Regressor Instruction Manual 26 ไอเทม (1)

ตอนที่ 26 ไอเทม (1)

เวลาผ่านไปสักพัก หลังผมบอกฮยอนซึงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพัคฮเยยอง

แน่นอน ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป เช่น “จองจินโฮน่าสงสัย” หรือ “ผู้ชายคนนั้นเป็นฆาตกร”

มันขึ้นอยู่กับคิมฮยอนซึงเอง ไม่ใช่ผมที่ต้องสรุปว่า ‘จินโฮคือคคนร้าย’

ผมไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวเขาด้วยซ้ำ มันเพียงพอแล้วในตอนนี้ ที่จะทำให้จินโฮตกเป็นผู้ต้องสงสัย

‘นั่นจะดีสำหรับพวกเราทุกคน’

ฮยอนซึงเป็นหุ้นส่วนที่สมเหตุสมผลของเรา เขาต้องสงสัยจินโฮมากกว่าผมในสถานการณ์เช่นนี้ ความชั่วร้ายที่เขาจะทำในอนาคต มันช่วยไม่ได้ที่คิมฮยอนซึงจะได้ข้อสรุปเช่นนั้น

เมื่อเวลาผ่านไป คิมฮยอนซึงมักจะใช้เวลาอยู่คนเพื่อเดียว เพื่อสังเกตการณ์และตรวจสอบ

เขาเฝ้าดูจองจินโฮอย่างระมัดระวังและบางครั้งก็สังเกตผมเงียบ ๆ แต่ผมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ในขณะที่เขาทำเช่นนั้น

เมื่อใดก็ตามที่เขาแสดงสีหน้าเย็นชา ผมคิดว่าคิมฮยอนซึงกำลังหาวิธีฆ่าจองจินโฮ

‘เขาคือศัตรูในอนาคต นักฆ่าผู้คิดคำนวณ ฆาตกรที่ฆ่าพัคฮเยยอง’

ไม่มีเหตุผลที่คิมฮยอนซึงจะย้ายจินโฮออกจากที่พักทันที ไม่ว่าเขาจะมีความเมตตาต่อผู้อื่นในระดับพระเจ้าหรือไม่ แต่เขาก็ต้องกำจัดสิ่งที่จะกลายเป็นศัตรูในอนาคตอย่างแน่นอน

แต่เขาจะกำจัดปัญหานี้ได้ยังไง?

จากมุมมองของคิมฮยอนซึง เขาต้องจัดการกับมันให้เร็วที่สุด แต่เขายังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากที่ต้องกังวล ดูเหมือนมันยากที่จะหาโอกาสอันเหมาะสมและมีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนหน้านั้น

ตัวอย่างเช่นปัญหาเรื่องดันเจี้ยน

“แล้วเราจะลงไปชั้นล่างด้วยได้กันยังไง?”

“ด้วยกัน…คุณหมายถึง?”

“ครับ ฮยอนซึง จองฮายันกำลังจะเสร็จสิ้นการเปลี่ยนคลาสเป็นวิซาร์ด…ถ้ารวมจินโฮเข้ากับเราด้วย ผมคิดว่าเรามีโอกาสมากพอที่จะโจมตี ดูเหมือนว่าซอกวูจะมีคลาสแล้วด้วย …ผมก็อยากจะก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง แต่ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว เพราะอาหารที่เรามีกำลังจะหมดลง และตั้งแต่แรก จุดประสงค์ของเราคือการโจมตีมอนสเตอร์ชั้นล่าง”

“ครับ…”

“เราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป แม้ผมจะกังวล แต่ผมว่าเราควรจะลองดู “

ดูเหมือนเขาจะปวดหัวเล็กน้อย เมื่อผมยื่นข้อเสนอนี้

เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโจมตีดันเจี้ยนด้วยปาร์ตี้นี้ อันที่จริงผมต้องจัดฉากให้เขา โดยมีคิมฮยอนซึงที่เป็นคนตัดสินใจ

เขาต้องมั่นใจว่าเราจะฝ่าดันเจี้ยนชั้นล่างร่วมกับพวกเขาได้หรือไม่ จากนั้นก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง

หากคิมฮยอนซึงมั่นใจ สถานการณ์นี้ก็จะกลายเป็นสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด

‘พวกเราสามารถนำไปสู่การโจมตีดันเจี้ยน พร้อมกับจัดฉากการตายของฆาตกรที่ฆ่าพัคฮเยยอง’

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เราสามารถใช้จองจินโฮได้จนถึงไขกระดูกของเขา

หากเขากำลังจะถูกฆ่า ผมก็ควรใช้เขาให้เต็มที่

“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้ร่วมกับคนที่มาใหม่ เราไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์เหมือนกับพัคฮเยยองเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่…แต่ผมก็ไม่คิดว่า การออกไปข้างนอกครั้งเดียว เพื่อกวาดล้างเสบียงแทนที่จะรอแบบนี้เป็นความคิดที่ดีกว่า ทั้งอาหารและน้ำดื่มที่ขาดแคลน หากเราเลือกที่จะปักหลักอยู่ที่นี่โดยไม่ออกไปข้างนอก ต่อไปจะเป็นเราที่ต้องตาย”

“…”

คิมฮยอนซึงค่อนข้างระมัดระวังตัว

ดูเหมือนเขาจะคิดว่ามันอันตรายเกินไปที่จะทำตามแผนดังกล่าวกับจินโฮที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้แบบนั้น บางทีเขาอาจคิดว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการกับจองจินโฮ ในขณะที่อยู่กับเรา

เมื่อผมกำลังจะเติมไฟอีกครั้ง คิมฮยอนซึงก็ตอบกลับช้า ๆ

“ผมคิดว่ามันคงไม่เป็นไร ถ้าเราจะออกไปข้างนอก”

“ได้ใช่ไหมครับ?”

“ครับ การลงไปในดันเจี้ยนชั้นล่าง คุณอาจยังมีเวลาเตรียมตัวอีกหน่อย เรายังไม่เคยทำงานร่วมกับปาร์ตี้ของจองจินโฮ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายควรจะฝึกซ้อมร่วมกัน “

“ครับ ผมก็คิดเหมือนกัน”

ผมเกลียดที่จะต้องลดการเฝ้าระวังต่อหน้านักฆ่า คิมฮยอนซึงก็เหมือนกัน

“ผมจะไปเรียกจินโฮ ฮายันและด็อกกูมาพร้อมกัน”

“คุณช่วยแจ้งให้ฮายันและด็อกกูทราบเรื่องนี้แทนผมได้ไหม?”

“ครับ” ผมอยากจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ผมคิดว่านี่อาจเป็นข่าวดี ดังนั้นผมจึงอาสาที่จะบอกพวกเขาด้วยตัวเอง

ขณะที่ผมรีบเดินไปหาพวกเขา ผมก็เริ่มสังเกตเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามรอบ ๆ จากนั้นผมก็เห็นภาพอันอบอุ่น ที่ผมไม่เคยเห็นในที่พักพิงเมื่อเร็ว ๆ นี้

“ขอบคุณนะจินโฮ”

“ขอบคุณค่ะพี่จินโฮ”

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ พวกเราทุกคนต้องช่วยกันเพื่อมีชีวิตต่อไป”

จองจินโฮพยายามสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่อ่อนแอกว่า

แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีความหมาย เขาแค่พยายามเอาชนะใจพวกเขา ด้วยความคิดที่ไร้จุดหมายโดยสิ้นเชิง

“หากคุณต้องการความช่วยเหลืออะไร พวกคุณสามารถบอกผมได้เสมอ”

“ปกติเราต้องออกไปข้างนอกเพื่อหาอาหาร แต่ตอนนี้เรามีอาหารที่คุณมอบให้เราแล้ว คุณจินโฮไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวเราจะแจกอาหารให้คนอื่น ๆ เอง”

“ให้ผมช่วยเถอะ นี่ไม่ใช่งานที่ยากและจะดีกว่า ที่ทุกคนจะดำเนินชีวิตภายใต้ความรู้สึกเสียสละร่วมกัน”

‘มันฟังดูตลกดี’

ผมไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะกับคำพูดของเขาได้

‘คนโง่พวกนี้…’

ในโลกนี้ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือฟรี ๆ มันมีราคาเสมอ

บางทีคิมฮยอนซึงก็ช่วยคนเหล่านี้ เพราะความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ

สิ่งที่คิมฮยอนซึงกังวล สถานการณ์ในศูนย์พักพิงก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น

อย่างไรก็ตามจากมุมมองของผม สิ่งที่จองจินโฮต้องการคือ ชีวิตและลำคอของคนที่กำลังหัวเราะและพูดคุยกับเขาในตอนนี้

แต่ต้องขอบคุณเขา การจ้องมองอันชั่วร้ายที่ปาร์คด็อกกูและผมดึงดูด ตั้งแต่เราแสดงเจตจำนงจะเคลื่อนไหว ตอนนี้กลายเป็นเรื่องที่ชัดเจนขึ้น

ผู้คนเริ่มเปรียบเทียบระหว่างเรากับจองจินโฮ

‘พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นใคร’

ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่พวกเขาคิดเกี่ยวกับเราในตอนนี้

จองจินโฮไม่เพียงแต่แบ่งปันอาหารที่นำมา แต่ยังทำงานเล็กน้อยอื่น ๆ ด้วย เขาแตกต่างจากเราที่เก็บส่วนแบ่งอาหารไว้กับตัวเอง มันคงไม่แปลกที่พวกเขาจะเปรียบเทียบเขากับเรา

ผม ปาร์คด็อกกูและจองฮายันดูเหมือนจะเห็นแก่ตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสายตาพวกเขา แต่ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องเลียนแบบจองจินโฮผู้เจ้าเล่ห์

อำนาจในการควบคุมผู้คนไม่ได้มาจากการทำประโยชน์ต่อคนที่อ่อนแอเหล่านี้

อำนาจไม่ได้มีสัดส่วนกับความใกล้ชิด นั่นคือสิ่งที่ผลักดันคนประเภทนี้

อันที่จริงมันอาจไม่ใช่แค่การกระทำที่ไร้ความหมายของเขาเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจว่าเขามุ่งเป้าไปที่อะไร เมื่อมองการกระทำของเขา

ผมกังวลว่าตัวเองจะเดินไปขวางทางนักฆ่าโรคจิตจองจินโฮ ที่ทำให้เขาโกรธตั้งแต่แรกหรือไม่ เพราะเป็นไปได้ว่าเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมใด ๆ ด้วยซ้ำ บางทีเขาอาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ในขณะที่ระงับนิสัยดั้งเดิมของตนไว้

ยังไงก็ตาม ลูกเต๋าได้ถูกโยนออกไปแล้ว

“มากินข้าวกันเถอะ”

“อา!พี่ซอกวูขอบคุณครับ”

ยูซอกวูผู้ประสบความสำเร็จในการได้คลาสระหว่างเดินทาง ก็มากับพวกเขาด้วยเช่นกัน ดูเหมือนเขาตัดสินใจที่จะออกไปกับปาร์ตี้ของจองจินโฮ แม้บางครั้งเขาจะดูกังวล แต่เขาก็ได้รับสิ่งที่ต้องการอยู่ดี ตอนนี้เขามีสถานการณ์ที่ดีในที่พักพิงอันต่ำต้อยนี้

ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันไปมองคนเหล่านี้ ที่ไม่ตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของการทำงาน

แต่ผมก็ไม่อยากดูฉากอันอบอุ่น ซึ่งมีการสาปแช่งผมแฝงอยู่

พอเดินไปอีกหน่อย ผมก็เห็นจองฮายันและปาร์คด็อกกูอยู่ด้วยกัน

“ฮายัน”

“โอ้ พี่คะ”

เมื่อผมเข้าไปใกล้จองฮายันที่กำลังทดสอบเวทมนตร์ เธอก็วิ่งมาโดยไม่ลังเลและคว้าเสื้อผมไว้

ปาร์คด็อกกูยิ้มเมื่อเห็นสิ่งนี้

‘ดี…’

“เราจะไปข้างนอก”

“อะไรนะ?เราเพิ่งจะ…”

เรายังไม่ได้ออกเดตและไม่มีความสัมพันธ์อะไรแบบนั้นด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนว่าผู้คนในศูนย์พักพิงจะยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างจองฮายันและผมในฐานะที่มั่นคงแล้ว

ไม่ว่าเธอจะรู้ตัวหรือไม่ จองฮายันก็จับมือและเข้าใกล้ผมบ่อยขึ้น

ผมรู้สึกมีกำลังใจ เมื่อเพื่อนของผมเหล่านี้ไม่ได้แสดงอาการปฏิเสธมากนัก ไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ในที่พัก แน่นอนว่าผมยังมีปัญหาเพราะเธอ ตอนที่คนอื่นหลับอยู่

หัวใจของผมเต้นแรงทุกครั้งที่ตื่นขึ้นในภาพแปลกประหลาด ฮายันเริ่มกล้ากับการกระทำของตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ

ถ้าไม่ใช่สำหรับปาร์คด็อกกู พวกเราคงจะใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม

“พี่ไม่ได้บอกว่าจะไปหาคิมฮยอนซึงก่อนเหรอ?ผมคิดว่าพี่กลับมาก่อนเวลา…”

“ฉันเพิ่งกลับมาหลังจากพบเขานั่นแหละ ดูเหมือนว่าเราจะมีอะไรให้ทำอีกมากมาย…นายยังมีเวลาว่างมั้ย?”

“ยังมีเวลาเหลืออีกหน่อยพี่”

“แต่ผมถามได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?”

“อืม เราจะลงไปในดันเจี้ยนชั้นต่อไป”

“ในที่สุดเราก็จะลงไปแล้ว?”

“ตอนนี้ฉันยังไม่รู้อะไรมาก แต่ฉันคิดว่าจะมีคนติดตามจินโฮมากขึ้น”

“อืม…พวกเขาคงไม่ชื่นชมเขานานนักหรอก…”

“ฉันก็คิดเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะการโจมตีร่วมกันก็เป็นสิ่งสำคัญ ฮยอนซึงตระหนักถึงความสำคัญของการโจมตีครั้งนี้ด้วย”

“ยังไงก็ตาม พวกเราจะประสบความสำเร็จในการโจมตีใช่มั้ย?”

“มันเป็นโอกาสดีที่เราจะต่อสู้ ฉันคิดแบบนั้นนะ”

คิมฮยอนซึงเชื่อว่าเราสามารถโจมตีสถานที่แห่งนั้นได้แน่นอน

“ฉันไม่ต้องบอกเพราะนายก็ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้ว แต่เราควรเว้นระยะจากกลุ่มที่ติดตามจองจินโฮไว้ แน่นอนว่าภายนอกนายจะเล่นบทจริงใจกับพวกเขาก็ได้…”

“ได้เลย แต่พี่ไม่ต้องกังวลกับพวกเรามากหรอก”

“ฮายันก็เหมือนกันนะ”

“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว … ฉันจะไม่โดนเขาหลอก”

มันฟังดูน่าตลก แต่เธอคงโดนเขาหลอกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ปาร์คด็อกกูดีขึ้นเล็กน้อย แต่ในกรณีของจองฮายัน ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอจะทำอะไรเมื่อไหร่ เธอเป็นเหมือนกับระเบิดเวลา ดังนั้นเธอจึงจำเป็นที่จะต้องถูกจัดการอย่างใกล้ชิดและรอบคอบ

ถ้าเธอทำสิ่งที่เกิดขึ้นกับพัคฮเยยองอีกครั้ง ผมคงจะทำอะไรไม่ได้

“อย่ากังวลกับยูซอกวูมากเกินไปล่ะ”

“ฉันไม่ได้สนใจเขาแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีนะพี่”

โดยมีปาร์คด็อกกูเป็นผู้นำ ผมค่อย ๆ เดินไปตามทาง และอีกครั้งสายตาของผมก็จับจ้องไปยังกลุ่มคนโง่ที่อยู่รอบ ๆ จินโฮ

คนที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากกินอาหารที่จองจินโฮมอบให้ กำลังมองมาที่เราด้วยสีหน้าแปลก ๆ

ผมคิดว่าเรากำลังถูกเปรียบเทียบ

ผมจึงต้องทำตัวสบาย ๆ ต่อหน้าพวกเขา

มันยังไม่เกิดอะไรขึ้น ก่อนผมจะได้พบกับคิมฮยอนซึงอีกครั้ง

หลังจากเพิกเฉยต่อสายตาของพวกเขา ผมก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่คิมฮยอนซึงอยู่ ไม่นานผมก็เห็นเขาหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า

อารมณ์ของผมสูบฉีด หน้าต่างสถานะมีคำว่าอุปกรณ์อันว่างเปล่าที่ผมกังวลอยู่เสมอ ในที่สุดมันก็กำลังจะเติมเต็มด้วยบางสิ่ง

ผมนึกว่าวันหนึ่งผมจะได้เห็นหรือสวมใส่อุปกรณ์ที่มีค่าสถานะ แต่โอกาสนั้นมาถึงเร็วกว่าที่ผมคิด

พวกเราทุกคนต้องได้รับการอัพเกรด ก่อนจะลงไปชั้นล่าง

คิมฮยอนซึงจัดการพวกมันเพียงเพื่อคลายความกังวลของตน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ให้พวกเราไปเพื่อการโจมตีดันเจี้ยนเท่านั้น แต่ยังต้องการเอาชนะจองจินโฮ หากเราต้องเผชิญหน้ากับพวกเขา

คิมฮยอนซึงพยายามเพิ่มจุดแข็งของเรา เพื่อรับมือกับสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมาย

“ผมมีบางอย่างจะให้พวกคุณ”

“คุณซ่อนสิ่งนี้ทำไมเหรอ แต่การแสดงออกของพี่ เหมือนคุณยายที่แจกของเล่นเก่า ๆ”

‘ไอ้หมูบ้านี่…’

แม้ผมอยากจะตะโกนออกไป แต่ผมก็รู้ว่าผมทำอย่างนั้นไม่ได้ คิมฮยอนซึงก็รู้สึกอายเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม

“สิ่งเหล่านี้จะช่วยคุณได้”

จากนั้นผมก็แน่ใจ

ริมฝีปากของผมบิดโค้งเป็นรอยยิ้ม นี่ไม่ใช่สิ่งของอย่างดาบ หอกหรือโล่ทั่วไป

สิ่งที่เขาหยิบออกมาจากกระเป๋าคือสร้อยข้อมือและแหวนสองวง พวกมันดูเก่า แต่ผมรู้สึกถึงพลังเวทย์ที่เล็ดลอดออกมา

‘ขอบคุณนะฮยอนซึง ด้วยสิ่งเหล่านี้เราจะแข็งแกร่งขึ้น’

ผมคิดว่าเราคือหลักประกันที่ถูกลากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาดีกว่าที่ผมคิดไว้มาก

Regressor Instruction Manual

Regressor Instruction Manual

Score 10
Status: Completed

วันหนึ่งผมถูกเรียกตัวมายังโลกใบนี้

สัตว์ร้ายหลั่งไหลออกมาและวิกฤตที่น่าเหลือเชื่อก็มาถึง

พรสวรรค์ของผมไม่อาจแย่ไปได้กว่านี้แล้ว

[ระดับความสามารถของผู้เล่นอยู่ในระดับต่ำสุด]

[ตัวเลขทั้งหมดเกือบสิ้นหวัง]

ไม่ว่าผมจะเลือกเป็นนักรบหรือพ่อมดที่มีความสามารถก็ตาม

ไม่ว่าคุณจะย้อนเวลากลับไป

คุณต้องใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งเพื่อที่จะอยู่รอด

Options

not work with dark mode
Reset