“ผลึกวิญญาณระดับต่ำ 30 ก้อน ไม่เลวเลย”
เมื่อเย่เฉินเฟิงค้นตัวของชายร่างสูงคนนี้เขาก็ค้นพบผลึกวิญญาณระดับต่ำ 30 ก้อน เเละม้วนหนังเเกะสีเหลือง ที่ซุกซ่อนอยู่
“ทักษะวิญญาณอย่างงั้นเหรอ?”
ดัชนีทะลวงวิญญาณ ทักษะจิตวิญญาณระดับกลาง ความยากในการฝึกฝนค่อนข้างสูง คนปกติมักจะพบความยากในการฝึกฝนเเม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนมานานก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เย่เฉินเฟิง กลับไม่รู้สึกลำบากขณะที่เขาทำการฝึกฝน ราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่นเพราะเขาเข้าใจส่วนสำคัญของมันอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นสายลมเย็นก็พุ่งผ่านออกไปอย่างรวดเร็ว
“ดัชนีชี้ดารา”
เมื่อเย่เฉินเฟิงจ้องมองไปที่ใบไม้ที่ร่วงหล่น จู่ ๆ เขาก็ชี้นิ้วออกไป เเสงสีเขียวสายนึงได้พุ่งจากนิ้วของเขาเหมือนกับดาวตกพุ่งไปที่ใบไม้ที่ร่วงหล่นนั่น
จากนั้น เย่เฉินเฟิง ก็ลองเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาได้ทำการเคลื่อนไหวซ้ำเเล้วซ้ำเล่าเพื่อทดสอบเเละโจมตีทะลุผ่านต้นไม้โบราณที่อยู่ในระยะไกล
เมื่อเขามองไปที่ต้นไม้โบราณที่ถูกเจาะเป็นรูอยู่ในระยะไกล เย่เฉินเฟิง ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดเลยว่า สมองกลืนกินศักดิ์สิทธิ์จะทำให้เขาสามารถทำความเข้าใจในทักษะดัชนีทะลวงวิญญาณได้โดยใช้เพียงเพียงเเค่ครึ่งชั่วโมง เขาได้เข้าใจการเคลื่อนไหว 2 ขั้นเเรกของทักษะนั่น
เย่เฉินเฟิง สูดลมหายใจเข้าลึก ความคิดที่น่าตกใจได้ส่งผ่านจิตใจของเขา ในขณะที่เขากำลังฝึกฝนการเคลื่อนไหวที่ 3 ของทักษะดัชนีทะลวงวิญญาณ
“เจ้ากำลังทำอะไร?”
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาชายในชุดดำก็ตื่นจากอาการโคม่า เขาได้คลานออกมาจากกองไม้ด้วยมือของเขาเเละจ้องมองไปที่ภาพที่ตื่นตะลึงที่อยู่ด้านหน้า
“ดัชนีทลายวิญญาณ”
เย่เฉินเฟิงได้ชี้นิ้วของเขาออกไปพลังวิญญาณสีเขียวรอบ ๆ ได้ปรากฏขึ้นบนปลายนิ้วของเขาก่อนที่จะพุ่งออกไปอย่างน่าตกใจเเละกระเเทกเข้ากับต้นโบราณจนมันล้มหล่นลงมา
“เขาสามารถฝึกฝน ดัชนีทะลวงวิญญาณ ให้เชี่ยวชาญได้ในระยะเวลาเพียงชั่วโมงเดียว? เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?”ชายในชุดดำจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิงอย่างตื่นตะลึงราวกับเห็นฝี
เกือบระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา ชายในชุดดำ ได้ใช้เงินออมทั้งหมดของเขาเพื่อเเลกกับทักษะวิญญาณ ดัชนีทะลวงวิญญาณ จากตำหนักทักษะวิญญาณ ในนิกายเพลิงผลาญฟ้า
หลังจากนั้นเขาก็ใช้เวลาอีกครึ่งปีในการฝึกฝนทักษะดัชชีทะลวงวิญญาณ เเต่เขาสามารถเรียนรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวสองขั้นเเรกของทักษะเพียงเท่านั้น เขายังไม่สามารถเข้าถึงการเคลื่อนไหวที่สามของทักษะ ดัชนีทะลวงวิญญาณได้
อย่างไรก็๖าม เย่เฉินเฟิง กลับใช้เวลาเพียงเเค่ หนึ่งชั่วโมงในการเรียนรู้ทักษะนี้ได้อย่างสมบูรณ์ สิ่งนี้ทำให้ชายชุดดำรู้สึกเคารพเเละหวาดกลัว เย่เฉินเฟิง
“ข้าจะคืนทักษะดัชนีทะลวงวิญญาณนี้ให้เจ้า”
เย่เฉินเฟิง ไม่กล้าเอาคำภีร์ทักษะดัชนีทะลวงวิญญาณไป เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของนิกายเพลิงผลาญฟ้า เขาได้ส่งคืนมันให้กับชายชุดดำ
“สัตว์ประหลาด มีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งอยู่ในกลุ่มผู้เข้าร่วมทดสอบเข้านิกายเพลิงผลาญฟ้าในปีนี้ ดูเเล้ว หลังจากนี้ในนิกายคงมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นอยู่มาก”ชายในชุดดำพึมพัมกับตัวเอง ขณะที่เขาม้วนขอของเขา เเละ มองดูร่างที่หายไปของ เย่เฉินเฟิง
“ข้าเสียเวลาไปมากกว่าหนึ่งชั่วโฒงเเล้ว ข้าสงสัยว่า ชางกวนเป็ง,เสิ่นถู๋เย่ เเละคนอื่น ๆ พวกเขาจะไปถึงไหนกันเเล้ว
เย่เฉินเฟิง ได้คำนวณเวลาเเละรู้สึกว่าเขาได้ถูกทิ้งท้ายไว้ด้านหลังของพวก ชางกวนเป็ง เเละ เสิ่นถู๋เย่ ดังนั้นเขาจึงเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่องเพื่อไล่ตามทั้งสองคน อีกอย่างเขาก็กำลังค้นหาตำเเหน่งของ เหวิ่นเฟยหง
ในเวลาเดียวกัน ชางกวนเป็ง เเละ เสิ่นถู๋เย่ รวมถึง เสิ่นถู๋เสวี่ย พวกเขาทั้งสามคนกำลังรอการมาถึงของ เย่เฉินเฟิง อยู่
“บัดซบ,สารเลวเย่เฉินเฟิงมันไปมัวทำอะไรอยู่?ทำไมมันถึงชักช้าขนาดนี้ หรือว่ามันตรวจพบได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง”
ในขณะที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เเละรออย่างอดทน พวกเสิ่นถู๋เย่ นั้นมาถึงตั้งเเต่ช่วงบ่ายเเล้ว เมื่อสังเกตุว่า เย่เฉินเฟิง ยังไม่มาเขาก็รู้สึกกังวลทันที
หากเขาไม่สามารถหยุด เย่เฉินเฟิง เเละ ปล่อยให้เขาข้ามผ่านภูเขาเมฆาม่วงไปได้ เขาจะสูญเสียรางวัลทดสอบที่นิกายเพลิงผลาญฟ้าจะให้ เเละ ยังเสียหน้ามากอีกด้วย
“มีคนมา”
ระหว่างที่ เสิ่นถู๋เย่ ค่อย ๆ หมดความอดทน ทันใดนั้น ก็มีเสียงใบหน้าด้านหน้าดังขึ้นข้างหูของเขา จากนั้นเขาก็สังเกตุเห็น เหวิ่นเฟยหง เดินออกมาอย่างช้า ๆ
“ทำไมถึงเป็นไอ้ขยะนี่กัน?”
เสิ่นถู๋เย่ จ้องมองไปที่ เหวิ่นเฟยหง ที่มาถึงด้วยสายตาเหยียดยาม ไม่ว่าจะเป็นสถานะหรือความเเข็งเเกร่งเขาล้วนเหนือกว่า เหวิ่นเฟยหง ทุกอย่างดังนั้นเขาจึงไม่เห็นเหวิ่นเฟยหงอยู่ในสายตา
ฟุ่บ!
ในเวลาเดียวกัน เสิ่นถู๋เย่ ก็ได้เคลื่อนไหวราวกับพยัคฆ์ที่เจอเหยื่อเขาพุ่งไปปรากฏตัวเเละขวางทางด้านหน้าของ เหวิ่นเฟยหง
“เสิ่นถู๋เย่เจ้าจะทำอะไร?”
เห็นการปรากฏตัวของ เสิ่นถู๋เย่ เหวิ่นเฟยหง รู้สึกหวาดกลัว เเต่เขาพยายามระงับอารมณ์ของตนเองเเละกล่าวถามออกไปอย่างระวัง
“เหวิ่นเฟยหง ถ้าเจ้าตอบคำถามของข้ามาตามตรง ข้าจะปล่อยเจ้าไป ถ้าไม่เเล้ว เจ้าก็อย่าได้กล่าวโทษข้าที่ข้าหยาบคาย”เสิ่นถู๋เย่ กล่าวขู่ด้วยสีหน้ามืดมน
“เจ้าต้องการถามอะไร?”
เเม้ว่าเหวิ่นเฟยหงจะโกรธเมื่อเห็นท่าทีของ เสิ่นถู๋เย่ เเต่เขาก็ไม่กล้าทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง เขาต้องระงับความโกรธลงในใจของเขา
“เจ้าเห็นเย่เฉินเฟิงหรือไม่?”เสิ่นถู๋เย่ กล่าวถาม
“ไม่ข้าไม่ได้พบเขาเลย”เหวิ่นเฟยหงสั่นศีรษะเล็กน้อย
“เจ้าเเน่ใจว่าไม่ได้โกหกข้า?”
ในขณะที่เขาพูดเขาก็ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมาเพื่อกดดัน เหวิ่นเฟยหง
“ข้าสาบานได้ข้าไม่ได้เจอเย่เฉินเฟิงตลอดการเดินทางข้ามภูเขาเมฆาม่วง”
เหวิ่นเฟยหง เป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับเบื้องต้นขั้น 6 เขาย่อมไม่สามารถทนเเรงกดดันจากร่างของ เสิ่นถู๋เย่ ได้
“อย่างนั้นก็เเล้วไป”เสิ่นถู๋เย่ เผยเเววตาออกมาอย่างผิดหวัง ในขณะที่เขาเปล่งเสียงออกมาอย่างรุนเเรง
“เสิ่นถู๋เย่ ,เจ้ากำลังมองหาข้าอยู่งั้นเหรอ ? เป็นไปได้ไหมที่เจ้าจะอดใจรอไม่ไหวที่จะเผชิญหน้ากับข้า?”
ขณะที่ เสิ่นถู๋เย่ กำลังพิจารณาว่าจะกำจัด เหวิ่นเฟยหง ดีหรือไม่ จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของ เย่เฉินเฟิง