“เธอด่าฉันว่าบ้าสามครั้งแล้วนะ” ไม่เคยมีใครว่าเขาว่าบ้าบ่อยขนาดนี้
“ก็จริง ห้องไม่เก็บเสียงยังกล้าทำแบบนี้” เขาน่าจะรู้ว่ากิจกรรมแบบนี้มันไม่สามารถควบคุมเสียงได้
“หึ ตื่นเต้นดีออก”
“หนูไม่ตื่นเต้นด้วย ปล่อยได้แล้ว” หญิงสาวดันตัวลุกขึ้นรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม
“เช็ดก่อนไหม” ร่างบางชะงัก ปากบางเม้มเข้าหากัน
ก้มมองส่วนที่สายตาคมจ้องอยู่ เขาไม่คิดว่าเธอจะอายบ้างรึไง แกริคลุกขึ้นไปหยิบทิชชูที่โต๊ะทำงานเขากำลังจะเช็ดให้แต่เธอแย่งกระดาษในมือเขาไปซะก่อน เขาก็ยอมแต่โดนดี แล้วกลับมาจัดการกับตัวเองทั้งที่ตายังไม่ละออกจากเธอ
“หยุดมองหนูเลยนะ” พิรุณรักรีบจัดการกับตัวเอง เมื่อรับรู้ว่าโดนมองมากเกินไป สายตาหวานเชื่อมของเขาแบบนั้นเธอไม่ชินเอาซะเลย
“อยากมอง เธอเป็นของฉันทำไมฉันจะมองไม่ได้”
“หนูก็อายเป็นนะ” หญิงสาวพูดอย่างเขินอาย เขาจะไม่ให้เธอหายใจหายคอบ้างรึไง วันนี้เขารู้ตัวรึเปล่าว่าพูดแบบนี้กับเธอกี่ครั้งแล้ว
“ต่อไปก็ชิน ไปอยู่ด้วยกันเธออาจจะได้แก้ผ้าเดินไปทั่วห้องเพราะฉันไม่ชอบให้เธอมีเสื้อผ้าติดตัว” พิรุณรักตาโตกับคำพูดของเขา รีบใส่เสื้อให้เข้าที่
“ใครจะไปทำอย่างนั้น โรคจิต”
“เด็กพูดไม่เพราะต้องโดนลงโทษรู้ไหม” พูดแค่นั้นเขาก็เดินเข้ามาหาเธอแล้วจับเธอจูบอย่างดูดดื่มจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน ย้ำหลายๆ ครั้งก่อนจะผละออก หญิงสาวได้แต่อ่อนระทวยอยู่บนอกแกร่ง
“พอแล้วค่ะ หนูไม่ไหวแล้ว” มือบางยั้งเขาไว้อย่างยอมแพ้
“แค่รอบเดียวไม่ไหว จะรับฉันไหวได้ยังไง เพราะถ้าอยู่ที่ห้องของเรารอบเดียวฉันไม่พอหรอกนะ” คนตัวโตกระซิบชิดริมใบหู ตวัดเอวบางเข้าหาลำตัวกอดเธอแนบอก
“หนูหิวข้าว” เธอหาทางออกจากสถานการณ์นี้ คำว่าห้องของเราทำให้เธอตื่นเต้นพอๆกับคำว่ารอบเดียวไม่พอของเขา แค่คิดว่าตั้งแต่คืนนี้เธอจะย้ายไปอยู่กับเขา เธอก็คิดถึงการร่วมรักกับเขาเป็นฉากๆ และหลายๆ ครั้งที่เขาส่งเธอให้ไปสวรรค์ พร้อมกับเสียงครางหวาน เสียงครางทุ่มต่ำของเขาที่เธอได้ยินทีไรทำให้เธอใจสั่นทุกที
“หึ ฉันจะบอกให้แซคสั่งขึ้นมาให้”
“แต่หนูยังไม่ได้เอาของที่โต๊ะทำงานเลยนะคะ” เธอกลัวว่าทุกคนจะสงสัย
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะบอกเพื่อนเธอจัดการให้ นั่งเถอะเดี๋ยวจะเป็นลมไปซะก่อน” เธอทุบอกเขาแรงๆ ที่โดนแซว
พอเขาพาเธอมานั่งแกริคก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานกดโทรศัพท์สั่งลูกน้องให้สั่งอาหารขึ้นมาให้ที่นี่ เธอได้แต่ถอนหายใจ ต่อไปชีวิตเธอจะเป็นยังไงเนี่ย
พอกินข้าวเสร็จพิรุณรักก็ไม่รู้จะทำอะไร นั่งมองเขาตาปริบๆ ยังไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ได้ นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นมันเป็นเรื่องจริง
ร่างใหญ่แข็งแกร่งภายใต้เสื้อสูทเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่เรียงตัวกันสวยงามกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาดูดีมีอำนาจสง่าผ่าเผย อดที่จะมองตัวเองไม่ได้ เธอเป็นเพียงพนักงานบริษัทของเขา
ทำไมเธอต้องคิดมากในเมื่อเขาบอกไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากความรู้สึกที่มีให้กัน เลิกคิดมากได้แล้วปลายฝน
“คุณแกริคคะ หนูขอโทรหาหวานได้ไหมคะ” ถ้าเธอโทรไปเองน่าจะดีกว่า หากหทัยรัตน์รู้คงกรี๊ดน่าดูกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ได้สิ จำเบอร์ได้ไหม” เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองยื่นให้เธอ ทำให้หญิงสาวชะงัก ส่งสายตาให้เขาประมาณว่าเธอใช้ได้เหรอ เขาก็ยังยื่นมันให้เธอแปลว่าเธอใช้ได้
ของส่วนตัวของเขา เขายังยอมให้เธอจับ เธอยังจะคิดมากอะไรอีกปลายฝน หญิงสาวยิ้มกว้างเดินเข้าไปรับจากมือเขา
“จำได้ค่ะ”
แกริคปลดล็อกโทรศัพท์ให้เธอเรียบร้อยเธอก็แค่กดโทรออกหาเพื่อน
หทัยรัตน์กรี๊ดออกมาเบาๆ กับเรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟัง เธอรับปากว่าจะจัดการเรื่องกระเป๋าและบอกพี่ๆ ที่แผนกให้ พอวางโทรศัพท์หญิงสาวก็ถอนหายใจ จะปิดบังได้อีกนานแค่ไหน
เธอไม่อยากเป็นจุดสนใจ
“หนักใจเรื่องอะไร”
“หนูกลัวว่าคนอื่นจะรู้เรื่องของเรา”
“กลัว ทำไมต้องกลัวรู้ก็รู้ไปสิ” แกริคโวยขึ้นอย่างไม่พอใจ เขาอยากจะประกาศให้คนทั้งบริษัทรู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนี้คือเมียเขา
“เราคุยกันแล้วนะคะ”
คิดว่าการเป็นแฟนเขามันง่ายนักรึไง พนักงานทั่วทั้งบริษัทคลั่งไคล้เขายิ่งกว่าอะไร ถ้ารู้ว่าพนักงานไอทีต๊อกต๋อยอย่างเธอเป็นแฟนของท่านประธานใหญ่จะเป็นยังไง
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหนิ” ท่าทางแสนงอนของท่านประธานใหญ่ทำให้หญิงสาวอมยิ้ม แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
แกริค ซีคีเลียโน นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อที่สาวๆ คลั่งไคล้ กำลังงอนแฟนสาวแสนธรรมดาแถมยังเด็กกว่าเกือบหนึ่งรอบ
“คุณงอนหนูเหรอคะ” หญิงสาวค้ำยันมือทั้งสองข้างกับโต๊ะทำงานแล้วยื่นหน้าเข้าไปถามเขายิ้มๆ คนที่โดนกล่าวหาว่างอนเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่อ่านอยู่คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มองหน้าคนที่กล่าวหาตัวเอง
ท่าทางของเขามันแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ คนอย่างเขาไม่เคยงอนใคร อาการที่แสดงออกมันเป็นไปเองโดยสาเหตุมาจากผู้หญิงตรงหน้าที่อยากปกปิดเรื่องของเขาและเธอ
เขาเพิ่งจะเคยเจอผู้หญิงแบบนี้
“อยากง้อเหรอถึงถาม”
“เปล่าค่ะ หนูไปนั่งรอแบบเดิมดีกว่า” หญิงสาวยิ้มให้แล้วรีบปฏิเสธ เพราะรู้ว่าการง้อเขานั้นต้องใช้วิธีไหน วันนี้เธอเหนื่อยมากพอแล้ว ทำบ่อยๆกลัวเขาจะเบื่อ
ตกเย็นพิรุณรักก็ได้กระเป๋าโดยลูกน้องของแกริคเอามาให้ เขาแจ้งว่าเพื่อนเธอเป็นคนฝากมาให้ พิรุณรักยังคิดไม่ตกเลยว่าจะตอบคำถามเพื่อนร่วมงานยังไง ที่มาพบเจ้านายแล้วลาหยุดงานแบบนี้
“คิดอะไรอยู่” ระหว่างทางไปคอนโดของหญิงสาวแกริคก็ถามขึ้นเพราะเห็นเธอนั่งขมวดคิ้วเหมือนคิดอะไรไม่ตก
“หนูแค่กังวลว่าพรุ่งนี้จะตอบเพื่อนร่วมงานว่ายังไง” เธอพูดกับเขาตามความจริง
“ไม่เห็นต้องคิดมาก ป่วยหรือรีบไปทำธุระที่บ้านไม่เห็นยาก” หญิงสาวยิ้มกว้างกับความคิดของเขา ทำไมเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ งั้นหนูจะบอกว่าพ่อขึ้นมาหาจากต่างจังหวัด” พิรุณรักยิ้มดีใจที่คิดออกว่าควรพูดอะไร แต่คนข้างๆ นี่สิหน้าตึงที่ได้ยินคำว่าพ่อ
“พ่องั้นเหรอ”
“ค่ะพ่อ ทำไมเหรอคะ” เธอหันไปถามแกริคตาปริบๆ เห็นสายตาของเขาก็ขนลุกซู่
เธอพูดอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย
“หนูรู้แล้ว คุณคิดว่าตัวเองเป็นพ่อหนูงั้นเหรอคะ ฮ่าๆ” พิรุณรักหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่จับไต๋เขาได้ แต่แกริคไม่เล่นด้วย
แซคเองก็อดขำด้วยไม่ได้จึงได้รับสายตาดุๆ ของเจ้านายกลับมา
“ไม่ตลก” แซคหลุดขำอีกรอบกับท่าทางของเจ้านายที่เขาไม่เคยเห็น สะบัดหน้าไปทางอื่นแบบนั้นเขาเรียกว่างอนใช่ไหม
พิรุณรักหุบปากฉับทันทีที่คนตัวโตไม่เล่นด้วย เธอเล่นเกินไปรึเปล่านะ
“โกรธเหรอคะ” เธอโชงกหน้าเข้าไปถามเขาแต่คนตัวโตก็ตีหน้านิ่งจนเธอทำหน้าไม่ถูก แค่วันแรกเธอก็ทำให้เขาโกรธซะแล้ว อีกไม่นานเขาคงเบื่อเธอ
ความคิดของหญิงสาวตีรวนไปหมด เพราะเธอไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ เธอเลยคิดว่ามันอาจจะหายไปง่ายๆ นี่อาจจะเป็นแค่ความฝันที่ผ่านเข้ามาให้เธอดีใจแป๊บๆ ก็ไป