"อืม~" อาการปวดศีรษะตรงเข้าเล่นงานปลุกเพลิงให้รู้สึกตัวช่วงสายท่ามกลางห้องที่มืดสลัว มือหนายกขึ้นมานวดขมับตัวเองเบาๆ ทว่าเพียงแค่แตะลงไปก็ชะงักรีบลืมตาตื่น เมื่อสัมผัสเข้ากับแผ่นอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ตรงหน้าผาก
เขาดึงมันออกมาจึงเห็นเป็นแผ่นเจลลดไข้ และพอจะรู้ว่าใครเป็นคนแปะไว้ เลยเอื้อมมือไปด้านข้างของตัวเองหวังจะกระชากหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างกันให้ลุกขึ้นมา แต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า
แล้วเธอหายไปไหน..
ดวงตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆห้องสี่เหลี่ยมเพื่อหาอีกคน ก็พบแต่ความว่างเปล่าอีกเช่นเดิม เธอคงหนีกลับไปแล้วมั่ง ถือว่าเก่งนะโดนขนาดนั้นยังพาตัวเองกลับไปได้
เพลิงค่อยๆดันตัวลุกขึ้นหักคอไปมาพร้อมนวดขมับเบาๆ ก่อนหยัดกายลุกขึ้นเดินไปดึงผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนราวมาพันรอบเอวสอบ เอื้อมมือเปิดประตูออกไปหยิบน้ำในตู้เย็นด้านนอก
ซึ่งเป็นตู้เย็นส่วนร่วมเขาและเพื่อนๆใช้ร่วมกัน
แกร็ก|
พอเปิดประตูห้องนอนออกมาก็เจอเข้ากับเล้งที่กำลังยื่นมือข้างหนึ่งมาเปิดประตูพอดี พร้อมกับอีกมือถือถ้วยข้าวต้มและยาแก้ไข้กับแก้อักเสบ
"อ้าว! ตื่นแล้วเหรอวะ" เล้งเอ่ยถาม
"….." คนถูกถามเงียบ จ้องมองถ้วยข้าวต้มในมือของเพื่อนรัก แล้วถามออกไปด้วยความสงสัย "เอามาทำไม"
"ให้มึงแดกไง จะได้แดกยา"
"กูไม่กิน" ว่าแล้วเพลิงก็เบี่ยงตัวเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำมาเปิดดื่ม เล้งถอนหายใจเบาๆกับนิสัยของเพื่อน ก่อนจะหมุนตัวหันไปมองคนที่กำลังกระดกน้ำอยู่
"ไม่แดกแล้วจะหายป่ะ"
"….." เพลิงปรายตามองเจ้าของคำพูดด้วยหางตา ดึงขวดน้ำออกจากปากหลังดื่มหมด แล้วปิดฝาโยนมันทิ้งถังขยะที่วางอยู่ข้างๆตู้เย็น "กูไม่ได้เป็นอะไร"
"ไม่ได้เป็น? แล้วทำไมเมื่อเช้าเด็กมึงบอกกูว่ามึงไม่สบาย" ฟังไม่ผิดที่เล้งรู้ว่าเพื่อนรักไม่สบายก็เพราะเมื่อเช้าเขาเปิดประตูออกมาจากห้องนอนของตัวเอง ซึ่งอยู่ห่างกันไม่มาก เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงเลยเจอเข้ากับเธอเปิดประตูออกมาพอดี แล้วเสียงใสก็พูดออกมาว่า
"เพื่อนของคุณไม่สบาย ถ้าไม่อยากให้ตายก็เข้ามาดูแลเขาด้วย"
"ไอ้เพลิงเนี่ยนะไม่สบาย?"
ในตอนนั้นทำเอาเขาตกใจมากเพราะไม่เคยเห็นเพลิงเป็นแบบนี้มาก่อน จึงถามกลับไปด้วยสีหน้าจริงจัง
"อืม..เมื่อคืนตากฝน และแผลที่ถูกยิงก็อักเสบ"
เธอพูดแค่นั้นแล้วเดินเลี่ยงไปทางบันไดลงไปข้างล่างทันที ทำเอาเล้งยืนเกาศีรษะเบาๆมองตามหลังจนลับตา แต่ก็ไม่ได้เข้าไปดูเพื่อนรักเลยเห็นว่ายังเช้าอยู่จึงปล่อยให้พักผ่อนไปก่อน
พอได้ยินอย่างนั้นเพลิงก็ไม่ได้ตกใจอะไร ก็รู้อยู่แล้วไม่งั้นเล้งคงไม่ถือของพวกนั้นมาหรอก สองขาแกร่งเดินกลับเข้ามาห้องของตัวเองผ่านหน้าอีกคน โดยไม่ตอบอะไร
เล้งหมุนตัวมองตาม หลังรอคำตอบจากปากเจ้าตัวอยู่อย่างไม่ละ "อะไรของมันวะ" เขาบ่นพึมพำเบาๆ ก่อนจะถือวิสาสะเดินตามหลังเจ้าของห้องเข้ามาวางถ้วยข้าวต้ม พร้อมกับยาลงบนโต๊ะ ขณะที่เพลิงเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจ
"……." เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำปิดเล้งก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เอี้ยวหน้ากลับไปมอง แล้วตะโกนบอกเสียงดัง "ไอ้เพลิงอย่าให้แผลโดนน้ำนะมึง"
"….." ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับ เล้งจึงหย่อนกายนั่งลงบนที่นอนเพื่อรอบังคับเพื่อนรักให้กินข้าวและยา แม้รู้ดีว่าคนอย่างเพลิงไม่มีวันกินยาแต่เขาก็จะบังคับให้สุดความสามารถ
เนเน่เปิดประตูห้องนั่งเล่นเดินออกมาด้วยสีหน้ากังวล นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
"เน่ทำไมเดี๋ยวนี้โทรมจัง ไปทำอะไรมา แล้วหายไปไหนบ้านก็ไม่ค่อยกลับคอนโดก็ไม่ค่อยอยู่" เนมาร์ถาม พร้อมเอื้อมมือหนาเข้ามาจับแขนของเธอ ทำเอาเธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตาคู่คม
"ช่วงนี้เน่เรียนหนัก งานเยอะเลยไปนอนบ้านแคนดี้"
"แล้วทำไมต้องหลบสายตาเฮีย? ปิดบังอะไรอยู่เน่บอกมาดิ"
"ไม่มีอะไร เน่แค่เหนื่อยเฉยๆเฮียอย่ามาจ้องจับผิดเหมือนป๊าสิ" เมื่อพี่ชายกำลังสงสัยในตัวเธอ เธอจึงสอดแขนเรียวคล้องเข้าไปกอดท่อนแขนแกร่งของเขา พลางซบหน้าลงออดอ้อนกลบเกลื่อน
"ป๊าไม่ได้จับผิดแค่สงสัย หนูแปลกไปไม่เหมือนเนเน่คนเดิม แถมวันนั้นกลับมาเนื้อตัวมีแต่รอยช้ำเหมือนโดนทำร้ายมา ไม่ให้ป๊าสงสัยทนไหวเหรอ คิดว่าสิ่งที่พูดออกมาป๊าเชื่อป่ะ อย่าให้ต้องสืบเองนะ" โน่เอ่ยขึ้นขัดจังหวะในตอนที่เนมาร์กำลังจะพูดต่อ "แล้วนั่นดูใส่เสื้อคอเต่าแขนยาวปิดรอยอะไรหรือเปล่า มาให้ป๊าดูดิ" เขาหยัดกายลุกขึ้นเดินไปหาลูกสาว แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกก็ถูกภรรยาจับแขนแกร่งเอาไว้เสียก่อน
"แค่ชุดแด๊ดสงสัยอะไร ลูกเป็นผู้หญิงนะจะให้ใส่แต่แบบเดิมๆรึไง? เชยตาย" แนทว่า ซึ่งเนเน่ก็ต้องเออออเห็นด้วยตามผู้เป็นแม่เป็นการเอาตัวรอด
"ใช่ค่ะม๊าพูดถูก ตอนนั้นที่มีรอยช้ำเน่ก็บอกป๊าไปแล้วไงว่าเดินชนตู้หนังสือในห้องสมุดที่มอ." ใบหน้าสะสวยส่งสายตาจริงจังใส่ผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวข้างๆผู้เป็นแม่ ในขณะเนมาร์เหลือบมองน้องสาวด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้ถามหรือเซ้าซี้อะไรต่อเช่นเดียวกับโน่
"หึ" เสียงแค่นหัวเราะดังเล็ดลอดออกมาเบาๆจากลำคอหนา โน่หยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูงเดินออกไปจากห้องด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ปึง!
"ม๊าข๋า ป๊าโกรธหนูเหรอ?" เนเน่เอ่ยถามผู้เป็นแม่เสียงกระเส่า
"ไม่หรอก ป๊าเขาแค่เป็นห่วงเดี๋ยวก็กลับมา"
"งั้นหนูไปง้อป๊าก่อนนะคะ"
"เฮ้อ!!" หญิงสาวถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองหมายจะไปง้อผู้เป็นพ่อที่เดินหนีออกมา คาดว่าน่าจะอยู่ในห้องทำงานนั้นแหละคงไม่ไปไหนไกล
แกร็ก|
มือบางบิดเปิดประตูเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ก็เห็นผู้เป็นพ่อที่นั่งกอดอกหลับตาอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรด ก่อนท่านจะลืมตามองเธอด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ ซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะเธอลืมเคาะประตู แต่คงไม่โดนด่าหรอกท่านแยกแยะออกไหนคนในครอบครัวไหนลูกน้อง
"ตามป๊ามาทำไม" โน่เอ่ยถามเสียงเย็นชา โดยไม่มองหน้าลูกสาว
"แล้วป๊าเดินหนีขึ้นมาทำไม โกรธอะไรหนู" เนเน่ไม่ตอบคำถามนั้น แต่ถามกลับแทน
"ไม่ได้โกรธ.."
"ป๊าแค่ไม่เชื่อในสิ่งที่หนูบอก?" ยังไม่ทันที่โน่จะได้พูดต่อ อีกคนก็โพล่งแทรกขึ้นอย่างรู้ทัน
"แล้วมันน่าเชื่อไหมล่ะ เนื้อตัวช้ำขนาดนั้น มาบอกว่าเดินชนตู้หนังสือใครเขาจะเชื่อ ป๊าไม่ใช่คนโง่นะเน่ มีอะไรก็บอกมาตรงๆ"
"….." คำพูดถัดมาของโน่ทำเอาเนเน่เงียบไป หย่อนตัวนั่งลงคุกเข่าบนพรมสีดำลายตรงหน้าผู้เป็นพ่อหลังท่านเลื่อนเก้าอี้เข้าหา แล้วค่อยๆซบหน้าลงบนหน้าขาแกร่ง "หนูรู้ว่าป๊าไม่ใช่คนโง่ แต่สิ่งที่หนูบอกไปทุกอย่างมันคือความจริงหนูชนตู้จริงๆ ป๊าก็รู้นิคะว่าครอบครัวเรามีอิทธิพลและใหญ่ขนาดไหน ใครๆก็รู้จัก แล้วใครจะกล้ามาทำร้ายหนูเพื่อเอาชีวิตตัวเองมาแลกล่ะ" เธอยังยืนยันโกหกผู้เป็นพ่ออยู่อย่างเดิมด้วยเหตุผลเดิมๆ แม้จะรู้ว่ายังไงสักวันท่านก็รู้ความจริงอยู่ดีเพราะคนอย่างท่านคงไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เลยปล่อยให้ถึงวันนั้นเองก็แล้วกัน
"….." มันก็จริงอย่างที่ลูกสาวว่า คงไม่มีใครกล้าเอาชีวิตตัวเองมาแลกเพื่อทำร้ายคนในตระกูลของเขาหรอก ใครกล้านี่ถือว่าเจ๋งจริง และถ้าเขารู้คงไม่มีชีวิตรอดออกไปแน่นอน
มือหนาลูบศีรษะทุยของลูกสาวเบาๆ จะลองเชื่อลูกดูสักครั้งก็แล้วกัน ถึงจะไม่น่าเชื่อก็เถอะ แต่ถ้ายังเห็นรอยแบบนี้อีกเขาจะไม่ถามอะไรแล้ว จะเป็นคนสืบเองว่ารอยนั้นเกิดจากอะไรกันแน่
"ทีหลังก็อย่าซุ่มซ่ามอีก รู้ไหมว่าป๊าเป็นห่วงหนูมากแค่ไหน"
"ค่ะ" หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ แล้วดีดตัวลุกโผกอดผู้เป็นพ่อแน่น เงยหน้าหอมแก้มด้วยฟอดใหญ่ ท่านก็หอมขมับบางกลับทีหนึ่ง พร้อมลูบศีรษะเธอเบาๆ เพียงไม่นานก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เนเน่ต้องรีบคลายพันธนาการออกจากตัวผู้เป็นพ่อ
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์มือถือที่เหน็บอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอด้านหลังแผดเสียงร้องดังขัดจังหวะ มือบางล้วงหยิบมันขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นเบอร์แคทโทรเข้ามา
"ใครโทรมา" ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้กดรับเสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้น ทำเอาเธอต้องละสายตาไปมอง แล้วพลิกหน้าจอชูให้ผู้เป็นพ่อดูพร้อมบอกออกไป
"แคทค่ะ หนูขอตัวไปคุยกับเพื่อนแปบนะคะ" ไม่รอให้ท่านได้อนุญาตเนเน่ก็หยัดกายลุกขึ้นเดินออกมานอกระเบียง ก่อนจะกดรับสาย
"ฮัลโหล"
(เธออยู่ไหน กลับมาป้อนยาไอ้เพลิงหน่อย)
"….." เนเน่เงียบไปเมื่อเสียงปลายสายนั้นไม่ใช่เสียงของเพื่อนรัก แต่เป็นน้ำเสียงทุ้มเข้มเยือกเย็น คงเป็นเพื่อนของเพลิงคนใดคนหนึ่ง เพราะพูดออกมาแบบนั้นก็พอจะรู้แล้ว
แล้วแคทไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงทำไมเพื่อนรักของเขาถึงเอาโทรศัพท์มือถือของเพื่อนเธอโทรมาได้ คำถามในใจเกิดขึ้นมากมาย จะว่าสนิทกันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะแคทไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับคนพวกนี้ให้ฟังมาก่อน
(ได้ยินที่ฉันพูดไหม)
"นั่นใคร"
(ฉันเสือ เธอช่วยกลับมาป้อนยากับข้าวให้ไอ้เพลิงหน่อย)
"แล้วแคทไปไหน เอาโทรศัพท์ของเพื่อนฉันโทรมาได้ยังไง" เธอไม่สนใจคำพูดของเขา สนแต่ว่าเพื่อนรักของเธอไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงเท่านั้น
(โทรศัพท์ของเมียก็เหมือนของผัวนั้นแหละ อย่าถามมากได้ไหม บอกให้มาป้อนข้าวกับยาให้ไอ้เพลิงหน่อย)
"มะ..เมีย?" หมายความว่าไงแคทเป็นเมียเสืองั้นเหรอ เป็นไปได้ไงหรือแคทจะโดนกระทำแบบเธอ ไม่นะ เนเน่พูดในใจ สีหน้าตกใจเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นกังวล แต่ก็เลือกไม่ถามออกไปต่อ รอถามกับเจ้าตัวทีเดียว
"เกี่ยวอะไรกับฉัน..ทำไมฉันต้องไป เพื่อนของคุณคุณก็ป้อนให้เองสิ"
(ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ฉันจะโทรตามเธอป้ะ)
"ขนาดคุณเป็นเพื่อนเขายังไม่กินเลย นี่ฉันเป็นคนอื่นนะเขาคงยอมกินหรอก"
(คนอื่นที่ไหน เธอเมียมันมันอาจจะยอมเธอก็ได้)
"ฉันไม่ใช่เมียใครอย่ามาพูดพล่อยๆ"
(หึ! จะไม่มาว่างั้น)
"ก็ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ เพื่อนคุณไม่ตายง่ายๆหรอก หรือถ้าตายก็ดี"
(แต่ถ้าเธอไม่มาป้อนข้าวกับยาให้เพื่อนฉัน เพื่อนเธออาจจะตายก็ได้นะ)
เนเน่กำโทรศัพท์มือถือแน่นหลังที่ปลายสายถูกตัดไปแล้ว เธอจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด คงต้องไปสินะเลือกอะไรไม่ได้อยู่แล้วนิ ชีวิตเพื่อนทั้งคน
เลวแล้วยังเป็นภาระคนอื่นอีก น่าปล่อยให้ตายชะมัด
สองเท้าเล็กเดินกลับเข้ามาหาผู้เป็นพ่อ "ป๊าคะ" เสียงใสเอ่ยเรียก ขณะที่โน่ก้มหน้าเซ็นเอกสาร
"หือ~" โน่ขานรับ พร้อมกับเงยหน้ามองคนตรงหน้า "เป็นอะไร มีอะไรรึเปล่า" เมื่อเห็นสีหน้าลูกสาวดูกังวลแปลกๆ เขาจึงเอ่ยถามขึ้น
"พอดีแคทไม่สบายอ่ะค่ะ เน่ขอไปดูเพื่อนหน่อยได้ไหม"
"อืม ไปสิ"
"ขอบคุณนะคะ" ว่าจบเนเน่ก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที ทว่าเพียงแค่ทำท่าจะหมุนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยถามมาต่อ
"แล้วจะนอนกับแคท หรือกลับบ้าน"
"ยังไม่รู้เลยค่ะ เดี๋ยวยังไงหนูโทรมาบอกนะ"
"….." โน่พยักหน้ารับรู้ ก่อนเนเน่จะหมุนตัวรีบเดินออกไปทันทีอย่างรีบร้อน
—————————————