“ก็ไม่ไงครับ เป็นญาติกันน้องรู้ใช่ไหมครับว่าแม่พี่ริคเป็นคนไทย” พิรุณรักเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น
“อย่าบอกนะคะว่า…”
“ถูกเผง” ดนุยกนิ้วชี้ขึ้นลง บอกเป็นในๆ ว่าเธอคิดถูกแล้ว ความจริงที่ได้รู้ไม่ใช่แค่พิรุณรักที่ตกใจทั้งหทัยรัตน์และเอมมี่ก็ตกใจไม่แพ้กัน
“ร้ายกาจมากแก” หทัยรัตน์กระซิบพูดกับเพื่อน
“คิดจะบอกกันเมื่อไหร่คะ” พิรุณรักหันมาถามคนที่ทำหน้านิ่งเสียงแข็ง เธอไม่กลัวเขาแล้ว ก่อนหน้านี้เธอกลัวแทบตายว่าเขาจะเปิดมวยกับดนุแต่พอมารู้ความจริง ความกลัวมันก็หายไปหมด
“ก็เร็วๆ นี้” แกริคพยายามควบคุมน้ำเสียง ทำไมเขาต้องรู้สึกหวาดๆ กับน้ำเสียงของเธอด้วย
“เร็วๆ นี้ ถ้าคุณไม่มาที่นี่ไม่พบกันโดยบังเอิญกับพี่นุหนูก็คงไม่รู้ใช่ไหมคะ” หทัยรัตน์ได้แต่กระตุกแขนเพื่อนเบาๆ พยายามบอกให้เพื่อนลดเสียงแข็งๆ ลงบ้าง แต่พิรุณรักไม่ยอมฟัง ตอนนี้อารมณ์เธอขึ้นเต็มที่ มีอะไรที่เกี่ยวกับเธอแล้วเธอไม่รู้อีกบ้าง จะว่าดีใจก็ดีใจอยู่หรอกที่เขาใส่ใจเธอมากขนาดนี้ แต่นี่ให้คนเข้ามาตีสนิทเข้ามาอยู่ในชีวิตเธออยู่เป็นปีสองปีโดยที่เธอไม่ระแคะระคายอะไรเลย
พอมาเจอกันอีกครั้ง ก็ยังไม่ยอมเล่าให้เธอฟังให้หมดทั้งที่มีโอกาสที่จะเล่าตั้งมากมาย
“ก็..” ทำไมคนอย่างแกริค ซีคีเลียโน ต้องมาน้ำท่วมปากตอนนี้ก็ไม่รู้ ทั้งที่เขาไม่เคยต้องเกรงกลัวสิ่งใดไม่เคยพูดติดขัดเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้มันเหมือนกำลังหาคำแก้ตัวที่คิดว่าดีที่สุด
รู้อย่างนี้เขาน่าจะบอกเธอให้หมดตั้งแต่แรก
“ฮ่าๆ พี่กลัวเมียเหรอครับเนี่ย วู้ นักธุรกิจระดับโลกกลัวเมีย” ดนุเห็นท่าทางของแกริคก็หัวเราะสะใจ ฝ่ายแซคอยากหัวเราะออกมาดังๆ บ้างก็ได้แต่กลั้นเสียงเอาไว้ ถ้าเขาหัวเราะออกมามีหวังหัวเขาขาดแน่
ส่วนสองสาวก็ได้แต่อึ้ง หทัยรัตน์คิดว่าตัวเองคงคิดมากไปเอง ต่อไปเธอคงไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว มันชัดเจนแล้วว่าผู้ชายคนนี้ เพื่อนเธอสยบได้จริงๆ
“หุบปากนายไปเลย” แกริคขึงตาใส่ดนุ
“ทั้งสองคนนั้นแหละค่ะ พี่ดนุด้วยปลายโกรธรู้ไว้ด้วย”
“อ้าว พี่ไม่เกี่ยวนะครับ พี่ทำตามคำสั่ง”
ใบหน้าสวยง้ำงอ บอกเลยตอนนี้เธอโกรธทั้งสองคน ถึงความโกรธจะไม่มากแต่ก็อยากโกรธ อยากน้อยใจ
“กลับไปคุยกันที่ห้องนะ นะครับ” แกริคก้มลงกระซิบข้างใบหูคนหน้างอ เขายอมเสียมาดกับเมียแต่ไม่ยอมให้คนอื่นหัวเราะเยาะเด็ดขาด แค่นี้ก็เกินพอแล้ว
“นะ”
ปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อได้ฟังน้ำเสียงออดอ้อนที่นานๆ ครั้งจะได้ยินหรือได้ยินแค่เวลาที่อยู่บนเตียง แต่ตอนนี้เขายอมพูดกับเธอตรงนี้ มันทำให้ใจเธออ่อนยวบลงทันที
“ก็ได้ค่ะ” เผลอตกปากรับคำเขาไป
“ปลายยอมง่ายไปไหมครับ” ดนุที่จับตามองทั้งคู่พูดขึ้น สีหน้าหมดสนุก
“หุบปากนายไปเลย ทำเสียเรื่อง”
เอมมี่และหทัยรัตน์มองสบตากัน ทั้งสองได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เมื่อเรื่องผ่านไปด้วยดี นึกว่าเพื่อนเธอจะโกรธแกริคเป็นฟืนเป็นไฟซะอีก เห็นแบบนี้ก็เบาใจ ผัวยอมลงให้เมีย เมียก็ยอมลงให้ผัว แบบนี้สิถึงอยู่ด้วยกันยืด
“วันนี้ผมต้องเข้าประชุมนะ” ทัศนัยพูดขึ้นหลังจากเลยเวลาทำงานมาแค่สามสิบนาที
“ประชุมใหญ่เหรอคะ” ต้นหลิวถาม
“ใช่ ท่านประธานใหญ่น่าจะเข้าด้วย”
“อ่อ” นี่เป็นการประชุมใหญ่ครั้งแรกตั้งแต่แกริคมาประจำการอยู่ที่นี่
คิ้วเรียวสวยของพิรุณรักขมวดเข้าหากันแต่ก็คลายออกในเวลาต่อมา ตั้งแต่วันที่เธอบอกว่าโกรธเขาก็ได้รับการง้องอนและอธิบายเรียบร้อยแล้ว เธออึ้งในการวางแผนของเขาเป็นอย่างมาก เขาให้ดนุเข้ามาตีสนิทกับเธอ ทำทีเหมือนเข้ามาจีบเพื่อดูท่าทีว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหน พร้อมจะไปกับผู้ชายทุกคนที่เข้าหารึเปล่าแต่ผลปรากฏว่าเธอไม่เล่นด้วย
ถึงว่ามันแปลกๆ ปกติผู้ชายที่เข้ามาจีบผู้หญิงในสถานที่แบบนั้นถ้าจีบไม่ติดหรือเขาไม่เล่นด้วยก็คือถอย แล้วไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่สำหรับดนุ เขายังคอยมาวนเวียนอยู่ในชีวิตเธอเรื่อยๆ แรกๆ เธอก็แปลกใจว่าเขาหวังอะไรรึเปล่า แต่ดนุก็แสดงความจริงใจให้เห็นจนเธอไว้วางใจ
หลังจากจีบไม่ติดดนุก็ทำตามคำสั่งของแกริคคือคอยจับตาดูเธออย่าให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เด็ดขาด เมื่อเขาตัดสินใจจะกลับมาหาเธอเขากันผู้ชายทุกคนออกจากเธอเช่นกัน
ถึงว่าเขาไม่เคยเอ่ยถึงดนุเลยด้วยซ้ำทั้งที่เขาน่าจะรู้ว่ามีผู้ชายเข้าหาเธอ และอยู่ใกล้ชิดเธอมาตลอด ที่แท้ก็เป็นแผลของเขานี่เอง ร้ายกาจมาก
“ปลาย” หทัยรัตน์เรียกคนที่เดินออกมาเข้าห้องน้ำ
“หืม อะไรเหรอ”
“พรุ่งนี้ฉันว่าจะลางาน ยายฉันอาการไม่ดีอีกแล้ว” อาการป่วยของยายหทัยรัตน์กลับมาอีกครั้งหลังจากได้รับการรักษาเยียวยาไปเมื่อสามปีก่อนคนแก่โรคภัยไข้เจ็บก็ต้องถามหาเป็นธรรมดา และยายเธอก็ไม่ได้อายุน้อยๆ แล้ว
“เป็นอะไรมากรึเปล่าแก” พิรุณรักถามด้วยความเป็นห่วง หลายครั้งที่ไปเยี่ยมยายของเพื่อน เธอเองก็เคารพท่านเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“เหมือนเดิม ยายแก่แล้ว หมอบอกยิ่งยื้อท่านยิ่งทรมาน” ในชีวิตนี้เธอเหลือแค่ยายคนเดียว เลยอยากให้ท่านอยู่กับเธอนานๆ พยายามทำทุกอย่างให้ท่านหายจากโรคภัย แต่เหมือนมันไม่มีประโยชน์เพราะสังขารของคนเราสักวันมันก็ต้องร่วงโรย
“แล้วแกจะเอาไงต่อ”
“ฉัน..ก็ไม่รู้เหมือนกัน” หทัยรัตน์กลืนก้อนสะอื้นลงในลำคอน้ำตาคลอเบ้าเมื่อนึกถึงคนที่เธอรักที่สุดในชีวิต
“ไม่ว่าแกจะตัดสินใจยังไง ฉันก็อยู่ข้างแกเสมอ ฉันเป็นกำลังใจให้แกนะ และฉันก็เชื่อว่ายายแกเขาก็ไม่อยากให้แกเป็นทุกข์” พิรุณรักดึงเพื่อนเข้ามากอด ทำให้น้ำตาที่อดกลั้นไหลทะลักออกมาเป็นสาย
“ขอบใจมากแก”
“ไม่เอาไม่ร้อง เดี๋ยวพี่ๆ เขาตกใจหมด” หทัยรัตน์เช็ดน้ำตาออกลวกๆ พยายามกลืนก้อนสะอื้นลงในลำคอ
“อืม งั้นฉันไปล้างหน้าดีกว่า” เมื่อปรับอารมณ์ตัวเองได้แล้วก็พากันเดินเข้าห้องน้ำ
ช่วงพักเที่ยงทัศนัยก็ออกมาจากห้องประชุม
“วันนี้มีใครว่างบ้าง” แล้วเอ่ยถามทุกคนในแผนก
“ทำไมเหรอครับ”
“ท่านประธานจะพาไปเลี้ยง”
“เลี้ยง เลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไรคะ” ต้นหลิวถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ก็ที่ปลายฝนขึ้นไปซ้อมคอมให้ท่านไง อันนี้พี่ก็ไม่รู้หรอกแต่ท่านให้เหตุผลแบบนี้เลยอยากเลี้ยง” พิรุณรักขมวดคิ้วเข้าหากัน เหตุผลอะไรของเขา เขาคิดจะทำอะไร
“แปลก”
“ใช่พี่ก็ว่าแปลก”
“แค่แผนกเราเหรอคะ” มุตาถาม
“มีมาร์เก็ตติ้งกับเซลล์แล้วก็ผู้บริหารอีกนิดหน่อย”
“แผนกเราไม่เห็นเกี่ยวเลยนะคะ” ยิ่งคิดก็ทำให้ทุกคนยิ่งงง ร้อยวันพันปีผู้บริหารใหญ่ไม่เคยคิดจะเลี้ยงข้าวเย็นแผนกไอที
“แต่ท่านอยากให้เกี่ยว และท่านกำชับมาว่าอยากให้ไปทุกคน”
“แล้วพี่จะถามทำไมครับว่ามีใครว่างรึเปล่า” มาร์คพูด