ด้านนอกของบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ล้วนปลูกต้นเหมย รถม้าที่ซูหลีนั่งอยู่นั้นเป็นของฉินมู่ปิง เป็นรถม้าที่มีขนาดใหญ่มาก จึงไม่สามารถนำเข้ามาที่นี่ได้
ตอนขากลับซูหลียังต้องมีคนคอยพยุง เดินออกไปด้านนอกของบ้านพักตากอากาศนี้อย่างกระโผลกกระเผลก
ทุกก้าวที่ก้าวเดินนั้น ยิ่งทำให้บาดแผลของนางเจ็บเป็นอย่างมาก
“โอ๊ยๆ ถนอมข้าหน่อยเถิด!”
นางอ้าปากตะโกนออกมาว่าเจ็บตลอดทาง อีกทั้งยังเปลี่ยนวิธีตะโกนออกมาสารพัด ทำให้เย่ว์ลั่วกับไป๋ฉินทั้งสองประคองนางไปพลาง หัวเราะนางไปพลาง
“ทีเวลานี้ถึงรู้ว่าเจ็บนะเจ้าคะ ไยก่อนหน้านี้ไม่เชื่อฟังคำพูดที่บ่าวบอกละเจ้าคะ คุณชายเป็นเช่นนี้ ก็สมควรแล้วเจ้าค่ะ!” ไป๋ฉินทำปากขมุบขมิบเอ่ยประโยคนี้ออกมาเสียงเบา
เพี๊ยะ! คิดไม่ถึงว่าซูหลีจะยกมือขึ้นตบศีรษะนางเสียงดังครั้งหนึ่ง
“โอ้ย! คุณชาย ท่านทำอะไรกัน!” ไป๋ฉินรู้สึกเจ็บ ลูบศีรษะตนเองและเอ่ยประโยคนี้ออกมา
“สาวใช้เช่นเจ้านับวันยิ่งใจกล้านัก แม้แต่นายท่านของเจ้าก็ยังกล้าขึ้นเสียงใส่ ระวังตัวเถอะข้ากลับไปจะลงโทษเจ้าโดยการให้คุกเข่าบนลูกคิด!” ซูหลีมองค้อนและเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณชาย ไยท่านที่ปฏิบัติต่อบ่าวเช่นนี้เจ้าคะ!” ไปฉินเริ่มมีโทสะ นางประคองซูหลีไปพลาง ต้องการอธิบายด้วยเหตุผลกับซูหลีไปพลาง
ชุยตานที่เดินตามหลังทั้งสามคน ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดทาง
คุณชายเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
เรื่องนี้คาดว่าจะไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้นที่รู้ แม้แต่แม่นมชุยมารดาของเขา ไป๋ฉิน และคนเก่าแก่ที่อยู่ข้างกายของซูหลีนั้นล้วนทราบอย่างชัดเจน
ซูหลีคนก่อนยามเกิดเรื่องก็เพียงให้พวกเขาแบกรับไว้แทน เขาไม่ได้อยู่ข้างกายซูหลีบ่อยๆ จึงไม่ได้ผลกระทบเท่าไหร่ ทว่ามารดาของเขาและไป๋ฉิน…
ได้รับความลำบากจากเรื่องนี้ไม่น้อยเลย
ก่อนหน้านี้เขายังอยากรับมารดาไปจากซูหลี ไม่ต้องการให้นางรองรับอารมณ์ของซูหลีแล้ว
ทว่ามารดามักจะกล่าวว่า ยามฮูหยินคนก่อนมีชีวิต นางมีบุญคุณต่อครอบครัวของพวกเขา แม้คุณชายจะยุ่งวุ่นวายไปหน่อย พวกเขาก็ต้องปกป้องคุณชายเป็นอย่างดี มิเช่นนั้นจะเป็นการทำลายน้ำใจของฮูหยินคนก่อน
ชุยตานจึงไม่สามารถทำอะไรได้ ทว่าในใจนั้นรู้สึกไม่ชอบคุณชายผู้นี้เป็นอย่างมาก
เพียงแต่ใครจะคิดว่า เมื่อซูหลีไปหมู่บ้านหวงซาน ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
บัดนี้ใครก็ไม่สามารถแตะต้องคนที่คอยปรนนิบัติซูหลีได้ ไป๋ฉินยิ่งมีใจจงรักภักดีต่อซูหลีเป็นอย่างมาก
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่ว่าไม่ดี!
การเปลี่ยนแปลงของซูหลีถึงทำให้ไป๋ฉินก็เปลี่ยนตามไปด้วย แตกต่างกับเมื่อก่อนราวกับเป็นคนละคนกันก็มิปาน
“คุณชาย ถึงแล้วขอรับ” ชุยตานดึงสติกลับ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม หากคุณชายเป็นเช่นนี้ ก็คุ้มค่าที่พวกเขาจะปกป้องไปตลอดชีวิต!
“อืม” เพราะรถม้าคันนี้สูงเกินไป ชุยตานจึงต้องไปหยิบเก้าอี้มา ซูหลีถึงจะสามารถปีนขึ้นไปได้
ขณะที่ยืนอยู่ข้างรถม้าเพื่อรอชุยตานหยิบเก้าอี้ ซูหลีก็กวาดสายมองไปรอบๆ อย่างหมดอาลัยตายอยาก
คิดไม่ถึงว่าทันทีที่นางมองไปรอบๆ จะเห็นร่างของคนที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง
ซูหลีชะงักไปครู่หนึ่ง และมองไปทางนั้นอย่างอดไม่ได้
รถม้าคนนั้น…อีกทั้งยังมีเงาร่างของคนผู้นั้น ไยฉินเย่หานถึงปรากฏตัวที่นี่ได้!?
ใบหน้าซูหลีชะงักเล็กน้อย ฮ่องเต้พระองค์นี้คงจะไม่ได้ติดตั้งเครื่องติดตามตัวในร่างของนาง จนสามารถตามนางมาได้หรอกกระมัง
นางยกมุมปากขึ้น ทว่าในเวลานี้เองนางกลับเห็นสตรีที่สวมอาภรณ์สีขาวดุจหิมะเดินมาหยุดตรงหน้าฉินเย่หาน
ฉินเย่หานที่สวมชุดอาภรณ์สีดำยืนเผชิญหน้ากับสตรีผู้นั้น ดูเหมาะสมกันอย่างบอกไม่ถูก
ดูเหมือนสตรีผู้นั้นจะคำนับเขาครั้งหนึ่ง ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันคล้ายกับกำลังสนทนากันอยู่ เพราะซูหลีอยู่ห่างไกลจากตรงนั้นมาก จึงไม่ได้ยินว่าทั้งสองคนกำลังพูดอะไรกัน
“คุณชาย เก้าอี้มาแล้วขอรับ” ชุยตานส่งเสียงเรียกซูหลี ซูหลีกลับไม่ตอบกลับ ท่าทางฉินเย่หานนั้นกลับเดินตามสตรีผู้นั้นเข้าไปภายในรถม้าของเขา!