ร่างบางสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวตุบๆ กำปั้นเล็กๆ ทุบลงที่ศีรษะตัวเองสองสามที คิดทบทวนเรื่องเมื่อคืน พอกลับมาจากห้องน้ำเธอก็เหมือนโดนมอมเหล้าอีกครั้ง
เธอจำอะไรไม่ได้เลย คงเป็นเพื่อนของเธอที่มาส่ง
“ปวดหัวจัง” ปากบางเอ่ยพึมพำเบาๆ ลืมตาขึ้นมองเพดานห้องก็ต้องกะพริบตาสองสามที
ที่นี่ที่ไหน
เมื่อคิดว่าไม่ได้อยู่ที่ห้องตัวเอง สายตาก็เริ่มสำรวจรอบห้อง สำรวจเตียงนอน ความหรูหราที่อยู่เบื้องหน้าทำให้พิรุณรักหัวใจเต้นแรง เธอมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง แล้วใครพามา
ไวเท่าความคิดเธอเลิกผ้าห่มขึ้นสำรวจตัวเอง แล้วหัวใจก็ตกลงไปอยู่ตาตุ่ม ร่างกายแข็งทื่อ ขยับส่วนล่างดูยิ่งทำให้มือเล็กที่กำผ้าห่มอยู่ในมือสั่นเท่า
เธอนอนกับใคร
พิรุณรักลูบหน้าตัวเองเอามือสางผมแรงๆ มองหาโทรศัพท์และเสื้อผ้าของตัวเองก็พบว่ามันกระจายอยู่ทั่วห้อง
“ไม่จริง” ถึงปากจะบอกว่าไม่จริงแต่ก็เธอพยายามมีสติ อยากออกไปจากตรงนี้ ภาวนาว่าคนที่นอนด้วยคงไม่ใช่ใครสักคนในบริษัทที่เธอทำงานอยู่ ไม่งั้นเธอคงไม่มีหน้าทำงานที่นั่นต่อแน่
ร่างเล็กที่รู้สึกรวดร้าวราวกับเสียงครั้งแรกไป ค่อยๆ เดินลงมาเก็บเสื้อผ้าของตัวเองพยายามกักเก็บน้ำตาไม่ให้ไหลริน
ครั้งแรกก็เสียไปแล้ว คิดอะไรเยอะวะปลายฝน หญิงสาวพยายามปลอบใจตัวเอง
แต่พอนึกได้ว่าชุดของตัวเองเป็นชุดแฟนตาซีที่ใส่ไปงานเลี้ยงเมื่อคืน มันคงไม่เหมาะที่จะใส่ออกไปเดินตอนกลางวันแบบนี้ เลยเลือกที่จะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
ก็เจอกับเสื้อสูทราคาแพงแขวนเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
กลิ่นคุ้นจัง กลิ่นหอมคุ้นเคยทำให้เธอทำหน้าครุ่นคิด แต่ก็คิดไม่ออก มันมีชื่อหนึ่งแวบเข้ามาอยู่ในหัว แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้
พิรุณรักเลิกคิดแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีทึบมาใส่หนึ่งตัว ดีที่มันตัวใหญ่ทำให้เลยเข่าลงไปหลายคืบ
ผู้ชายคนนี้ตัวใหญ่มาก เธอไปส่องกระจกก็ต้องตกใจสภาพของตัวเอง คงต้องล้างหน้าก่อนออกไปไม่งั้นคนอื่นคงคิดว่าเธอโดนรุมโทรมมาแน่ๆ
แต่เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ร่างกายแข็งทื่อ ไม่สามารถก้าวขาที่กำลังจะเดินไปทางห้องน้ำได้
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้นยิ่งทำให้เธอต้องกลั้นหายใจ
“ปลายฝน” แถมชื่อที่ออกจากปากผู้ชายที่อยู่ด้านหลังยิ่งทำให้เธอหลับตาลง ไม่จริง เธอต้องฝันไปแน่ๆ ไม่จริง
“เป็นอะไร” จนเมื่อมีมือมาสัมผัสที่ไหล่ทำให้เธอสะดุ้งสุดแรง
แกริคเดินอ้อมมาข้างหน้าผู้หญิงที่ทำตัวเป็นหุ่นยนต์แข็งทื่อไม่ขยับ
“คุณ” ปากบางพูดละเมอออกมาอย่างแผ่วเบา เธออยากเป็นลมเหมือนครั้งนั้นที่เจอหน้าเขาใกล้ๆ ครั้งแรก
ทำไมเหตุการณ์ครั้งนี้มันเหมือนกับครั้งก่อน ต่างกันแค่ตอนนี้เธอไม่รู้ และเธอเสียตัวจริงๆ
“ตกใจ”
ร่างบางรีบถอยหลังเมื่อได้สติ และคิดได้ว่าเขาเป็นใคร เธอพยายามรวบรวมสติของตัวเองหายใจเข้าออกลึกๆ กำมือแน่นบอกให้หัวใจตัวเองเต้นช้าลง
ตอนนี้เธอกับเขาอยู่ในสถานะเจ้านายกับลูกน้อง เธอไม่ใช่นางบำเรอชั่วคราวของเขาอีกแล้ว เขากล้าทำแบบนี้ได้ยังไง
“ดิฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” รู้ว่ามันเป็นคำถามที่โง่มาก แต่เธอคิดอะไรไม่ออกแล้ว คิดไปต่างๆ นานา คงไม่ใช่ว่าเพื่อนเธอรู้เห็นด้วยหรอกนะ แล้วคนที่งานเห็นรึเปล่า
“ฉันเป็นคนพาเธอมาเอง”
“แล้วคุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ในเมื่อเราก็เคยๆ กันอยู่ คราวนี้ฉันจะให้เธอเยอะกว่าครั้งก่อนก็ได้”
“ครั้งนี้ฉันไม่เต็มใจ” พิรุณรักพูดเสียงแข็ง
“ไม่เต็มใจแต่มันก็เกิดขึ้นแล้วสาวน้อย” แกริคผายมือออกทำท่าทาง ทำให้หญิงสาวเม้มปากแน่น ใช่มันเกิดขึ้นแล้วเธอไม่สามารถดึงกลับมันคืนมาได้
“งั้นฉันขอตัว และฉันไม่เอาเงินอะไรทั้งนั้นเพราะครั้งนี้ฉันไม่ได้ขายตัว” พิรุณรักพูดก็หันไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วหันหลังเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยว จะออกไปทั้งสภาพแบบนี้รึไง” ขาเรียวหยุดชะงัก
“ดีกว่าอยู่ตรงนี้” พิรุณรักไม่รู้ว่าอาการที่เธอเป็นอยู่เรียกว่าอะไร รู้แต่ว่าเธอสับสน สับสนกับการกระทำของเขา หายหน้าไปเกือบสองปี กลับมาก็มาทำกับเธอแบบนี้มันหมายความว่ายังไง
“พิรุณรัก” ร่างบางเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อเต็มๆ
“คะ เจ้านาย” ดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ไม่งั้นเธอคงต้องลางาน
“เธอรู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรกับฉันไว้บ้าง” แกริคคิดว่าไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอีกต่อไป ตลอดเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมาเขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขาต้องการอะไร ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขานอนกับคนอื่นไม่ได้ ทำให้เขาคิดถึงเธอเกือบจะตลอดเวลา ทั้งที่เขาพยายามคิดตลอดว่าอาจจะเป็นเพียงแค่ความหลงชั่วคราว แต่มันไม่ใช่
เธอทำให้เขาเหมือนคนโรคจิต ที่คอยติดตามชีวิตเธอตลอดเวลา แถมยังไม่อยากให้ใครรู้แม้แต่ลูกน้องคนสนิทของตัวเอง จนต้องใช้ลูกน้องเก่าที่อยู่ทางนี้คอยช่วย แกมบังคับว่าห้ามบอกใคร แม้แต่เจ้าตัวเอง
เขารอวันที่จะกลับมาพบเธออีกครั้ง วันที่เธอเรียนจบ และเมื่อคืนมันก็พิสูจน์แล้วว่า เขาต้องการผู้หญิงคนนี้ ถึงขนาดเธอเมาเขายังไม่ห้ามตัวเอง
แต่เมื่อได้กล่าววาจาร้ายกาจใส่เธอไปเขาก็อยากจะตบปากตัวเอง
“ดิฉันทำอะไรให้ท่านไม่ทราบ” ปากบางๆ ที่พูดประชดนั้นมันน่าตบด้วยปากนัก
“พูดเหมือนเดิม พูดกับฉันเหมือนเดิม” เขาย้ำหนักๆ
“ดิฉันไม่ใช่นางบำเรอชั่วคราวของท่านอีกแล้วค่ะ ดิฉันเป็นพนักงานบริษัทท่าน” พิรุณรักไม่เข้าใจความหมายคำว่าเหมือนเดิมของเขา เหมือนเดิมที่เขาว่าคือเธอเป็นนางบำเรอของเขาหรืออะไร
“ฉันรู้”
หญิงสาวเม้มปากแน่น รับรู้สัมผัสที่เกิดขึ้นจากด้านหลัง มือแกร่งจับที่ไหล่ของเธอแล้วหมุนเธอให้หันมาเผชิญหน้า
“รู้แต่ก็ยังทำ” อดไม่ได้ที่จะเอ่ยตัดพ้อเขา
“มาเป็นผู้หญิงของฉัน”
“ไม่ค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธทันทีที่ได้ยินเขาว่าอย่างนั้น ผู้หญิงของเขามันต่างตรงไหนจากนางบำเรอ
“ทำไม”
“ฉัน ไม่ได้ทำอาชีพแบบนั้นแล้วค่ะ คุณหาคนอื่นเถอะ” เขาไม่เคยมองเธอเป็นอื่นเลยใช่ไหมนอกจากผู้หญิงขายตัว
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“แล้วหมายความว่ายังไงคะ อย่าบอกนะคะว่าคุณชอบฉัน” เธอตัดสินใจถามในสิ่งที่คิดว่ายังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้
แกริคชะงักไปกับคำถามของเธอ
“เห็นไหม ฉันนี่ก็บ้าถามในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้นะคะ” พิรุณรักหัวเราะเบาๆ ให้กับความคิดบ้าๆ ของตัวเอง ผู้ชายตรงหน้าอยู่สูงกว่าเธอแค่ไหนเธอรู้ดี และเธอรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้
“เราต่างคนต่างอยู่เถอะค่ะ แต่ถ้าคุณจะให้ฉันลาออกจากบริษัทคุณฉันก็จะออก” เธอก็ไม่อยากอยู่ในสภาพที่อึดอัดแบบนี้เหมือนกัน ถ้าเธอไม่ยอมเขา เขาอาจจะหาเรื่องมากดดันเธอ ซึ่งเธอไม่มีทางยอมแน่
“ไม่ต้อง”
“ขอบคุณค่ะที่กรุณา ฉันขอตัวนะคะ”
“ฉันจะให้แซคไปส่ง”