บทที่ 283 – เตรียมตัว (1)
[นี่มันบ้ามาก]
มิสทิคได้ส่งเสียงออกมาอย่างจริงจัง
[นายท่านจำเป็นที่จะไปบุกพวกนั้นอีกแล้วงั้นหรอ?]
“ฉันก็อยากจะเลี่ยงการไปข้องเกี่ยวกับพวกนั้นให้มากที่สถดเหมือนกัน ถ้าไม่ต้องยุ่งเลยก็จะดีที่สุด”
ผนึกของโลกจะหายไปเมื่อโลกนี้ได้กลายเป็นโลกระดับสูง ยังไงก็ตามยูอิลฮานมีคลาสรองนักท่องมิติอยู่ หากเขาใช้งานสกิลจ้าวมิติ เขาก็จะป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงคนอื่นๆเข้ามาในโลกเขาได้ แต่ว่าเขาก็ต้องเตรียมตัวไว้สำหรับการที่สกิลใช้ไม่ได้ผลเช่นกัน
และเพราะแบบนี้ทำให้เขาคิดว่าเขาไม่น่าจะตกไปอยู่ในความขัดแย้งในอนาคตอันใกล้นี้…
“แต่ว่าถ้าฉันอยากจะหยุดเจ้าพวกบ้านั่นให้ได้ ฉันคิดว่าฉันจะต้องแกร่งขึ้น แกร่งให้มากกว่านี้”
[จะแข็งแกร่งแค่ไหนกันล่ะ? ตอนนี้นายท่านก็เทียบได้กับคลาส 7 ส่วนใหญ่แล้วนะ!]
“ก็เพราะนี่มันยังไม่พอไงล่ะ”
ในท้ายที่สุดอ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็ทำได้แค่กระตุ้นพลังงานภายในตัวเขาเท่านั้น มันไม่ได้ช่วยให้เขาเข้าไปสู่ระดับพลังที่สูงกว่านี้ได้แล้ว ไม่สิ บางทีอาจจะแค่ความเร็วมันลดลงจนช้ามากก็ได้ หากว่าเขาแช่แบบนี้ไว้ซักพันปีหรือสองพันปีเขาก็อาจจะกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้
“ฉันต้องการตัวอย่างเพิ่มมากกว่านี้”
[เพราะงั้นที่รักก็กำลังจะไปทำอะไรที่พิเศษกันล่ะ?]
“ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจะกำลังทำอะไรกัน ฉันก็จะไปร่วมด้วย”
นี่เป็นเวลากว่าสิบเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เจอกับทูตสวรรค์ที่สังกัดกองทัพสวรรค์เลย ยูอิลฮานกับคนอื่นๆไปตระเวนไปรวบรวมผู้คนจากโลกต่างๆมากมาย ทั้งยังรับมนุษยชาติจากโลกที่ล่มสลายมาด้วย แต่ว่าจากเวลามากมายที่ผ่านไปนี้ทั้งกลุ่มของยูอิลฮานและกลุ่มของคังมิเรย์ ไม่มีใครเลยที่สัมผัสได้ถึงตัวตนของทูตสวรรค์หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตชั้นสูงฝ่ายอื่นๆ
ยังไงก็ตามจู่ๆเฮเรียน่าก็พูดในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงออกมา
[นั่นมันก็เป็นความผิดของที่รักนั่นแหละ]
“ความผิดฉันงั้นหรอ?”
[ก็ที่รักเป็นคนที่ทำให้ที่ตั้งฐานทัพของกองทัพจรัสแสงรั่วไหลออกไปนี่ ที่รักคิดว่าพวกที่เหลือจะอยู่เฉยงั้นหรอ?]
“แต่ว่าฐานทัพของกองทัพปีศาจแห่งการทำลายก็เป็นที่รู้จักกันดีเหมือนกันไม่ใช่หรอ?”
[ใช่แล้วล่ะ มีหลายเหตุผลที่ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น แต่ว่ามันก็คงจะมาระเบิดเอาตอนนี้เท่านั้นเอง]
รอยยิ้มพึงพอใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฮเรียน่า แม้ว่ารอยยิ้มนี้ของเธอจะดูชั่วร้ายมากๆ แต่ว่าตัวเขาเองกลับชินไปซะแล้ว
“ถ้างั้นเราก็คงต้องไปที่ฐานทัพของกองทัพจรัสแสงงั้นสินะ?”
[ไม่หรอกที่รัก]
เฮเรียน่าได้ตอบกลับมาทันที
[การไปเยือนโลกที่มีหัวหน้าปกครองอยู่มันต่างกับการไปโลกระดับสูงอย่างสิ้นเชิง อย่างน้อยที่สุดการที่ที่รักจะไปที่นั่นที่รักก็จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเสียก่อน ฉันชอบการทำลายและการฆ่าฟันนะ แต่ว่าการที่รักไม่ตายมันจะดีกว่า หากเรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นฉันก็คงต้องตายตามที่รักไป]
“…โอเค”
จนถึงตอนนี้ยูอิลฮานได้ประเมินฐานทัพของกองกำลังแต่ล่ะฝ่ายต่ำเกินไป แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ถึงที่กองทัพสวรรค์จะไม่เป็นไรก็ตาม… หืมม?
“…พอมาคิดดูแล้ว ฉันไม่เห็นเคยรู้สึกถึงตัวตนที่เหนือกว่าคลาส 7 ในตอนที่อยู่ในสวรรค์เลยนะ มันเป็นเพราะฉันสัมผัสถึงพระเจ้าไม่ได้งั้นหรอ?”
[บางทีพระเจ้าอาจจะไม่มีจริงก็ได้นะ?]
“เฮเรียน่าอย่ามาพูดไร้สาระนะ พระเจ้าน่ะมีอยู่จริง… ถึงฉันจะไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่ไหนในสวรรค์ก็ตาม”
เลียร่าได้ปฏิเสธในคำพูดของเฮเรียน่าอย่างสลดใจเพราะบางอย่าง ตัวเธอเองก็สงสัยเช่นเดียวกัน จากนั้นยูอิลฮานก็นำข้อมูลเหล่านี้มาสรุปในเรื่องที่เขาไม่ควรจะทำ
“ถ้าฐานทัพหลักมันไม่ดี ถ้างั้นเราก็ตั้งเป้าไปที่สาขาย่อยแล้วกัน”
[นี่เป็นความคิดที่ดี กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจะแข็งแกร่งขึ้นตามจำนวนและขยายของโลกที่ครอบครองอยู่ เพราะแบบนี้กองกำลังต่างๆก็น่าจะอยู่ในช่วงที่กำจัดโลกอื่นๆของฝ่ายต่างๆก่อนสงครามครั้งใหญ่แล้ว แต่ในอนาคตอันใกล้นี้จะต้องมีสงครามขยายใหญ่ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นแน่นอน]
น้ำเสียงของเฮเรียน่าได้เริ่มไม่สงบเมื่อเธอได้ตอบกลับมา ยูอิลฮานได้กลัวเล็กน้อยที่ตัวเธอดูจะชอบผลลัพธ์แบบนี้ และถามเธออย่างระมัดระวัง
“ถ้างั้นไม่ใช่ว่าถ้าเรารออยู่เฉยๆพวกนั้นก็จะอ่อนแอกันไปเองหรอกนะ? แถมพวกนั้นก็คงจะเลิกสนใจโลกของฉันด้วยนี่”
[ที่รักกำลังพูดอะไรอยู่? ที่รักรู้ไหมว่าสงครามทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เพราะโลกที่รักนะ เป้าหมายสุดท้ายของพวกนั้นคือโลกใบนี้นี่แหละ]
ยูอิลฮานได้เงียบลงไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกงงเอามากๆ จนถึงตอนนี้เขาได้เมินเรื่องราวเบื้องหลังของโลกมาตลอด แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“เล่ามาหน่อยสิเฮเรียน่า”
ในท้ายที่สุดเขาก็ได้ถามออกมา
“อะไรกันในโลกนี้ที่ทำให้สารเลวพวกนั้นสนใจ”
[คำพยากรณ์]
“คำพยากรณ์บ้านี่อีกแล้ว”
[นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น…]
เฮเรียน่าได้มองไปรอบๆก่อนที่จะพูดออกมา ตอนนี้มีเวลาเหลืออีกเดือนครึ่งก่อนที่บาเรียจากนาฬิการทรายแห่งกาลเวลาจะหายไปเป็นครั้งที่ 11 คนอื่นๆทั้งหมดต่างก็ตั้งใจกับการฝึกหรือล่ามอนสเตอร์ คนที่อยู่รอบตัวยูอิลฮานในตอนนี้มีก็แค่เฮเรียน่า คิมเยซอล คังมิเรย์ นายูนา และเลียร่า
[ฉันอยากจะพูดกับที่รักเพียงลำพัง เพราะงั้นทุกๆคนช่วยออกไปก่อนได้ไหม?]
“เธอคิดจะทำอะไรกัน? ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอทำเรื่องน่าสงสัยแน่
เลียร่าได้ปฏิเสธออกมาโดยไม่คิดเลย แต่ว่ายูอิลฮานได้ส่ายหัวออกมา
“ฉันก็แค่จะฟังเรื่องเล่าจากเธอเพราะงั้นไม่ต้องห่วง”
“มันฟังดูน่าสนใจนี่ ฉันจะฟังเรื่องเล่านั่นด้วยไม่ได้หรอ?”
[ไม่ สำหรับคนอื่นการได้ยินไปมันไร้ค่า มันจะดีที่สุดที่คนที่ได้รู้มีแค่ที่รักที่เป็นจ้างแห่งโลกใบนี้]
“ถ้างั้นก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ สาวๆพวกเขาควรจะให้พื้นที่พวกเขาก่อนนะ”
คิมเยซอลได้หยักหน้าและบอกให้คนอื่นๆกลับไป เหล่าสาวๆที่นำโดยเลียร่าได้ประท้วงกันออกมา แต่แล้วพวกเธอก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ต่อหน้าการโบกมือให้ถอยอย่างอ่อนโยนของคิมเยซอล
[ถ้างั้น…]
เฮเรียน่าได้มองตรวจดูรอบๆอีกสองสามครั้ง ก่อนที่จะสร้างบาเรียบางๆขึ้นมาและเริ่มพูดกับยูอิลฮาน
[คำพยากรณ์นั้นมาจากสวนอาทิตย์อัสดง ที่รักคงจะเคยได้ยินมาแล้วสินะว่าหัวหน้าของสวนอาทิตย์อัสดงมีพลังในการพยากรณ์อยู่]
“ใช่ ฉันคิดว่าเคยได้ยินมาแล้ว”
หลังจากได้มองไปที่เลียร่าที่อยู่นอกบาเรีย ยูอิลฮานก็ได้หยักหน้าออกมา เขาเคยได้ยินมาจากเลียร่าในตอนสงครามที่ดาเรียแล้ว
[ใช่แล้ว พลังนั่นน่าจะเป็นของจริง เป็นเขาคนนั้นนั่นแหละที่บอกว่าในท้ายที่สุดฉันจะมายืนเคียงข้างพระเจ้าองค์ที่ห้า…]
เฮเรีย่าที่แก้มแดงขึ้นมาดูน่ารักมากๆ ในระหว่างพูดแบบนี้เธอรู้สึกอายอย่างมาก
นี่มันทำให้เธอดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่ว่า ‘บริสุทธิ์’ ‘ไร้เดียงสา’ เป็นคำที่ดูตรงกันข้ามกับเฮเรียน่าอย่างสิ้นเชิง และยูอิลฮานก็ได้จบลงด้วยความคิดว่าผู้ญิงทุกคนนี่สิ่งที่น่ากลัว
[นั่นเป็นเหตุผลทำให้ทุกๆคนกังวลกับการเคลื่อนไหวของสวนอาทิตย์อัสดง แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปซักพัก ผู้นำก็ได้เริ่มสนใจที่โลกของที่รักซึ่งมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่โลกใบนี้ยังไม่เคยเผชิญกับมหาภัยพิบัติเลยด้วยซ้ำไป]
“แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
[ฉันเป็นคนที่เจอเรื่องนี้เองแหละ หัวหน้าของสวนอาทิตย์อัสดงคือผู้ชาย แล้วก็ในตอนนั้นฉันได้ใช้วิธีการของฉันยั่วยวนเขาทำให้ฉันได้ยินคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระเจ้าองค์ที่ห้า โอ้ หลังจากได้ยินแบบนั้นฉันก็หนีไปทันทีลยล่ะ]
ยูอิลฮานได้ปวดหัวขึ้นมา หนึ่งในเหตุผลที่โลกถูกจับตามองนั่นก็เพราะเธองั้นหรอ? ไม่สิ ถ้าไม่มีเธอโลกของเขาก็คงตกอยู่ใต้ฝ่ามือของสวนอาทิตย์อัสดงไปแล้ว เพราะงั้นเขาคงต้องขอบคุณเธอสินะ?
[ที่รัก… โกรธงั้นหรอ? ฉันขอโทษ แต่ว่าเรื่องนั้นมันก่อนที่ฉันจะรู้จักกับที่รัก…]
เพราะแบบนี้เธอก็เลยให้ทุกๆคนออกไปก่อนสินะ? บางทีเธอไม่อยากจะบอกว่าเธอมีส่วนทำให้โลกเป็นแบบนั้น ไม่สิ เธอไม่อยากที่จะเห็นคนอื่นเห็นว่าเธอรู้สึกผิดต่างหาก
ให้ตายสิ ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาและหยักหน้า
“นั่นมันอาจจะก่อนที่ฉันเกิดซะอีก… ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก พูดต่อเถอะ”
[จากนั้น… ก็มีคำพยากรณ์อย่าง ในท้ายที่สุดโลกของที่รักจะกลายเป็นโลกที่เหนือยิ่งกว่าโลกที่ถูกเรียกว่า ‘สวรรค์’]
เฮเรียน่าได้เงียบลงแค่นี้ ยูอิลฮานได้แต่ถามออกมา
“แค่นี้งั้นหรอ?”
[ใช่แล้ว แค่นี้แหละ]
“บ้าอะไรเนี้ย? พวกนั้นเพ็งเล็งที่โลกฉันแค่เพราะเหตุผลเล็กน้อยนั่นเนี้ยนะ!?”
[แค่เหตุผลนี้ก็มากพอแล้วที่รัก ที่รักรู้ไหมว่าทำไมกองทัพสวรรค์ถึงได้แข็งแกร่งนัก นั่นมันก็เพราะว่าในโลกของพวกเขามีบันทึกอยู่จำนวนมหาศาล นั่นเป็นเหตุผลที่ข้อจำกัดด้านพลังของกองทัพสวรรค์กับข้อจำกัดของจำนวนพวกเขาเหนือยิ่งกว่ากองกำลังอื่นๆไงล่ะ]
“…นั่นสินะ”
สงครามของโลกระดับสูงเกิดขึ้นเพราะแบบนี้งั้นหรอ? บางทีเหตุผลที่กองทัพปีศาจวิบัติที่ต้องการแต่การทำลายอย่าง เล็งเป้าหมายไปที่ฐานทัพของสวรรค์ก็เพราะแบบนี้เช่นกัน
มันสมเหตุสมผลแล้ว และนี่ยิ่งทำให้เขาโมโหมากยิ่งขึ้น ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้ยอมรับว่าทำไมเขาถึงได้รับสกิลบันทึกมา
[ยังไงก็ตามหลังจากฉันได้รู้เรื่องพวกนี้ ฉันก็ได้กระจายข้อมูลออกไปทั่ว… ที่รักอยากจะรู้ไหมล่ะว่าทำไม?]
“ทำไมล่ะ? เพื่อกองทัพปีศาจวิบัติงั้นหรอ?”
[ไม่ นั่นมันเพราะว่ามีแค่ในตอนที่ทุกๆกองกำลังจับตามาที่โลกเท่านั้น ฉันถึงจะมีโอกาสที่ฉันจะได้มาเจอกับที่รัก]
ยูอิลฮานได้เงียบลงไป ชัดเจนมาก หากว่าเรื่องราวต่างๆรอบๆตัวโลกของเขาไม่ได้ใหญ่โตแบบนี้ เขาก็คงไม่มีวันได้ติดต่อกับเฮเรียน่าแน่นอน
“หืม?”
ในตอนนี้เองหน้าผากเขาก็กระตุกขึ้นมาเมื่อนึกได้ถึงเรื่องหนึ่ง
หัวหน้าสวนอาทิตย์อัสดงได้ทำนายเรื่องของพระเจ้าองค์ที่ห้า และเฮเรียน่าก็ได้กระจายข้อมูลออกไปเพื่อสร้างความวุ่นวายกับกองกำลังทั้งหมดที่รู้เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่ามันแปลกๆหรอกหรอ?
“นี่เธอ…”
[ใช่แล้ว ฉันถูกหัวหน้าสวนอาทิตย์อัสดงหลอกใช้ เขาได้หลอกใช้ให้ฉันกระจายข้อมูลที่ฉันได้รู้ออกไปจนในที่สุดฉันได้มาเจอกับพระเจ้าองค์ที่ห้า แน่นอนว่าฉันได้มารู้เรื่องนี้ในภายหลัง]
ในเวลาเดียวกันนี่ก็ได้แสดงให้เห็นถึงสิ่งหนึ่ง สิ่งที่สวนอาทิตย์อัสดงเล็งอยู่ไม่ใช่โลก แต่เป็น…
“นี่ทำเพื่อการพัฒนาของฉันงั้นหรอ? ทั้งๆที่ฉันยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ?”
[ใช่แล้ว ฉันก็สรุปออกมาได้แบบนี้เหมือนกัน อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่สวนอาทิตย์อัสดง ไม่สิ สิ่งที่หัวหน้าพวกนั้นเล็งอยู่ก็คือการทำให้ที่รักกลายมาเป็นพระเจ้า]
“ถึงจะน่าหงุดหงิดแต่เหตุผลที่ฉันแข็งแกร่งนั่นมันเพราะฉันได้ถูกทิ้งเอาไว้บนโลก เขาคนนั้นกระทั่งรู้ว่าฉันจะต้องถูกทิ้งงั้นหรอ?”
[บางทีล่ะมั้ง?… หรือไม่นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำก็ได้]
ยูอิลฮานได้ตกตะลึงขึ้นมาแล้ว กองทัพสวรรค์กับสวนอาทิตย์อัสดงเข้ามาแทรกแซงการพัฒนาและชีวิตของเขาไปเพื่ออะไรกัน? พวกนั้นแค่ตัดสินใจจะทำให้เขาเป็นพระเจ้างั้นหรอ? แล้วพวกนั้นก็ได้เริ่มการต่อสู้กับโลกของยูอิลฮานด้วยตัวพวกนั้นเอง…
นี่มันไม่น่าสบายใจเลยสักนิด เขาไม่ชอบในคำว่า ‘พยากรณ์’ แบบนี้เลย นี่มันโกงมาก คนพวกนี้จะสามารถพูดได้ว่า ‘ฉันรู้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้’ หรือ ‘ฉันรู้ว่ามันกำลังเป็นแบบนี้’ ไม่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นยังไงก็ตาม
“แต่ว่าฉันไม่อาจจะออกไปจากเส้นทางที่พวกนั้นปูไว้ให้ฉันได้เลย”
ยูอิลฮานได้กัดฟันพึมพัมออกมา ไม่ว่าพวกนั้นจะหวังอะไรอยู่ ยูอิลฮานก็จะทำตามใจของตัวเอง และถ้าเป็นไปได้เขาก็จะทำในสิ่งที่พวกนั้นคาดไม่ถึงด้วย
[ตอนนี้ฉันได้บอกแทบจะทุกอย่างที่บอกได้กับที่รักไปแล้ว… ที่รักจะทำยังไงต่อล่ะ?]
“ที่บอกว่าฉันจะทำยังไงต่อนี่มันอะไรกัน ฉันก็แค่จะทำในสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ต่อไปไงล่ะ”
เสียงของยูอิลฮานที่ตอบกลับเฮเรียน่ากลับมาเป็นน้ำเสียงที่น่าหนาวสั่น
“พวกเรากำลังจะไปขโมยโลกระดับสูงกันไงล่ะ”
[แต่นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ที่รักจะทำในตอนแรกนี่!?]
เฮเรียน่าได้ตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง ยูอิลฮานได้เรียกรวมคนอื่นเข้ามาโดยไม่สนใจเธอ
ตอนนี้ผู้โดดเดี่ยวได้โกรธขึ้นมาจริงๆแล้ว