“อือ เชื่อได้แค่ไหนคะ”
“เธอทำให้ฉันเป็นแบบนั้นหนูน้อย เธอมันแม่มดร้าย” ยกร่างบางขึ้นลง คุยกันนานเกินไปทำให้ความอัดอั้นแทบจะระเบิดออกมา น้ำหล่อลื่นไหลเยิ้มอาบแท่งลำ
ปากบางเม้มเข้าหากันสะบัดหน้าไปมากอดคอแกร่งไว้แน่น หน้าคมซุกลงบนอกอวบจูบดูดดึงอย่างกระหาย
“ฉันจะทำให้เธอเห็น” แกริคว่าอย่างหมายมั่นลุกแล้วพาเธอเดินไปที่โซฟา ตลอดทางเสียงครางหวานดังขึ้นไม่ขาด และดังขึ้นตลอดทั้งคืน แกริคทำอย่างที่พูดเขาร่วมรักกับเธอไปทั่วทุกมุมห้องสมกับความอดกลั้นมาตลอดสองปี
“แกเป็นไงบ้าง” หทัยรัตน์ตรงเข้ามาหาเพื่อนที่นั่งสัปหงกอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“อะไร” ถามเสียงงัวเงีย
“อะไรละ ก็ที่แกไปอยู่กับ..กับเขาแล้วอ่ะ” หทัยรัตน์มองซ้ายมองขวากลัวว่าใครจะมาได้ยินสิ่งที่เธอพูด ดีที่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้างาน ทำให้ที่แผนกมีคนมาแค่ไม่กี่คน
พิรุณรักขยี้ตาอ้าปากหาวแล้วฟุบหน้าลงบนโต๊ะ จะเป็นไงล่ะ ก็ดูจากสภาพเธอตอนนี้สิ ดีแค่ไหนแล้วที่ลากสังขารออกมาทำงานได้ ถึงได้อยู่ในสภาพนี้ไง
เธอรีบแต่งตัวออกมาก่อนที่แกริคจะตื่นเพราะไม่อยากมาทำงานกับเขา ถ้ามาพร้อมกันคนก็จะเห็นแล้วความลับก็ต้องแตกแน่น
“ก็ไม่แล้วไง อย่างที่เล่าให้ฟัง”
“ดีอ่ะ ฉันดีใจกับแกด้วยนะ สมหวังซะที” หทัยรัตน์ทำหน้าเคลิ้มฝันดีใจกับเพื่อนด้วย
“ตอนนี้มันก็ดี แต่อนาคตใครจะไปรู้ ถ้าเขากลับไปมันจะเป็นยังไงแกว่า” ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิด ถ้าแกริคกลับประเทศเขาไปมันจะเป็นยังไง เขาจะเอาเธอไปไว้ที่ไหน
“มันยังมาไม่ถึงซะหน่อย แล้วเขาบอกไหมว่าครั้งนี้จะอยู่นานแค่ไหน” พิรุณรักส่ายหน้า
“ยังไม่ได้ถาม”
“ไม่ต้องคิดมาก ฉันว่าเขาอาจจะขอแกแต่งงานก็ได้ เขาตามแกมาตั้งสองปีนะ ไม่ใช่แค่สามวัน เขาต้องจริงจังบ้างล่ะ” เธอก็อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่อะไรๆ มันยังไม่ชัดเจนเลยไม่อยากคิด แค่ทำวันนี้ให้ดีก็พอ มีความสุขกับมัน
“อืม”
“ปลายฝนเป็นยังไงบ้าง ขึ้นไปพบคุณอาเธอร์เมื่อวานก็หายไปเลย” ต้นหลิวคนที่สอนงานหญิงสาวเดินหน้าตาตื่นเข้ามาถาม มองไปด้านหลังก็เห็นคนอื่นๆ ในแผนกเดินตามเข้ามา
“อ่อ คือ ไม่มีอะไรค่ะ มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย แล้วพอดีเมื่อวานพ่อปลายมาหาจากต่างจังหวัดเลยถือโอกาสลางานครึ่งวัน ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้บอกด้วยตัวเอง” พิรุณรักอธิบายให้ทุกคนฟังพร้อมๆ กัน ประโยคสุดท้ายหันไปทางทัศนัย
“เลขาคุณแกริคโทรมาแจ้งเองขนาดนั้นไม่ต้องห่วงหรอก”
“เลขา”
“ก็คุณแซคไง ที่ตามคุณแกริคอย่างกับเงา”
พิรุณรักกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอกลัวว่าคนอื่นจะสงสัย เธอลืมถามเขาไปเลยว่าให้ใครลางานให้
“อ่อ แล้วคุณแซคเขาลางานให้ปลายมันได้ไง” มุตาทำหน้างง
“เอ่อ คือ พอดีคุณอาเธอร์เขาวานให้ค่ะ ปลายรีบมาก รถพ่อเกิดเฉี่ยววินมอไซค์ด้วยต้องรีบไป” พิรุณรักรีบหาข้อแก้ตัว
“อ่อ แล้วได้เห็นคุณแกริคบ้างไหม มองใกล้ๆ ท่านเป็นยังไงหล่อแค่ไหน”
“เอ่อ คือ ไม่เห็นค่ะ” พิรุณรักปฏิเสธ ถ้าบอกว่าเจอต้องโดนซักต่อแน่
“พอแล้วๆ ไปซักอะไรน้องมันนักไปทำงาน ว่าแต่พ่อเป็นไงบ้างไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“ดีแล้ว ไปๆ แยกย้าย”
พิรุณรักถอนหายใจเมื่อทุกคนแยกย้ายไปทำงานได้ หทัยรัตน์ก็ชูกำปั้นให้เพื่อนว่าสู้ๆ ตลอดช่วงเช้าเธอง่วงแสนง่วง แทบจะหาไม้มาค้ำใต้ตา
ติ๊ง
(ขึ้นมาหาฉันที่ห้อง) เสียงข้อความดังขึ้นพร้อมกับตัวหนังสือเด้งขึ้นหน้าจอ ทำให้เธอเห็นโดยไม่ต้องเข้าไปอ่าน เม้มปากมองซ้ายขวาแล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับ
(ไปไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวคนอื่นสงสัย)
(ฉันไม่สนคนอื่น เมื่อเช้าเธอดื้อ ออกมาทำงานก่อน) พิรุณรักยู้ปากใส่คนเอาแต่ใจ
(หนูไม่ได้ดื้อ เห็นคุณนอนสบายเลยไม่อยากปลุกอีกอย่างหนูกลัวมาทำงานสาย)
(โดนหนักขนาดนั้นยังตื่นไหว สงสัยฉันคงเบามือไป) เบามือบ้าอะไรของเขา เธอแทบจะคลานลงจากเตียงแถมตอนนี้ยังมานั่งหาวนอนอยู่อย่างนี้อีก
(ไม่คุยกับคุณแล้ว หนูจะทำงาน) เธอรีบหาข้ออ้าง ถ้าคุยเยอะกว่านี้มีแต่จะเข้าตัว
(ตอนเที่ยงขึ้นมากินข้าวด้วยกัน) นี่เขาจะไม่ฟังอะไรเลยใช่ไหม
(เจอกันตอนเย็นดีกว่าค่ะ)
(พิรุณรัก) ชื่อเต็มมาเชียว
ปากบางเม้มเข้าหากัน ทำไมเขาเอาแต่ใจแบบนี้ เธอจะหาข้ออ้างอะไรขึ้นไปหาเขาข้างบน เธอเป็นแค่พนักงานไอทีต๊อกต๋อยคนหนึ่งเท่านั้น
(แต่หนูกลัวคนอื่นสงสัย)
(เดี๋ยวฉันจัดการเอง)
(ทำยังไงคะ) จัดการยังไงของเขา ข้อความที่เธอถามไปไม่ได้ตอบกลับมา ทำให้เธอกระวนกระวายใจ กลัวว่าแกริคจะทำอะไรแผงๆ จนเธอไม่มีสมาธิทำงานจนกระทั่งใกล้จะเที่ยง
เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะของทัศนัยดังขึ้น ทัศนัยรับโทรศัพท์เสร็จก็ยืนขึ้น
“ปลายกับหวานตกลงกันนะว่าใครจะขึ้นไปดูคอมที่ห้องของท่านประธาน” สิ่งที่ทัศนัยพูดทำให้หญิงสาวตาโตหันไปมองหน้าหทัยรัตน์ทันที
“ทำไมถึงเป็นปลายกับหวานคะ น้องยังใหม่อยู่เลยนะคะ” มุตาพูดขึ้น
“เลขาท่านแจ้งว่าอยากทดสอบเด็กใหม่” ทัศนัยเองก็มีความสงสัยในคำสั่งนี้เหมือนกันแต่เขาก็แย้งอะไรไม่ได้ ในเมื่อเป็นความต้องการของท่านประธาน
“ถ้างั้นก็สู้ๆ นะเด็กๆ ว่าแต่ใครจะไปจ๊ะ” ต้นหลิวให้กำลังใจมองทั้งสองคนสลับกัน
พิรุณรักเองก็ไม่อยากเสนอตัวเลยได้แต่เงียบแล้วมองหน้าเพื่อน
“เอ่อ..ให้ปลายไปค่ะ พอดีหวานมีธุระตอนเที่ยงพอดี กลัวว่าจะไม่ทัน”
“งั้นก็ตกลงตามนี้ ขึ้นไปตอนนี้เลยนะปลาย ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหรือทำไม่ได้โทรมาหาพี่ได้เลย” ทัศนัยกลัวว่านอวจะทำอะไรผิดพลาด
“ค่ะ ปลายจะทำให้ดีที่สุด” พิรุณรักแอบถอนหายใจ นี่เหรอวิธีของเขา
“ฝากชื่นชมความหล่อของท่านด้วยนะปลาย อ๊าย พี่อยากจะกรีดดังๆ อิจฉา” พิรุณรักได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไปให้มุตา
“ไปเถอะ เดี๋ยวท่านจะรอ” พิรุณรักพยักหน้าแล้วเดินออกไปจากแผนกตรงไปยังชั้นบน อดไม่ได้ที่จะเป่าลมออกมาด้วยความโล่งใจ พอขึ้นมาถึงก็เจอกับแซคที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“เชิญครับ”
“เจ้านายคุณนี่เอาแต่ใจจริงๆ นะคะ” พิรุณรักอดไม่ได้ที่จะค่อนขอดแกริคให้ลูกน้องเขาฟัง
“คุณยังไม่ชินอีกเหรอครับ” แซคพูดยิ้มๆ หญิงสาวส่งค่อนให้แซคเบาๆ แล้วก็เดินเข้าไปในห้อง
แกริคเงยหน้าขึ้นจากงานมองหญิงสาวที่เขารอ
“มาแล้วเหรอแม่เด็กดื้อ”
“ใครกันแน่ที่ดื้อ” อดไม่ได้ที่จะต่อว่าคนตัวโต เขาน่ะดื้อกว่าเธอเป็นไหนๆ จะว่าดื้อก็ไม่ถูกเพราะคำว่าดื้อมีไว้ใช้กับเด็ก อย่างเขาต้องพูดว่าคนแก่หัวรั้น แค่คิดพิรุณรักก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ว่าฉันแล้วยังหัวเราะอีกนะ” แกริคส่งสายตาคาดโทษให้กับคนตัวเล็ก เดี๋ยวนี่ชักจะกล้าขึ้นทุกวัน ไม่กลัวเขาเหมือนแต่ก่อน
“เปล่านะคะ ไม่ทราบว่าคอมท่านประธานเป็นอะไรคะ” พิรุณรักเอ่ยขึ้นอย่างเป็นงานเป็นการ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน