“ซ้งเหอ เเละ คังซง เเพ้เเล้ว?”
เเม้ว่าเขาจะคาดหวังไว้เเล้วว่าทั้งสองคนอาจจะเเพ้ เเต่ชายในชุดดำก็ยังคงรู้สึกตื่นตะลึงหลังจากที่เห็นทั้งสองคนพ่ายเเพ้จริง ๆ
“ดูเหมือนว่าคงอีกไม่นานเเล้วก่อนที่หนึ่งในสิบอันดับเเรกของทำเนียบอันดับเพลิงผลาญฟ้าจะมีการเปลี่ยนเเปลง”
“ดีมาก,เย่เฉินเฟิง นี่คือของเดิมพันสำหรับชัยชนะของเจ้า ข้าหวังว่าจะได้เห็นเจ้าสร้างชื่อติดบนทำเนียบอันดับเพลิงผลาญฟ้าในเร็ว ๆ นี้”หลังจากได้เห็นพรสวรรค์ของ เย่เฉินเฟิง อาวุโสจิน ก็เริ่มกล่าวชื่นชมความสามารถของเขา เเละ มอบของเดิมพันก่อนหน้านี้ให้
“ขอบคุณท่านมาก อาวุโสจิน”
เย่เฉินเฟิง เก็บผลึกวิญญาณทั้งหมด 1,200 ก้อนลงไปในถุงจักรวาลของเขา เขาไม่ได้ต้องการอยู่ที่สนามประลองวิญญาณนานเกินไป ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เย่เฉินเฟิง ได้เดินกลับไปที่ลานบ้านเล็ก ๆ ที่ขอบหน้าผา
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องรีบเพิ่มความเเข็งเเกร่งของข้าโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นคงเกิดปัญหาตามมามากขึ้นเรื่อย ๆ “
เย่เฉินเฟิง ไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างปัญหาตั้งเเต่วันเเรกหลังจากเข้าสู่นิกาย เเต่เขาเกลียดคนที่ชอบดูถูกเเละกดขี่ข่มเหงมากที่สุด เเละเพราะแบบนี้เรื่องในวันนี้ ทาง ตระกูล ชางกวน เเละ ตระกูลเสิ่นถู๋ จะต้องเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเเน่นอน
หลังจากทำการอาบน้ำเเละเปลี่ยนเสื้อผ้า เย่เฉินเฟิง ได้พักอยู่ครู่นึง ก่อนที่เขาจะปรับตัวให้เข้าสู่สภาพที่พร้อมที่สุด เขาหยิบ โอสถเพลิงหยกขาวออกมาจากถุงจักรวาล เเละ เริ่มกลืนมันลงไป
โอสถเพลิงหยกขาว หลังจากเข้าสู่ปากของเขามันก็ได้ละลายทันที เย่เฉินเฟิง สามารถตอบสนองพลังงานความร้อนที่เดือดดาลกำลังไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายของเขา มันได้ผ่านลอคอเเละตรงเข้าสู่เส้นชีพจรศักดิ์สิทธิ์
พลังงานของโอสถนี้ได้เกินกว่าจินตนาการของเขามาก มันได้กดทับเส้นชีพจรศักดิ์สิทธิ์ของ เย่เฉินเฟิง เเละ ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด
“ตามที่คาดไว้ โอสถระดับ 8 ความเเข็งเเกร่งของตัวยา นั้นมีผลรุนเเรงมากกว่า โสมโลหิตหนึ่งพันปี ซะอีก”
เย่เฉินเฟิงที่ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างหนัก เขาได้หมุนเวียนทักษะกลืนวิญญาณซ้ำเเล้วซ้ำเล่าเพื่อกลั่นพลังจากโอสถเพลิงหยกขาว เม็ดนั้น จากนั้น พลังเเละโลหิตในร่างของเขาก็ค่อย ๆ ทำให้ร่างกายของเขาเย็นลงเล็กน้อย
เเต่ประสิทธิภาพของโอสถเพลิงหยกขาว ไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามกันได้ง่าย ๆ เเม้ว่าร่างกายของเขาจะเย็นลงเล็กน้อย เเต่ตอนนี้ เย่เฉินเฟิงรู้สึกราวกับว่าเขาได้ตกลงไปในเตาหลอมเเละถูกต้มจนเดือด โลหิตจำนวนมากได้ไหลออกมาจากรูขุมขนของเขาเเละย้อมร่างกายของเขาเป็นสีเเดงเดือด
ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าที่บอบบางเเละน่ารักของเขา ก็บิดเบี้ยวอย่างมาก เเละ ปรากฏรอยเเตกที่ชัดเจนบนผิวของเขา
ในตอนนั้น เย่เฉินเฟิง ได้เเสดงความอดทนอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน
เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงที่ท่วมไปด้วยโลหิตตกค้างที่ถูกขับออกมา เเละ ทนรับความเจ็บปวดความทรมานจำนวนมากที่ถาโถมเข้าหา
ภาใต้เเรงกระเเทกอันร้อนเเรงของโอสถเพลิงหยกขาว เส้นชีพจรศักดิ์สิทธิ์ ของ เย่เฉินเฟิง ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
รอยเเตกเล็ก ๆ เริ่มปรากฏบนพื้นผิวของเส้นชีพจรศักดิสิทธิ์ของเขา
อย่างไรก็ตามช่วงเวลาต่อมา รอยเเตกที่ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของเส้นชีพจรศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ถูกซ่อมเเซมโดยทันที
ในระหว่างกระบวนการซ่อมเเซมเส้นชีพจรศักดิ์ศิทธิ์ ของ เย่เฉินเฟิง ก็ค่อย ๆ ขยายออกไปอย่างช้า ๆ
เส้นชีพจรของเขายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ร่างกายของเขาเริ่มที่จะทำการดูดซับผลของตัวยาได้น้อยลง เย่เฉินเฟิง ค่อย ๆ รู้สึกว่า ความรู้สึกเเสบร้อนในร่างกายของเขาได้เริ่มเบาลงเเละเบาลง โลหิตในร่างกายของเขาเองก็เเข็งเเกร่งมากขึ้น เขาได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ในขณะที่ เย่เฉินเฟิง ได้เลือกที่จะปิดกั้นตัวเองเเละทำการฝึกฝนโดยใช้โอสถเพลิงหยกขาวอยู่ที่ลานบ้านของตัวเองตอนนี้ ในเวลาเดียวกัน ซ้งเหอ เเละ คังซง ที่ได้รับบาดเจ็บจากการประลองกับ เย่เฉินเฟิง พวกเขาได้สูญเสียใบหน้าทั้งหมดเเละยืนอย่างเคารพในลานที่ตั้งอยู่ทิศตะวันออกของนิกายเพลิงผลาญฟ้า
ข้างหน้าของพวกเขาเป็นชายหนุ่มสวมใส่เสื้อคลุมยาวสีขาว เขามีรูปร่างที่ใหญ่เเละใบหน้าของเขาค่อนข้างโดดเด่นเเละลึกล้ำ เขาให้ความรู้สึกที่ดุร้ายเเละรุนเเรงออกมา
ชายคนนี้ถูกเรียกว่า เสิ่นถู๋เฮิง เขาเป็นอัจฉริยะอันดับต้น ๆ ของตระกูล เสิ่นถู๋ ที่สามารถทะลวงระดับกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้นเเรกได้ตั้งเเต่อายุ 21 อีกทั้งเขายังติดอยู่ในรายชื่อที่ 10 ของทำเนียบอันดับเพลิงผลาญฟ้า
“ข้าเข้าใจเเล้วพวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ”หลังจากได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนเล่าให้ฟัง การเเสดงออกของ เสิ่นถู๋เฮิง ก็ไม่ได้เปลี่ยนเเปลงเลย เขาได้โบกมืออย่างเบา ๆ เเละ กล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด
“ขอรับนายน้อย”
เมื่อเห็นว่า เสิ่นถู๋เฮิง ไม่ได้ระบายอารมณ์ เเละ ลงโทษพวกเขา ซ้งเหอ เเละ คังซง ก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นพวกเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว
“ไอ้พวกขยะไร้ประโยชน์”
ในขณะที่จ้องมองดูการจากไปของทั้งสอง จู่ ๆ เสิ่นถู๋เสวี่ย ก็เดินออกมาจากลานห้องของเขา เเละ กล่าวพูดด้วยความโกรธ
“ไม่ใช่ว่าพวกเขาไร้ประโยชน์มันก็เเค่ เย่เฉินเฟิง นั้นไม่ง่ายที่จะจัดการ”เสิ่นถู๋เฮิง กล่าวอย่างใจเย็น”ข้าจำได้ว่าเจ้าบอกข้าว่าเมื่อวันก่อนหน้านี้มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า เเต่ภายในระยะเวลาหนึ่งวัน มันกลับสามารถเอาชนะ ซ้งเหอ เเละ คังซง พร้อมกัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสมควรกระทำได้”
“มันคงได้หลอมผสานโอสถจำนวนมากไปจนทำให้พละกำลังความเเข็งเเกร่งของมันเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาอันสั้น ไม่งั้นมันคงไม่มีทางครอบครองความเเข็งเเกร่งระดับนี้ได้เเน่”เสิ่นถู๋เสวี่ย กล่าวอย่างไม่มั่นใจ
“ไม่ว่าอะไรก็ตาม เราก็ไม่ควรประมาทคนผู้นี้ หากเราไม่สามารถซ่อมเเซมความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเขา เช่นนั้นเราก็ไม่อาจปล่อยให้เขาเติบโตขึ้นได้ไม่งั้นคงจะกลายเป็นภัยคุกคามขนาดใหญ่ต่อตระกูลเสิ่นถู๋ของเรา”ดวงตาของ เสิ่นถู๋เฮิง เผยความเย็นชาออกมา
“พี่สาม ทำไมท่าน ไม่ลงมือด้วยตัวเอง หรือไม่ก็ขอร้องให้ พี่สองหาทางจัดการเขา ให้มันได้รับรู้ถึงความเเข็งเเกร่งของตระกูลเสิ่นถู๋ของเรา”เสิ่นถู๋เสวี่ย กล่าวออกมา
“เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะยอมรับความท้าทายของข้าซึ่ง ๆ หน้า ยังไงก็ตาม ข้าจะลองให้โอกาสเขา ถ้าเกิดเขาไม่รับโอกาสนี้เอาไว้ ข้าจะทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นกลับมาได้อีกเลยตลอดชีวิต”เสิ่นถู๋เฮิง กล่าวตอบ
ในเวลาเดียวกัน ทางตระกูล ชางกวน ก็รู้สึกตกใจอย่างมาก หลังจากรู้ว่า เย่เฉินเฟิง สามารถมอบความพ่ายเเพ้ให้กับ ซ้งเหอ เเละ คังซง ได้พร้อมกัน พวกเขาเริ่มคิดค้นหาหนทางจัดการกับ เย่เฉินเฟิง
ขณะเดียวกัน เย่เฉินเฟิง ที่กำลังทำการบ่มเพาะพลัง เขาที่ได้ซึบซับผลของตัวยาโอสถเพลิงหยกขาวเข้าไปทำให้ร่างกายของเขาเเข็งเเกร่งมากขึ้น
กระเเสโลหิตจำนวนมากได้พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาเเละดิ่งพุ่งตรงไปที่หลังคาเหมือนกับควันไฟ
หากไม่ใช่เพราะว่าลานบ้านเเห่งนี้ถูกปกป้องด้วยรูปแบบก่อตัวมันคงถูกพลังงานโลหิตที่รุนเเรงที่ออกมาจากร่างกายของ เย่เฉินเฟิง เจาะทะลุหลังคาไปเเล้ว
พลังงานเเละโลหิตภายในร่างกายของ เขา ได้ส่งผลประสบความสำเร็จอย่างมากในขั้นที่สองระหว่างทำการปรับเเต่งร่างกาย
หลังจากเติมพลังงานเเละโลหิตในร่างของเขาครบ 100% ความเเข็งเเกร่งทางกายภาพของ เย่เฉินเฟิง ก็พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 15,000 จิน ในขณะนี้ความเเข็งเเกร่งของเขาได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
หากไม่ใช่เพราะว่า เย่เฉินเฟิง กลัวรากฐานของเขาจะไม่มั่นคง เขาคงทะลวงระดับพลังไปเเล้ว หลังจากที่ดูดซับ ปะการังโลหิต เเละ โอสถเพลิงหยกขาวไป ดังนั้นเขาจึงพยายามระงับการฝึกฝนของตัวเอง เพื่อปรับรากฐานการบ่มเพาะพลังเเละยังไม่เลื่อนขั้นการเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 2
เมื่อความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง เพิ่มขึ้นอีกครั้ง เย่เฉินเฟิง ก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะ หยิบโอสถเก้าวิญญาณหรือโอสถวิญญาณปฐพีออกมาเพื่อเริ่มฝึกฝนไปยังขั้นที่สามของทักษะเเบ่งเบาร่างกาย เเต่เขาได้ออกจากลานบ้านของตัวเองเเละมุ่งหน้าไปที่ ตำหนักอาวุธวิญญาณ เพื่อหาอาวุธวิญญาณที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มความเเข็งเเกร่งให้ตัวของเขา