“แด๊ด นอนดูอาการอีกสักวันสองวันก่อนดีไหมครับ” เกรสันเอ่ยบอกผู้เป็นพ่อเมื่อคนแก่ดึงดันจะออกจากโรงพยาบาล
“ใช่ครับ ให้สมกับที่ผมรีบบินกลับมาดูใจแด๊ดหน่อย”
“นอนกกสาวมันดีกว่ากลับมาดูใจฉันรึไง” สายตาคมตวัดมองไปที่พี่ชาย ที่ลอยหน้าลอยตาไม่รับรู้สายตาที่ส่งมาให้
เรื่องของเขานี่รายงานทุกอย่างจริงๆ
“แด๊ดก็อย่าดื้อสิครับ”
“แกมานอนเฝ้าฉันไหมล่ะ”
“แด๊ด”
“ไอ้พวกลูกเนรคุณ บอกให้ฉันนอนโรงบาลแต่พวกแกไม่นอนเฝ้าฉันสักคน” เจสัน ซีคีเลียโน เอ่ยตัดพ้อลูกชาย
“โถ่ แด๊ดก็มีพยาบาลสาวๆ สวยๆ อยู่เฝ้าแล้วหนิครับ” ทั้งสองคนรู้ว่าบิดานั้นพูดเล่น ถ้าพวกเขาจะนอนจริงๆ ท่านก็คงไม่ให้นอน เพราะมองหน้าพยาบาลสาวสวยยังดีกว่ามองหน้าลูกชายที่ตัวใหญ่ถมึงทึงเหมือนยักษ์ปักหลัก
เจสันปล่อยให้ลูกชายใช้ชีวิตเป็นอิสระในเรื่องของผู้หญิง แต่อย่าให้มีปัญหากับเรื่องงาน ถึงแม้ทั้งสองคนจะมีข่าวเรื่องผู้หญิงไม่เว้นวัน แต่ธุรกิจก็ไปได้สวย
แต่เจสันก็หวังว่าสักวัน ลูกชายทั้งสองคนจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์และเจอผู้หญิงที่ตัวเองรัก เหมือนกับเขาที่แต่ก่อนก็ไม่แพ้ลูกชาย จนกระทั่งมาเจอแม่ของลูกเขาเลยหยุดได้ทุกอย่าง แต่วาสนาคงไม่พอจะใช้ชีวิตด้วยกันจนแก่เฒ่า พิมพ์ประภา ผู้หญิงที่เขารักหมดหัวใจถึงจากไปด้วยโรคร้ายเสียก่อน จนถึงตอนนี้เจสันก็ยังไม่มีใครใหม่เพราะความรักที่มีให้แม่ของลูกเพียงคนเดียว ถึงลูกๆ จะไม่ว่าอะไรยอมให้คนแก่มีความสุขในตอนบั่นปลายชีวิต แต่เขาก็ไม่สนใจ
เพราะได้สัญญากับผู้หญิงที่เขารักแล้วว่าจะมีเธอเป็นภรรยาเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิต
“กลับไปได้แล้วเห็นหน้าพวกแกอาการฉันยิ่งทรุดหนัก”
“น้อยใจเหรอครับ” เกรสันเอ่ยถามคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าล้อเลียน
“วะ แกเห็นฉันเป็นสาวๆ ของแกรึไง”
“ถ้าแด๊ดเป็นสาวๆ ของผม ผมคงจับฟัดให้หายดื้อ”
“ริคเอาพี่ชายของแกออกไป”
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะมาพาออกจากโรงพยาบาล แด๊ดต้องนอนที่นี่อีกหนึ่งคืน” แกริคตัดบท ถึงอาการจะไม่น่าเป็นห่วงแต่เขาก็อยากห่วงไว้ก่อน
การเข้าโรงพยาบาลของเจสันครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เพราะมีคนลอบทำร้าย แต่พวกเขายังหาคนบงการไม่ได้ ศัตรูของตระกูล ซีคีเลียโนมีอยู่ทั่วทุกสารทิศ อาจจะมีใครไม่พอใจจนกล้าลงมือทำอะไรที่ไม่รักชีวิตตัวเองแบบนี้
เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้เขาสองพี่น้องไม่มีทางปล่อยทุกอย่างไปแน่ คนที่ทำร้ายพ่อของพวกเขาต้องได้รับโทษ
“นี่ฉันเป็นพ่อมันหรือมันเป็นพ่อฉันกันแน่” เจสันบ่นลูกชาย
“บ๊ายครับแด๊ด จุ๊บ” เกรสันเข้าไปจูบแก้มของบิดาเบาๆ ทำให้คนโดนจูบถลึงตาใส่แทบไม่ทัน ทั้งสามคนไม่ค่อยได้แสดงความรักต่อกันนัก ตั้งแต่ที่มารดาจากไป แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ารักมาก
“ไปคุยกันหน่อย”
“นายคิดว่าเป็นฝีมือใคร” เกรสันเปิดบทสนทนาก่อนเมื่อทั้งสองกลับมาที่พัก
“ฉันยังไม่แน่ใจ ฉันกำลังให้แซคตามเรื่องนี้อยู่ ไม่ว่ามันจะเป็นใครฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่” แกริคพูดอย่างเคียดแค้น คนที่ทำครอบครัวเขาก่อนพวกมันต้องได้รับกลับคืนเป็นร้อยเท่า ผู้ชายตระกูล ซีคีเลียโน ไม่ได้ใจดีเท่าไหร่นักหรอก ใครๆ ก็รู้
แต่คนที่กล้าลูบคมตระกูลนี้คงไม่รู้อะไรเลย
“ฉันจะช่วยตามอีกแรง”
“อืม”
“ช่วงนี้ก็ระวังตัวหน่อย เพิ่มบอดี้การ์ดให้แด๊ดด้วย”
“ไม่ต้องห่วงฉันจัดการเอง แล้วนายเอาไงต่อ”
“ก็กลับมาทำงานสิ” แกริคพูดโดยไม่แสดงอารมณ์
“ได้ยินว่าติดใจผู้หญิงไทย สวยไหมวะ” แกริคตวัดสายตาไปมองพี่ชาย นึกด่าลูกน้องในใจที่ทำงานได้ดีเยี่ยม
“ฉันไม่ได้ติดใจใครทั้งนั้น บริษัทในประเทศไทยจะเปิดในอีกสามเดือนข้างหน้า นายต้องหาคนไปดูแลที่นั่น” การไปประเทศไทยครั้งนี้แกริคไปเพื่อเจรจาในการเทคโอเวอร์บริษัทที่กำลังล้มเหลว และทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ทีมงานของเขาจะเข้าไปดูแลในอีกสามเดือนข้างหน้า การเปิดตลาดสายเดินเรือในประเทศไทยที่เป็นประเทศเล็กๆ แต่ถ้าตีตลาดได้ดีกำไรก็จะมหาศาล และการหาลูกค้าก็ไม่ยากเกินความสามารถเพราะบริษัทที่เขาเข้าไปเทคโอเวอร์นั้นมีฐานลูกค้าดีอยู่แล้วแต่บริหารเงินได้ไม่ดี
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น”
“งั้นก็กลับไปได้แล้วฉันจะพักผ่อน”
“ไล่กันเลยเหรอวะ”
“ใช่”
“ฉันไปก็ได้ แต่ฉันก็ยังอยากรู้อยู่นะว่าผู้หญิงไทยแบบไหนนะที่ทำให้นายติดใจ” เกรสันพูดทิ้งท้ายแล้วเดินลอยหน้าลอยตาออกไปจากห้อง
ติดใจงั้นเหรอ เขาเคยพูดงั้นเหรอว่าติดใจผู้หญิงคนนั้น ลูกน้องเขาเอาอะไรมาตัดสิน
แกริคเดินเข้าห้องนอนอย่างหัวเสียกับคำพูดของพี่ชาย คนอย่างเขาไม่เคยติดใจผู้หญิงคนไหน ไม่มีใครอยู่กับเขาได้เกินหนึ่งอาทิตย์ เด็กใจแตกคนนั้นก็แค่ทำให้เขามีความสุขมากกว่าคนอื่นมันก็แค่นั้น และหลังจากนี้คงไม่ได้เจอกันอีก
แต่เพียงแค่คิดว่าร่างกายที่เขาครอบครองเป็นคนแรกต้องไปปรนเปรอชายอื่น แค่นั้นก็ทำให้กรามใหญ่บดเข้าหากันแน่น แต่แกริคก็รีบสลัดมันออกไป นั่นมันเรื่องของเธอ ผู้หญิงแบบนั้นคงอยากสบายถึงเลือกทำงานแบบนี้
ร่างสูงใหญ่กำยำที่ปราศจากเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย กายแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามยืนให้สายน้ำชโลมความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นเพียงเพราะคิดถึงร่างกายนุ่มนิ่มที่เขานอนกอดเมื่อไม่นานมานี้
“บ้าน่า” แกริคสบถเบาๆ ให้กับความคิดของตัวเอง ไหนบอกไม่ติดใจไงวะ จะไปคิดถึงทำไม สายตาคมก้มมองแก่นกายที่ขยายใหญ่ขึ้น ภาพความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นในห้องน้ำฉายออกมาจากหัวเขาเป็นฉากๆ จนต้องนำมือไปเกาะกุมมันเอาไว้แล้วสาวขึ้นลง
เสียงหอบหายใจที่ดังสะท้อนเข้ามาในหูทำให้ร่างใหญ่หายใจติดขัดขึ้นเร่งความเร็วชักพาตัวเองไปให้ถึงจุดหมายเงยหน้าขึ้นคำรามอย่างสุขสม
“อ๊า ชิบ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” แกริคสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้ พิรุณรักร่ายมนตร์อะไรใส่เขาทำไมเธอถึงมีอิทธิพลกับเขามากขนาดนี้
ร่างสูงใหญ่เดินพันผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ว่าไงแซค”
(เรารู้แล้วครับว่าใครเป็นคนทำ) คำพูดของลูกน้องทำให้แกริคมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“ใคร”
(มอร์แกน เมสัน) แกริคไม่แปลกใจเลยสักนิดกับชื่อคนที่คิดทำร้ายครอบครัวของเขา มอร์แกน เมสัน ศัตรูหมายเลขหนึ่งของเขา คนที่คิดอยากเอาชนะเขาทุกอย่างตั้งแต่สมัยเรียนแต่ไม่เคยชนะได้เลยสักครั้ง แกริคพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเขาเคยทำอะไรให้มอร์แกนรึเปล่า ถึงได้เคียดแค้นเขาขนาดนี้
มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ต้องปะทะกันในสมัยเรียนแต่มันก็ไม่เคยร้ายแรงถึงขนาดเอาชีวิต จนกระทั่งตอนนี้มันคิดจะเอาชีวิตคนในครอบครัวเขา คงไม่อยากตายดี
“มีรายละเอียดที่ลึกว่านี้ไหม”
(มีครับ นายมอร์แกนหันมาจับธุรกิจเดินเรือเหมือนกับเรา และได้เข้าไปเจรจากับลูกค้าทางฝั่งสิงคโปร์ซึ่งเป็นเจ้าเดียวกันกับเราแต่ลูกค้าได้เลือกบริษัทเราเป็นคู่ค้า นายมอร์แกนเลยแค้นครับ” แกริคพยักหน้าเข้าใจ