บทที่ 281 – ทำไมมีแค่ฉันล่ะ (7)
[กรรรรรรรร!]
ปีศาจน้ำแข็งได้คำรามออกมา เมื่อมันได้ยื่นแขนออกมาก็มีคลื่นพลังน้ำแข็งกระจายออกมาตามเส้นทางมือของมันที่ยื่นออกมา
“คาริน่า”
“รู้แล้วน่า!”
ระหว่างที่มิเชล สมิธสันได้ถือโล่หันไปรับมือที่พุ่งเข้ามาอย่างกล้าหาญ เขาก็ตะโกนออกมา คาริน่า มาลาเทสต้าที่รอเวลานี้อยู่ก็ได้เวทย์ที่ยับยั้งการเคลื่อนไหวของปีศาจ
“ฮ่าห์!”
เมื่อปีศาจน้ำแข็งได้ถูกหยุดเอาไว้กับที่แล้ว จู่ๆทาคากากิ อสึฮะก็ได้โผล่ขึ้นมาจากด้านหลังของปีศาจและใช้แส้ของเธอมัดเข้าไปที่คอของมัน ยังไงก็ตามพลังทำลายในการปิดฉากของเธอยังคงไม่พอ
“ฮ่าาาาาาห์!”
“อึก มันยังไม่พอ!”
“บุกเข้าไป มิเชล!”
หลังจากนั้นอีก 30 สิบนาทีการต่อสู้กับปีศาจที่โหดร้ายก็ได้จบลง หากว่าไม่ได้มีพรจากนายูนาในระหว่างกลางทาง พวกเขาก็คงจะตกอยู่ในอันตรายไปแล้ว
“แฮ่กๆ… ฉันคิดว่าเราฝืนชนะมาได้ตัวหนึ่งแล้วนะ”
“มิเชล ทำได้ดีมาก”
“คาริน่า เธอก็ด้วย”
มิเชล สมิธสันเป็นคนที่เหนื่อยที่สุดเพราะเขานั้นรับหน้าที่ในการป้องกันทั้งหมด เขาได้ขัดเอาน้ำแข็งที่เกาะโล่ออกไปและหอบหายใจออกมา
คาริน่า มาลาเทสต้าได้ใช้ผ้าเหง็ดหน้าเช็คเหงื่อออกไปจาหน้าผากของเขา ส่วนทาคากากิ อสิฮะก็ได้ตรวจสอบเลเวลของเธอโดยไม่สนเรื่องความโรแมนติกของทั้งสองคนนี้
“ถึงมันจะช้ามากๆ… แต่มันก็ทำให้ฉันเลเวลเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้ฉันเลเวล 250 แล้ว!”
“ทั้งๆที่เราเลเวลเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วแต่ทำไมมันถึงยังยากแบบนี้อยู่อีกล่ะ?”
เอิลต้าได้ให้คำตอบที่ชัดเจนออกมาพร้อมทั้งเตรียมตัวที่จะเรียกมอนสเตอร์ตัวถัดไปออกมา
“นั่นก็เพราะว่าเลเวลของมอนสเตอร์ที่ถูกอัญเชิญมาจะเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มเลเวลของพวกนายไงล่ะ”
“เธอมันปีศาจ!”
“ปีศาจงั้นหรอ? หลังจากไม่ได้เป็น ‘ทูตสวรรค์’ ก็ถูกเรียกแบบนี้ ดีจังเลยแหะ!”
เอิลต้าได้ยิ้มออกมาอย่างสดชื่น
“บางทีคนๆนั้นอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เธอกลายมาเป็นแบบนี้…”
“บางทีเราอาจจะกลายมาเป็นแบบนี้ในสักวัน”
เอิลต้าได้ส่งเสียงขึ้นจมูกขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนี้
“พวกนายทั้งสามคนยังห่างไกลเกินกว่าจะไปไล่ตามเขาทัน”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว…”
มิเชล สมิธสันได้หยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็มองไปในที่ที่หนึ่ง ที่ที่เขามองไปก็คือที่ที่มีมังกรขนาดมหึมากับมนุษย์หนึ่งคนกำลังสู้กันอยู่
[ข้าจะฆ่าเจ้า!!!]
“แล้วนายจะทำยังไงกันล่ะ? เมื่อไหร่กันที่นายจะตามฉันทันน่ะ? ฉันคิดว่าฉันคงแก่ตายก่อนที่มังกรน้อยแบบนายจะไล่ตามฉันทันอีกนะ”
[กรรรรรรร!]
“คำรามดังจังเลยน้า! แต่ถึงแบบนั้นแม้แต่ไส้เดือนยังไม่กลัวเลย!”
[ยูอิลฮานนนนนนนนน!]
“นี่นายกำลังร้องเพลงกล่อมเด็กนอนอยู่งั้นหรอ?”
การได้เห็นยูอิลฮานต้อนมังกรที่น่ากลัวจนมุมพร้อมทั้งไม่ลืมที่จะเยาะเย้ยทำร้ายจิตใจมังกรอย่างมากอีกด้วย สิ่งนี้มันทำให้พวกมิเชล สมิธสันรู้สึว่าตัวพวกเขามันเป็นแค่มดตัวน้อยๆ แถมยูอิลฮานยังเป็นคนชุบชีวิตมังกรตัวนั้นขึ้นมาอีกด้วย!
คาริน่า มาลาเทสต้าได้ถามขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“นับตั้งแต่ที่คุณยูอิลฮานสู้กับมังกรนั่นมันนานแค่ไหนแล้วนะ?”
“มาคิดดูแล้ว ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวระยะเวลาบาเรียก็จะหมดลง เพราะงั้นฉันคิดว่าพวกเขาสู้กับแบบนี้มาเต็มปีหนึ่งกับอีกสามเดือนฎ
“ไม่หลับไม่นอนเลยเนี้ยนะ?”
“นอกเหนือจากการไปอาบน้ำในอ่างแห่งปาฏิหาริย์แล้ว เขาก็ไม่ได้พักหรือไปนอนเลย”
มิเชล สมิธสันได้เงียบลงไป ในตอนนี้ยูอิลฮานวิ่งหลบซ้ายขวาอยู่บนท้องฟ้า มันชัดเจนมากๆว่าตัวเขายังเต็มไปด้วยพลังทั้งๆที่เหวี่ยงหอกอยู่ตลอดเวลา ทุกๆหอกที่เขาเหวี่ยงออกไปจะกลายมาเป็นการโจมตีที่เหมือนกับแยกจักรวาลออกมา จากที่มองดูนี้ยูอิลฮานไม่ได้เหนื่อยเลยแม้แต่นิดเดียว
“พวกเราก็ใช้อ่างแห่งปาฏิหาริย์มาตลอดเหมือนกันนะ…”
“แต่การสอดผสานมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้วนั่นก็ไม่น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้นหรอกนะ”
ไม่ว่ายังไงยูอิลฮานก็ยอดเยี่ยมมากๆ การจะฝึกฝนแบบนี้เป็นระยะเวลานานโดยไม่หยุดพักมันไม่ใช่สิ่งที่จะทำกันได้ง่ายๆแค่เพราะมีศักยภาพที่ดี แต่ว่ามันยังต้องมีความแข็งแกร่งทางจิตใจที่มหาศาลอีกด้วย
ถึงมันจะน่าอึดอัดแต่ว่ามิเชล สมิธสันก็ได้ยอมรับไปแล้วว่าเขาด้อยกว่ายูอิลฮาน
“ฉันไม่คิดว่าเขาจะเก่งไปทุกๆด้านหรอกนะ… แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ฉันยอมรับในตัวเขา”
“นายก็แกร่งขึ้นแล้วเหมือนกันนะ”
“ไม่หรอกคาริน่า ฉันไม่ได้โลภขนาดนั้นอีกแล้ว ฉันเบื่อที่จะพยายามจะคว้าทุกๆอย่างแล้วต้องมาเจอกับความล้มเหลวแล้วล่ะ”
เขาได้ถอนหายใจออกมาและยกโล่ขึ้นอีกครั้ง ลมหายใจของเขาก็ยังสงบลงแล้วเช่นกัน
“ฉันจะเป็นโล่ที่จะปกป้องเธอ ฉันจะไม่หวังให้ได้ในทุกๆอย่าง ฉันจะขัดเกลาแค่ในสิ่งที่ฉันต้องการให้สุดโต่งเท่านั้น”
“ตามที่คุณนายต้องการเลย… ที่รักของฉัน”
“ใช่แล้ว การมีชีวิตรักที่มีความสุขนี่แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ”
คู่รักสองคนนี้ได้แสดงความโรแมนติกออกมาอีกแล้ว!
ทาคากากิ อสึฮะที่มองดูทั้งสองคนสวีตกันมามากกว่าปีได้หันหน้าหนีไปมองที่ยูอิลฮานแทน เขาคือแรงผลักดันของเธอ เขากำลังต่อสู้กับมังกรที่น่ากลัวที่เธอไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะได้สู้ด้วย เขากำลังต้อนมันจนจนมุม! ถึงเขาจะไม่ยอมรับ แต่เขาคือพระเจ้ากลับชาติมาเกิดแน่นอน! แค่ได้เห็นแบบนี้เธอก็ยินดีแล้ว
“ดูเหมือนพวกนายจะฟื้นตัวกลับมาหมดแล้วนะ”
“อะ อ่า”
พอเธอรู้ตัวกลับมา เอิลต้าก็กำลังจ้องมาที่เธออยู่
“ถ้าเธออยากจะช่วยเขา เธอจะไม่ได้มีเวลาได้พักสบายๆเลยนะ”
“แน่นอนสิ เร็วๆนี้ฉันได้เพิ่มเลเวลขึ้นมาเพราะงั้นทางร่างกายแล้วไม่มีปัญหา ช่วยอัญเชิญมอนสเตอร์ตัวต่อไปมาเลย… ถ้าเป็นไปได้ก็เรียกมาบนหัวคู่รักนั่น”
“น่าสนใจนะ”
มันไม่ใช่แค่หัวหน้ากิลด์ต่างๆเท่านั้นที่ฝึก ยูมิล คังมิเรย์ นายูนา คิมเยซอล เลียร่า เฮเรียน่า คังฮาจิน และแม้กระทั่งกองทัพมังกรก็ยังทำในสิ่งที่ทำได้ภายในบาเรียแห่งนี้ เวลาปีครึ่งเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว กองกำลังต่อสู้ของโลกในตอนนี้กำลังพัฒนาตัวเองขึ้นมาเช่นกัน
แน่นอนว่าคนที่พัฒนามากที่สุดเลยก็คือยูอิลฮาน
[กรรรรรรรรร!]
เสียงคำรามของโอโรจิได้ดังออกมา ร่างกายของโอโรจิในตอนนี้ไม่มีทั้งหัวใจ กระดูกสันหลังหรือกระดูกซี่โครง รวมไปถึงเลือดกับเนื้อก็หายไปเช่นกัน แต่ว่าด้วยการตีเหล็กและหัตถกรรมมานาระดับเทพของยูอิลฮานได้ทำให้ ยูอิลฮานได้ชุบชีวิตอิจชาร์ขึ้นมาพร้อมกับพลังที่เหนือยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตคลาส 6 ใดๆ
[เจ้า… เจ้าต้องการอะไรกัน!?]
“นายก็น่าจะรู้แล้วนะ”
ยังไงก็ตามแม้ว่าอิชจาร์จะทรงพลังากๆ แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะยูอิลฮานได้ ในตอนแรกที่อิชจาร์คืนชีพมามันยังได้เปรียบอยู่ แต่ว่ายิ่งยูอิลฮานปรับตัวเข้ากับเกราะร่างมังกรจิตวิญญาณเพลิงผ่านการต่อสู้เท่าไหร่ สถานการณ์ก็ได้เปลื่ยนแปลงไปในที่สุด
[ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้เจ้า! การที่ข้าแพ้ด้วยร่างกายที่ไม่สมประกอบนี่มันไม่ได้หมายความว่าข้าจะแพ้เจ้า!]
“นายกำลังพูดอะไรอยู่น่ะ? นายแพ้ฉันตั้งแต่ที่นายตายไปแล้ว นี่มันก็คือขั้นตอนการบ่อนทำลายจิตใจของนายเท่านั้นเอง”
[เจ้าเอาชนะข้าด้วยวิธีที่ขี้ขลาด! ถ้าข้ายังคงมีพลังเดิมอยู่ ข้าจะไม่มีวันแพ้คนแบบเจ้า!]
ยูอิลฮานได้ส่งเสียงหึขึ้นมา
“นายก็เอาชนะศัตรูด้วยคำสาปนั่นแหละ นั่นมันไม่เรียกว่าขี้ขลาดหรอกหรอ? นายนี่ไม่เหมาะสมกับมังกรเลยน้า”
[กรรรรรรรรรรร!]
“ไม่ใช่ว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดจะชนะหรอกนะ มันเป็นคนที่ชนะต่างหากที่แข็งแกร่ง ฉันก็บอกไปแล้วนี่นา ถ้านายเอาชนะฉันได้ฉันจะปล่อยนายเป็นอิสระ แล้วนายก็เห็นด้วยกับฉันในตอนนั้น พอมาตอนนี้พอนายแพ้ก็เลยมาหาข้อแก้ตัวงั้นสิ นายนี่เป็นมังกรจริงๆน่ะเร้อ?”
[ขะ ขี้ขลาด…!]
โอโรจิที่ได้ยินคำพูดทำนองนี้มาเป็นล้านๆครั้งแล้วได้พึมพัมขึ้นมาอย่างหมดแรง
[เจ้ามันปีศาจ ข้าคิดว่ากำลังใจของข้ากำลังหายไป…]
“ฉันคงต้องเหยียบย่ำเขาอีกซักหน่อยแหะ”
ยูอิลฮานได้กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายต่อหลายครั้งในตอนที่พูดแบบนี้ออกมา เมื่อใดก็ตามเมื่อเขาวาดหอกกลางอากาศก็จะตามมาด้วยหอกสะบั้นจักรวาลที่แทงเข้าไปในร่างที่บาดเจ็บของอิชจาร์
[กรรร เจ็บบบ! นี่มันเจ็บบบ!]
“นายนี่มันน่าสมเพชจังเลยนะ! ทำไมไม่ฆ่าตัวตายไปเลยซะล่ะ ถ้านายยังมีศักดิ์ศรีในฐานะมังกรอยู่งั้นทำไมไม่ฆ่าตัวตายไปเลยเล่า!”
[กรรรรรรรรรร!]
ครั้งหนึ่งอิชจาร์คือมังกรที่ถูกเรียกว่ามังกรแห่งความสิ้นหวัง แต่ว่าในตอนนี้อิชจาร์ได้เหวี่ยงหางใส่ยูอิลฮาน แต่ว่ายูอิลฮานที่มีข้อมูลการเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้อยู่นานแล้วมองว่านี่มันเป็นการกระทำที่ดูน่ารักเอามากๆ ยูอิลฮานกระทั่งพุ่งไปตามหางจนหางหมดพลังลงไปและจับหางเอาไว้จากนั้นก็ฉีกมันออกมา
[กรร ก๊าซซซซซซ!]
ในตอนนี้เองอิชจาร์ก็ได้ร้องออกมา
[ข้า… แพ้แล้ว]
อิชจาร์ได้ยอมรับในความพ่ายแพ้ออกมาเป็นครั้งแรก หลังจากการต่อสู้มาเป็นเวลานานในที่สุดแล้วจิตใจของเขาก็พังทลายลงไปก่อนร่างกาย
[ข้าจะยอมรับเจ้าในฐานะจ้าวแห่งมังกร]
เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่น่าพอใจนี้ ยูอิลฮานก็ได้ฉีกกระชากหางหนักขึ้นอีกและพูดขึ้นมา
“ลองพูดอีกทีซิ”
[กรรร! ข้ายอมรับเจ้าในฐานะจ้างแห่งเราเผ่าพันธ์มังกร!]
ยูอิลฮานได้ปล่อยหางออกมาและลอยขึ้นไป ในตอนนี้เองก็ได้มีข้อความใหม่ปรากฏขึ้นมา
[คุณได้รับการประกาศยอมรับความพ่ายแพ้จากจิตวิญญาณของมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดที่มีตัวตนอยู่ มังกรแห่งความสิ้นหวัง ถึงแม้ว่านั่นจะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม บันทึกที่คุณมีอยู่ในฐานะของมังกรได้ถูกเสริมพลังขึ้น พลังในการปกครองมังกรได้ถูกใช้งานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย]
มันไม่มีทางที่มังกรคลาส 7 ที่ทรงพลังและสูงส่งจะยอมรับความพ่ายแพ้แค่เพราะถูกยูอิลฮานทุบตีเหล็กๆน้อยๆแน่ ที่มันเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะว่าเขาได้รับคุณสมบัติการเป็นจ้าวแห่งมังกรมาจากชุดเกราะที่สมบูรณ์แล้วของเขาต่างหาก
แต่ไม่ว่าจะแบบไหนยูอิลฮานก็ได้ทำสำเร็จตามเป้าที่ตั้งเอาไว้แล้ว ในตอนนี้อิชจาร์ได้กลายมาเป็นของเขาแล้ว
“เยี่ยม ถ้างั้นนับจากนี้นายจะมาอยู่เคียงข้างฉัน”
[ในที่สุดท่านก็ทำได้ นายท่านโหดร้ายจริงๆ]
สกิลปกครองที่ตอนนี้มาถึงระดับเชี่ยวชาญแล้วได้ปกคลุมทั้งร่างของอิชจาร์ ด้วยสภาพที่ทั้งร่างกายกับจิตใจได้พังทลายลงไปแล้วทำให้อิชจาร์ได้ล่ะทิ้งศักดิ์ศรีที่เคยมีมาตลอดและได้ยอมรับใช้ยูอิลฮาน
“อิชจาร์ นับจากนี้ไปก็มาดีกันไว้นะ”
[ข้ายอมรับเจ้าในฐานะเจ้านายแล้ว… เพราะงั้นเจ้าจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด]
[อิชจาร์ได้กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณ]
ในที่สุดเขาก็ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ในตอนที่อยู่ในบาเรียแล้ว ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมา
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็ได้เวลาเปลื่ยนที่อยู่กันแล้ว”
[ร่างกายมังกรน่ากลัวนี่มันก็น่าอึดอัดเหมือนกันแต่ก็… ช่วยไม่ได้สินะ]
[ฟู่… สำหรับข้าแล้วนี่มันสบายมากๆ]
ไม่มีอะไรให้ต้องลังเลอีกแล้ว ยูอิลฮานได้เปิดใช้งาน ‘สรรสร้าง’ ย้ายตำแหน่งโอโรจิกับอิชจาร์ในทันที
อิชจาร์จะต้องปรับตัวเข้ากันกับเกราะร่างกายมนุษย์มังกรที่อัดแน่นไปด้วยแก่นแท้ของเขาได้ดีกว่าโอโรจิแน่ และส่วนโอโรจิก็น่าจะเหมาะกับชิ้นส่วนร่างกายของมังกรคลาส 7 มากกว่าอาร์ติแฟคระดับพระเจ้าเช่นกัน
“โอโรจิ ร่างกายนั่นเป็นยังไงมั้ง?”
[มันน่าอึดอัดมากๆเลยนายท่าน ทำร่างมนุษย์ให้ข้าดีกว่านะ]
“ได้ ไว้ใจฉันได้เลย ฉันจะบีบอัดพลังไม่ให้เสียเปล่าเลยล่ะ”
เพราะแบบนี้เองทำให้ยูอิลฮานได้เริ่มงานชิ้นสุดท้ายของเขาภายในบาเรียนี้ มิสทิคที่เฝ้าดูมาเงียบๆตลอดก็ได้ส่งเสียงบ่นขึ้นมา
[นายท่าน ฉันด้วยสิ! ฉันก็อยากมีร่างกายเหมือนกัน!]
“เธอ.. ช่วยรอไปอีกนิดก่อนนะ”
[จะมากเกินไปแล้วนะ! นายท่านงี่เง่าที่สุด! ฉันก็อยากจะได้ร่างกายเหมือนกับโอโรจินะ! ร่างกายสาวน้อยน่ารัก!]
[ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กเหลือขอ หยุดเต้นแรงเต้นกาด้วยร่างกายใหญ่ยักษ์ของเธอได้แล้ว]
[โอโรจิเจ้าบ้าาาาา!]
เสียงร้องที่สดใสของมิสทิคได้ดังไปทั่วทั้งบาเรีย ยูอิลฮานได้หัวเราะขึ้นและหยิบค้อนออกมา
ตอนนี้เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนที่บาเรียจะหายไป ยังพอมีเวลาเหลืออยู่สำหรับการสร้างผลงานชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่ง