บทที่ 284 – เตรียมตัว (2)
ตอนนี้เหลือเวลาอีกเดือนครึ่งถึงบาเรียที่ทำจากนาฬิกาทรายจะพังลง ยูอิลฮานได้ทำทุกๆอย่างที่ทำได้เพื่อเตรียมตัวสำหรับสงคราม ‘ทุกๆอย่างที่ทำได้’ นี่ก็คือการเอาวัตถุดิบจำนวนมากมายที่เขาเก็บสะสมไว้มาสร้างไอเทม ไอเทมนั้นมีตั้งแต่ของใช้ส่วนบุคคลไปจนถึงอาวุธที่ใช้ได้ครั้งเดียวและเครื่องมือสำหรับการรบ
เขาได้อัพเกรดอุปกรณ์ทั้งหมดให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ของเขา ทำอาวุธสำรอง และเพื่ออุปกรณ์ให้กับป้อมปราการทั้งสองแห่งที่แต่เดิมก็น่ากลัวอยู่แล้ว จากนั้นก็ตรวจสอบค่าสเตตัสของเขาที่ไม่ได้ตรวจสอบมาเป็นเวลานาน
[ยูอิลฮาน(มนุษย์?)]
[คลาสหลัก – ผู้ชักนำนรก เลเวล 299]
[คลาสรอง – N/A, นักขี่มังกร,นักท่องมิติ]
[ฉายา – ผู้โดดเดี่ยวแห่งจักรวาล,ไม่อาจเอื้อม,หนึ่งการโจมตี,ผู้สร้างแห่งตำนาน,หนึ่งพันการโจมตีในคราวเดียว,นักล่ามังกร,พันธมิตรมังกร,ผู้รวดเร็วทีสุด,วีรบุรุษแห่งเพลิง,กบที่กระโดดพ้นกำแพง,พรจากเทพแห่งการตีเหล็ก,พรจากเทพธิดาแห่งเพลิง,ผู้ก้าวข้าม,ผู้สรรสร้าง]
[พลังกำลัง – 827 ความคล่องแคล่ว – 766 พลังชีวิต – 635 พลังเวทย์ – 1,238]
[สกิลใช้งาน – การร่วงหล่น(ยมทูต, เอนชานท์วิญญาณ,ประกายเพลิง,ผู้สะสมความตาย,การฟื้นฟูเหนือมนุษย์,การต้านทานพิษระดับสูง,การต้านทานคำสาประดับสูง) เลเวล 43, หัตกรรมมานาเลเวลสูงสุด เทวะกำลัง(พลังเหนือมนุษย์,การโจมตีคริติคอล) เลเวล 79, ปกครองเลเวลสูงสุด, โลหิตมังกรเลเวล 96, ข้ามมิติ(กระโดด)เลเวล 58, จ้าวมิติเลเวล 69]
[สกิลติดตัว – การผสานมนุษย์และมังกรเลเวล 87, ชำแหละเลเวลสูงสุด, ช่างตีเหล็กเลเวลสูงสุด,บันทึก(ภาษา)เลเวล 82, วิศวกรรมเวทย์เลเวลสูงสุด, ขุดเลเวลสูงสุด, หอกไร้วิถี(ความเชี่ยวชาญหอก)เลเวล 98, หอกสะบั้นจักรวาล(ความเชี่ยวชาญหอก, ความเชี่ยวชาญการต่อสู้ประชิด, ความเชี่ยวชาญอาวุธไร้คม,ความเชี่ยวชาญดาบ,ความเชี่ยวชาญแส้) เลเวล 86, ความแม่นยำสัมบูรณ์(การขว้าง,การยิง)เลเวลสูงสุด, ทำอาหารเลเวลสูงสุด, หัวใจที่ไม่สั่นคลอนเลเวลสูงสุด, การปรับตัวของนักท่องมิติเลเวล59, คำสั่งเดินทัพเลเวล 66]
สิ่งแรกที่สายตาเขามองเลยก็คือคลาสรอง ในตอนแรกยูอิลฮานมีคลาสรอง ‘คู่หูของทูตสวรรค์อยู่’ แต่จากพันธสัญญาณพันธมิตรที่ถูกยกเลิกไปทำให้เขาได้เสียคลาสรองไปแล้ว และในตอนนี้ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้วทำให้คลาสรองได้หายไปอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้มันถึงเวลาที่เขาคิดว่าเขาจะต้องเลือกคลาสรองใหม่มาแทนที่คลาสรองเก่าที่หายไปแล้ว แต่ว่ามันดูเหมือนว่าทุกๆอย่างจะไม่ได้เป็นไปตามต้องการ บันทึกนภาไม่ได้ส่งข้อมูลอะไรในเรื่องนี้ออกมาเลย
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนะ เพราะงั้นทำให้ไม่มีใครที่จะให้คำแนะนำให้เรื่องนี้กับเขาได้ จนในที่สุดยูอิลฮานก็ได้ปล่อยคลาสรองนี้เอาไว้ก่อน นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแก้ไขได้ด้วยความพยายามของเขา เขาได้แต่ต้องรอให้โอกาสนั้นมาถึงเท่านั้น
“แต่ว่าสกิลของฉันก็พัฒนาขึ้นมามาก”
รวมๆเวลาที่เขาได้ใช้นาฬิกาทรายครั้งก่อนๆเข้าด้วยกันแล้วก็เท่ากับว่าเขาได้ใช้เวลาทั้งหมดในบาเรียไปถึง 15 ปี ในเวลาทั้งหมดนั้นเขาได้ใช้เวลาไป 30% กับการแช่ตัวเองอยู่ในอ่างแห่งปาฏิหารย์และฝึกหอกสะบั้นจักรวาลเพราะแบบนี้เลยทำให้เลเวลของหอกสะบั้นจักรวาลของเขามาถึง 85 แล้ว การพัฒนาสกิลอื่นๆก็ไม่ได้ทิ้งกันห่างมากนักด้วย
ยังไม่ใช่แค่นั้น ในระหว่างการปลุกพลังมังกรของเขา ค่าสเตตัสของเขาก็ยังได้เพิ่มขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอและเขาก็ชินกับการใช้พลังของเพลิงทำให้ค่าพลังเวทย์เขาเพิ่มมากขึ้นช่นกัน ในตอนนี้ตัวเขาแค่ค่าสเตตัสก็เทียบได้กับสิ่งมีชีวิตคลาส 6 ไปแล้ว
หลังจากดูค่าสเตตัสนี้ ยูอิลฮานคิดว่าตัวเขาเองอาจจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้แปลกอะไร ใบหน้าของเขาที่สะท้อนอยู่บนผิวเกราะที่มันวาวก็ไม่มีเศษเสี้ยวของตัวเขาคนก่อนอยู่แล้วด้วย
ในตอนนี้เขาได้กลัวขึ้นมาแล้ว
ฉันยังเป็นฉันอยู่ใช่ไหม? หรือว่านี่คือคนอื่นกัน? ฉันก็แค่กำลังหลับฝันอยู่ภายในมหาลัยโดยไม่มีใครสังเกตหรือป่าวนะ? ความคิดแบบนี้ได้ผุดเข้ามาทำให้จิตใจยูอิลฮานสับสนอย่างต่อเนื่อง
“เลียร่า”
“ว่าไงอิลฮาน”
คนรักของเขาที่ได้เฝ้ามองเขามาตลอดนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันได้ตอบเขากลับมาราวกับว่าเธอรู้ว่าเขากำลังพูดอะไรกับเธอ ดวงตาที่อ่อนโยนและสงบของเลียร่าได้ทำให้อารมณ์ที่หวั่นไหวของเขาสงบลงมา ไหล่ของเขารู้สึกหมดแรงลงและถามคำถามโง่ๆออกมา
“…ในสายตาเธอ ฉันเปลื่ยนไปมากไหม?”
“อืมม ถ้าบอกว่าไม่ก็คงไม่จริงล่ะมั้ง?”
เลียร่าได้ยิ้มแห้งๆออกมา เธอรู้ถึงสิ่งที่เขาคิดอยู่ในตอนที่ถามคำถามนี้ออกมาแล้ว
เลียร่าเองก็มีหลายต่อหลายครั้งที่เป็นแบบนี้ ในตอนที่เธอได้ตระหนักว่าเธอได้ไปถึงจุดสูงสุดของโลกของเธอ ในตอนที่เธอได้กลายมาเป็นทูตสวรรค์ภายใต้การนำของสวรรค์ ในตอนที่เธอตกหลุมรัก ในตอนที่เธอกลายเป็นทูตสวรรค์ระดับสูง และในตอนที่เธอได้กลับมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำยืนเคียงข้างยูอิลฮาน ช่วงเวลาทั้งหมดนี้คือช่วงเวลาที่เธอไม่เชื่อในตัวตนของตัวเองและสงสัยในสิ่งที่เธอได้พบเจอมา
ยูอิลฮานได้เม้มริมฝีปากของเขา
“เลียร่า ฉัน…”
“ฉันรู้ว่านายกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่ว่านะอิลฮาน นายไม่ต้องกังวลหรอก”
“ทำไมล่ะ?”
“การเปลื่ยนแปลง… คือหลักฐานที่ดีที่สุดที่พิสูจน์ว่านายยังมีชีวิตอยู่ และนายก็จะได้รู้ว่ามีแค่นายเท่านั้นที่เป็นนายได้”
นี่คือคำพูดที่เลียร่าพูดได้หลังจากที่เธอได้ผ่านประสบการณ์เช่นเดียวกันมานับไม่ถ้วน เมื่อยูอิลฮานได้เงียบลงไป เธอก็เสริมขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วก็ฉันก็รักตัวนายทั้งคนก่อน และคนที่เปลื่ยนแปลงมาคนนี้เช่นกัน ความรู้สึกของฉันจะยังเหมือนเดิมไม่ว่าจะยังไง แค่นี้ยังไม่พออีกหรอ?”
“…ใช่ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
ยูอิลฮานคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่ประหลาดมากที่เธอพูดแบบนี้ออกมาได้ แต่ว่านี้มันก็เป็นความจริงที่สะท้อนความรู้สึกในใจของเขาออกมา
เธอคือคนที่ได้รับพรจากเทพแห่งความรักเชียวนะ ถึงแม้ว่าปากเขาจะพึมพัมออกมา แต่เขาก็กางแขนออกและกอดเธอแน่น
“ขอบคุณนะเลียร่า”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ นายจะต้องตกใจแน่ถ้าได้รู้ว่าฉันรู้สึกขอบคุณนายมากแค่ไหน”
พวกเขาทั้งสองคนได้อยู่แบบนี้ไปซักพักหนึ่ง แต่ว่าไม่นานก็มีสายตาที่แหลมคมจ้องมาที่พวกเขาทำให้พวกเขาต้องแยกออกจากกัน ตอนนี้ในอีกไม่กี่วินาทีบาเรียกจะหายไปแล้ว มันไม่ใช่เวลามาสวีตอีกต่อไปแล้ว
“พี่สาวเลียร่าทำตัวลับๆล่อๆอีกแล้ว ฉันก็อยากจะรู้จักอิลฮานคนก่อนเหมือนกันน้า~”
“เธอก็คงจะไม่ได้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของเขาหรอก”
“ฉันรู้สึกอยากจะฆ่าเธอแล้วสิเลียร่า อย่างน้อยก็ทำแบบนี้ในที่ที่ฉันไม่อยู่ไม่ได้งั้นหรอ?”
“อิลฮานกอดฉันก่อนนี่ จะให้ฉันทำไงได้ล่ะ?”
“กรี๊ดดดดดดด…!”
เลียร่าไดแหย่นายูนากับเอิลต้าที่ดูจะหงุดหงิดกับเธอ ยูอิลฮานก็คิดว่าด้านนี้ของเธอก็น่ารักเหมือนกัน ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาและปรบมือเบาๆเรียกทุกคน
“พวกเราจะเดินทางกันในทันทีที่บาเรียพังลง ฉันได้แจกจายอุปกรณ์ส่วนตัวให้กับทุกๆคนแล้ว เพราะงั้นฉันจะไม่พูดอะไรมากนะ… เป้าหมายของเรานั้นก็คือการจัดการทุกๆคนนอกจากพวกของเขา ในระหว่างนี้พวกเราจะพัฒนาขึ้นขึ้นด้วย”
“เป็นเป้าหมายเดียวที่น่าทึ่ง…”
[ที่รักจะกลายเป็นเทพพระเจ้าองค์ที่ห้า เพราะงั้นอย่างน้อยต้องกล้าแบบนี้แหละ ใช่เลย เท่มาก]
ในตอนนี้เองบาเรียก็ได้พังลง ยังไงก็ตามยูอิลฮานไม่ได้ออกไปเลยในทันที หัวหน้ากิลด์ทั้งสามคนที่ก่อนหน้านี้เขาได้เรียกเข้ามาในบาเรียด้วยเพราะมีความสามารถที่จะต้านวงเวทย์ได้ พวกเขาทั้งสามคนก็ยังมีความสามารถที่จะสู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้หากว่าถูกติดอาวุธของยูอิลฮาน
อย่างแรกยูอิลฮานก็เลยคิดที่จะถามความเห็นของคนพวกนี้ก่อน และจากนั้น…
“แน่นอนสิว่าเราจะไปด้วย ขอบคุณที่เรียกเรานะ”
“ฉันจะตามคุณได้ด้วยเหมือนกัน”
“ตามที่ท่านยูอิลฮานต้องการเลยค่ะ!”
การที่หัวหน้ากิลด์ได้เลือกตามเขาไปไม่ได้เหนือกว่าที่เขาคาดเอาไว้เลย คนพวกนี้ได้เลือกก้าวไปข้างหน้าต่อให้จะรู้ว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ตาม เพราะแบบนี้ยูอิลฮานก็ไม่อาจจะดูถูกพวกเขาได้ สีหน้าของยูอิลฮานได้แข็งทื่อขึ้นมาก่อนจะหยักหน้าพูดขึ้น
“ทุกๆคนขึ้นไปบนป้อมปราการลอยฟ้าเลย พวกเราจะเดินทางกันเดี๋ยวนี้แหละ”
ที่ที่เขาเลือกจะไปนั้นก็คือดาเรย์ มิลฟาร์ได้รอเขามาตลอด เมื่อเธอได้เจอเข้าก็เผยรอยยิ้มเบ่งบานออกมา
“ท่านจักรพรรดิ!”
ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ได้ออกคำสั่งกับเธออย่างเย็นชา
“รวบรวมเอลฟ์คลาส 4 ที่แกร่งที่สุดพันคนกับเผ่าพันธ์หมาป่า พาพวกเขาขึ้นมาบนป้อมปราการผู้พิทักษ์ มิลฟาร์ในคราวนี้เธอก็จะต้องไปด้วย จิล มิไร แล้วก็พีทก็จะไปด้วย เอลฟ์ทุกๆคนจะอยู่ภายใต้การบัญชาการของเธอ เอริเซียก็ก็จะต้องบัญชาการเผ่าพันธ์หมาป่าในป้อมปราการผู้พิทักษ์เช่นกัน”
“…เข้าใจแล้ว!”
“ค่ะ!”
“ค่ะ นายท่าน!”
เหล่าเอลฟ์กับหมาป่าได้เลือกสมาชิกพันคนได้ภายในพริบตาเดียวเหมือนกับพวกเขารอคอยมานานอยู่แล้ว พวกเขาต่างก็เดินเรียงแถวเข้าไปในป้อมปราการผู้พิทักษ์อย่างเป็นระเบียบ
ในระหว่างแจกจายอาวุธให้กับพวกเขาเหล่านี้ยูอิลฮานก็รู้สึกเขินนิดๆ สกิลปกครองของเขาได้ผลขนาดนี้เลยงั้นหรอ?
“ถ้างั้นตอนนี้เราจะไปบุกโลกระดับสูงกันแล้วใช่ไหม?”
เลียร่าได้ถามออกมาด้วยท่าทางที่ดูจะตื่นเต้นน่าดู ยูอิลฮานได้ส่ายหัวทันที
“พวกเราจะต้องไปเอาไพ่ตายมาก่อน”
โอโรจิที่ได้รับการฝึกกับร่างใหม่ของเขามาเป็นเวลา 15 ปีและได้ปรับตัวกับร่างกายใหม่ของเขาที่พัฒนาขึ้นมาแล้ว เขาได้ส่ายหัวออกมาราวกับเขากำลังพึมพัมเหมือนกับมนุษย์ จะมีแค่โอโรจิเท่านั้นที่รู้ถึง ‘ไพ่ตาย’ นี่เป็นอย่างดี
ในตอนนี้เองยูอิลฮานก็ครางออกมา
“เยี่ยม เสร็จแล้ว”
“เมื่อไหร่กัน!?”
ทั้งๆที่ยูอิลฮานยังยืนอยู่ที่เดิมเนี้ยนะ? ทุกๆคนต่างก็ตกตะลึงไป แต่ว่ายูอิลฮานได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วช้าแทนคำแก้ตัว
“โอ้ นี่เป็นอาวุธที่พิเศษนิดหน่อยนะ”
“ถ้านายบอกว่ามันพิเศษนิดหน่อยนี่มันยิ่งไม่ดีแล้ว! อ๊า ฉันดีใจจังที่อยู่ฝั่งเดียวกับนาย…”
[นายท่าน อย่ามาทำลายฉันโอเคนะ?]
“…นี่พวกเธอคิดว่าฉันเป็นตัวบ้าอะไรกันเนี้ย?”
[…ฉันขอเลือกไม่ตอบแล้วกันนะ]
เพราะแบบนี้การเตรียมการทั้งหมดได้เสร็จแล้ว ยูอิลฮานได้หันไปคุยกับเฮเรียน่าอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะทำการเปิดใช้งานสกิลข้ามมิติ
“มีเงื่อนไขอะไรบ้างกับการที่จะขโมยโลก?”
[ที่รักจะต้องขับไล่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงคนอื่นๆออกไปจากโลกให้หมดและลบร่องรอยของคนพวกนั้นทิ้งไป]
“นั่นมันดูจะไม่ใช่สิ่งที่ใครๆก็ทำได้เลยนะ”
แน่นอนอยู่แล้วหากว่าการยึดครองโลกเป็นเรื่องนี้ใครๆก็ทำได้ จักรวาลใบนี้ก็คงจะพินาศไปแล้ว ยังไงก็ตามยูอิลฮานที่มีความสามารถของนักท่องมิติ และมีความสามารถที่เหมาะจะยึดโลกด้วย
“ผู้นำของแต่ล่ะกองกำลังก็น่าจะมีความสามารถที่คล้ายๆกับที่ฉันมีไม่ก็มีความที่ดีกว่าฉันอีก ยังไงก็ตามมีบางอย่างอยู่ที่ทำให้ฉันได้เปรียบ”
“เพราะนายเท่ใช่ไหมละ!?”
“เพราะนายหล่องั้นสินะ!?”
ยูอิลฮานรู้สึกกลัวเล็กน้อยที่เขาเผลอไปชินกับคำชมไร้ประโยชน์แบบนี้ และตอบกลับไป
“ไม่ มันเป็นเพราะฉันเป็นพวกคนทำงานภาคสนามไม่เหมือนกับพวกเจ้านายชี้นิ้วสั่งไงล่ะ”
เขารู้ดีว่าจุดแข็งของเขาอยู่ตรงไหน! แต่แน่นอนว่านี่ก็เป็นความประมาทของเขาเช่นกัน แต่สำหรับในตอนนี้เขาไม่ได้สนอีกต่อไปแล้ว!
“ไปกันเถอะ ฉันอยากจะทวงความเป็นธรรมคืนมา เพราะงั้นฉันอยากจะเริ่มจากสวนอาทิตย์อัสดงก่อนแล้วค่อยสลับไปมาที่กองกำลังอื่นๆ”
[งั้นเหตุผลที่นายเริ่มจากสวนอาทิตย์อัสงก็เพราะไม่ชอบงั้นสินะ?]
“ไม่หรอก มันก็แค่พวกนี้ดูจัดการได้ง่ายสุดเท่านั้นเอง”
ตลอดมายูอิลฮานไม่เคยข้ามเส้นไปโจมตีกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงตรงๆก่อนเลยทั้งนั้น
แต่ยังไงก็ตามในตอนนี้เขาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน และเพราะแบบนี้ทำให้เขาไม่อาจจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและการต่อสู้กับกองกำลังอื่นได้อีก
มันยังไม่ใช่แค่นี้ ยูอิลฮานยังต้องชี้หอกของเขาเข้าใส่คนที่ไม่ได้มีความเป็นศัตรูหรือเจตนาร้ายกับเขาเลยด้วยซ้ำ ที่ยูอิลฮานทำก็แค่เพราะคนพวกนั้นอยู่ในกลุ่มเดียวกับกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเท่านั้น หากบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องแบบนีก็คงจะไม่จริง แต่ว่า…
“ถ้าหากว่าพวกนายอยากจะให้ฉันเต้นอยู่บนเวทีที่พวกนายสร้างกันขึ้นมาล่ะก็”
ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานสกิลข้ามมิติของเขา จำนวนของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ยูอิลฮานได้เจอมาจนถึงตอนนี้มีมากจนเรียกได้ว่า ‘นับไม่ถ้วน’ และการจะสร้างประตูมิติที่จะพาเขาไปในที่ที่พวกนั้นอาศัยอยู่ด้วยบันทึกที่เขามีมันไม่ใช่เรื่องยากเลย
“ฉันยินดีที่จะรับบทคนร้าย”
สกิลได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว
ป้อมปราการลอยฟ้ากับป้อมปราการผู้พิทักษ์ได้หายไปราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อนแต่แรก