ดีขึ้นอีกหน่อย สถานการณ์ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นจริง ๆ
ความจริงที่ว่าจองฮายันจะโจมตีเขาโดยตรง ก็ถือได้ว่าเป็นประโยชน์ในอนาคต
ถ้าคิมแจจุนเสียชีวิต จองจินโฮจะต้องสูญเสียเพื่อนร่วมงานทั้งสองไป
‘เธอกำลังทำอะไรอยู่…’
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของฮายันที่แอบหยิบฟันซี่ที่หลุดไป ทำให้ผมรู้สึกเหมือนระเบิดเวลาที่ไม่รู้เลยว่ามันจะระเบิดเมื่อไหน
“ฉันจะช่วยให้พี่ลุกขึ้นเองค่ะ”
“ครับ ขอโทษด้วยนะที่รบกวน”
เธอคว้าแขนผมไว้และผมก็ยืนขึ้นได้อีกครั้ง มันไม่เจ็บถึงขนาดนั้น
ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องทำต่อไปคือการหาโอกาสโจมตี
เวลาของการโจมตีครั้งแรกจะต้องถูกกำหนดโดยฝ่ายของเรา
ผมไม่ชอบให้จินโฮอยู่รอบตัว บางทีเขาอาจโจมตีทันทีถ้ามีโอกาส
“คุณเดินได้ไหม?”
” แน่นอนครับ”
“ถ้าคุณมีปัญหา…”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ฮยอนซึง อย่างที่คุณบอกไปตอนแรก เราต้องออกไปจากที่นี่ก่อน”
“ครับ คุณพูดถูก”
ประตูเหล็กขนาดใหญ่ยังคงปิดแน่น
ไม่ว่ามันอาจไม่เปิดจนกว่าเควสจะจบลงหรือเปิดได้จากภายนอกเท่านั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ เพื่อให้เราอยู่รอด เราทำเควสของดันเจี้ยนนี้ให้สำเร็จ
น่าเสียดายที่ชื่อของภารกิจคือการเอาชีวิตรอด
“บางทีในตอนแรกที่ผู้หญิงคนนั้นพูดถึงการเอาชีวิตรอด เธอคงบอกถึงภารกิจที่นี่”
คำพูดของจองจินโฮทำให้ทุกคนคิด
และเรากำลังฟังสิ่งที่เขาพูด
นี่เป็นเพราะทุกคนรวมถึงจองฮายันกำลังมองหาความเป็นศัตรูของจองจินโฮ หากเขาแสดงมันออกมา
แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะพยายามใกล้ชิดกับเราเพื่อเอาชีวิตรอด
เพราะผมก็คงทำเช่นเดียวกัน หากผมตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา
“ผมคิดเหมือนกัน ชั้นแรกไม่มีจุดประสงค์อื่นจริง ๆ และดูเหมือนว่าการเอาชีวิตรอดจากการโจมตีมอนสเตอร์เป็นวัตถุประสงค์หลัก หากการเอาชีวิตรอดเป็นเงื่อนไขที่ต้องทำให้สำเร็จ เพื่อที่จะหนีออกจากดันเจี้ยนนี้ เราต้องหลีกเลี่ยงหรือเอาชนะมอนสเตอร์ให้ได้ หากสมมติฐานนี้ถูกต้อง เราก็ไม่ต้องกังวลมากนักเกี่ยวกับชั้นแรก”
มันหมายความว่าไม่ว่าเราจะมุ่งเน้นไปที่การโจมตีหรือการเอาตัวรอด เราก็ต้องใช้ทักษะในการเอาชีวิตรอดอย่างมีประสิทธิภาพ คิมฮยอนซึงก็คงจะคิดไปในแนวเดียวกัน
ผมไม่จดจ่อกับบทสนทนา เพราะผมพยายามหาทางไปข้างหน้า แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงคัดค้าน ดูเหมือนว่าสมมติฐานของผมจะถูกต้อง ทั้งการเอาชีวิตรอดและการโจมตีที่ผู้หญิงคนนั้นพูดถึงในตอนแรก
“ผมเข้าใจส่วนการอยู่รอด แต่…”
“อาจจะมีมอนสเตอร์ระดับบอสอยู่ที่นี่”
“โอ้”
“เป็นเรื่องปกติภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว หากคุณดูหน้าต่างสถานะหรือคลาส สถานที่นี้ค่อนข้างคล้ายกับเกม หากไม่ใช่สำหรับบทช่วยสอน อาจมีวิธีการต่าง ๆ ในการโจมตี แต่นี่เป็นดันเจี้ยนที่เน้นการเอาชีวิตรอด ดังนั้นเราอาจประสบปัญหาที่แตกต่างกันนิดหน่อย การฆ่ามอนสเตอร์ตัวนั้นน่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่เราต้องทำที่นี่”
“ผมก็คิดเหมือนกับกียอง”
“นี่เป็นเพียงการคาดเดาครับ ประการที่สองเรามีทางเลือกในการหาทางออกด้วย”
“คุณหมายถึง?”
“มันอาจเป็นทางออกของเราจากดันเจี้ยนนรกนี้หรืออาจมีวิธีอื่นที่จะทำให้พวกเราทั้งหมดออกไปได้ ยังมีอีกหลายอย่าง แต่ผมไม่มีข้อมูลมากพอ”
นี่เป็นเพียงเหตุผลที่ทุกคนสามารถคิดได้อย่างง่ายดาย จองจินโฮและแม้แต่ยูซอกวูก็อาจจะคิดแบบเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นปัญหาแค่ใครจะเป็นคนพูดออกมา
“คุณคิดล่วงหน้าจริง ๆ นะกียอง…” ยูซอกวูพึมพำ
เขาก็โกรธเหมือนกัน ดูเหมือนเขาจะคิดว่าผมใช้ไฟร์บอลไปโดยเจตนาหรือเปล่า แต่ผมแค่นึกขำในความคิดนั้น
เขาไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวที่ต้องการฆ่าผม
“โอ้ นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น…”
อันที่จริงสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการอนุมานง่าย ๆ
ขณะที่เดินไปเรื่อย ๆ ผมยังมองไม่เห็นมอนสเตอร์ตัวต่อไป
แน่นอนว่ามีตัวอื่น ๆ ที่กระจัดกระจาย แต่พวกมันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับมอนสเตอร์ที่เราสู้ก่อนหน้า เราฆ่าพวกมันให้เร็วที่สุดก่อนจะเกิดปัญหาที่คาดไม่ถึง จากนั้นเราจะเผชิญกับการต่อสู้แบบเดิมอีกครั้ง
ความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของเราใช้หมดไปแล้ว ดังนั้นเราจึงเคลื่อนไหวช้ามาก เราต้องหยุดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อจับลมหายใจ
ในระหว่างนั้น พลังเวทย์ที่ฟื้นฟูก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา
มีหลายครั้งที่คิมฮยอนซึงขมวดคิ้วและจองฮายันยังจ้องมองไปที่คิมแจจุน แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของฮายัน เมื่อใดก็ตามที่เธอเห็นปากของผมบวม เธอจะยิ่งโกรธและหงุดหงิด บางครั้งเธออาจจะเริ่มร้องไห้ทันทีและสั่นศีรษะ ขณะพึมพำกับตัวเอง
ปาร์คด็อกกูดูเหมือนจะได้รับผลกระทบ เมื่อใดก็ตามที่เธอร้องไห้โดยไม่ตั้งใจ
ตรงกันข้ามกับข่าวลือที่ว่าผม ‘ดี’ กับผู้หญิง ดูเหมือนผมไม่มีความคิดที่จะปลอบจองฮายันเลยแม้แต่น้อย ลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องแปลกประหลาด
จากนั้นเธอก็ก้มหัวและกระซิบเสียงแผ่ว เสียงของเธอเบามากจนผมได้ยินไม่ถนัด แม้ผมจะอยู่ใกล้เธอก็ตาม
ดังนั้นผมจึงพยายามเดาว่าเธอพูดอะไร …
มันฟังดูเหมือน ‘ฉันจะฆ่าเขา’ แต่ผมไม่ยอมแสดงออกบนสีหน้าว่าผมได้ยินเธอ ท้ายที่สุดสิ่งนี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผมเช่นกัน
‘ฉันจะแก้แค้น’
ผมแสร้งทำเป็นว่าผมไม่ได้ยิน
สิ่งนี้อาจดีกว่าที่ผมคิดไว้ในตอนแรก