“กร” แกริคต่อสายหาคนที่จัดหาผู้หญิงคนนี้มาให้
(ครับ)
“คนของนายเป็นลม” แกริคพูดอย่างหัวเสีย ตาคมก็ปรายมองร่างบางที่นอนหมดสติ อารมณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ดับลงเหมือนมีคนเอาน้ำมาราด
(คุณทำรุนแรงกับเธอเหรอครับ)
“ไม่ใช่ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย แม่คุณก็เล่นสลบไปซะงั้น”
(สลบได้ยังไงครับ) ใจจริงกรวิทย์อยากจะหัวเราะแต่ก็กลัวจะโดนดี
“ไม่รู้” แกริคไม่คิดหรอกว่าเธอจะกลัวเขาแล้วเป็นลม เพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเป็นแบบนั้น
(จะให้ผมพาตัวเธอออกมาไหมครับ แล้วให้คนใหม่ขึ้นไป) แกริคยังจ้องร่างบางไม่ละสายตา เขาชั่งใจคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่ต้อง”
(แล้ว)
“ไม่มีอะไรแล้ว แค่นี้แหละ” แกริควางโทรศัพท์ไว้ที่หัวเตียงแล้วเดินกลับมาหาร่างบาง
เขายังสงสัยตัวเองว่าทำไมไม่พาเธอออกไป แล้วจะเอายังไงต่อ
“บ้าน่า” ความคิดบ้าๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องสบถอีกครั้ง
เขายังไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้หญิงคนไหน เพราะแค่ปลดปล่อยแล้วก็จากลากันไป แต่กับเธอคนนี้ ไม่ใช่
เพราะเธอยังไม่ทำหน้าที่ของตัวเองต่างหาก และมันจะแปลกอะไรถ้าคนแบบเขาจะมีผู้หญิงนอนด้วยสักคืน เขาโต้แย้งความรู้สึกตัวเอง
ร่างใหญ่ขยับตัวขึ้นไปบนเตียงจับร่างบางให้เข้าที่เข้าทาง ห่มผ้าให้เธอแล้วเขาก็นอนลงแต่ก็ไม่ได้ดึงเธอเข้ามากอด
พิรุณรักลืมตามองเพดานสีขาวที่ตกแต่งด้วยโคมไฟสวยงาม นอนทบทวนสิ่งต่างๆ ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเกิดอะไรขึ้น พอคิดได้ก็ตกใจ รีบมองสำรวจรอบๆ ก็เจอกับความว่างเปล่า
เขาไม่อยู่แล้ว แล้วเมื่อคืนเธอได้ทำหน้าที่ของตัวเองไหม เกิดความสงสัยเธอจึงรีบสำรวจร่างกายตัวเอง ปรากฏว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
พิรุณรักตบหน้าผากตัวเองแรงๆ สองสามทีกับความซื่อบื้อ และความตื่นเต้นเกิดเหตุของตัวเองจนเป็นลมไป ความตั้งใจทั้งหมดกลับพังไม่เป็นท่า แล้วถ้าเกิดว่าเขาไม่ต้องการเธอแล้วจะทำยังไง
ยิ่งฟังคำของเพื่อนแล้วเธอยิ่งคิดหนัก หทัยรัตน์บอกว่า คุณกรบอกให้เธอมาอยู่กับแกริคทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี พอเสร็จทุกอย่างก็ออกจากห้องทันทีจะไม่มีการนอนค้างคืนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเขาจะไม่นอนร่วมเตียงกับผู้หญิงคนไหน
แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงยังอยู่ที่นี่ แถมในสภาพที่ไม่ได้โดนกระทำใดๆ ทั้งสิ้น
แกร็ก
เสียงเหมือนมีใครเปิดประตูเข้ามาทำให้พิรุณรักได้สติ หันไปมองทันที ภาวนาว่าอย่าให้เป็นคนที่เธอคิด แต่คำภาวนาของเธอก็ไม่เป็นจริงเมื่อคนที่เปิดประตูเข้ามาคือคนที่ทำให้เธอตื่นเต้นจนเป็นลม
แกริคมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้เขาอยากจับเธอฟัดข้อหาที่ทำให้เขาอดไปเมื่อคืน ยิ่งตอนนี้ทั้งห้องสว่างไปทั่วยิ่งทำให้เห็นร่างบางชัดเจนขึ้น
พิรุณรักเองเธอก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกเมื่อเขาเล่นจ้องเธอขนาดนั้น เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร หรือทำตัวยังไง เธอควรออกมาจากห้องเลยไหม
และตอนนี้เธอกำลังหน้ามืดตามัวหัวใจเต้นโครมครามกับความหล่อออร่าของคนตรงหน้า และยิ่งได้สำรวจเขาเต็มๆ ตาแบบนี้เขาดูดียิ่งกว่าในหนังสือพิมพ์ แม้ตอนนี้เขาอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีขาวเลยเข่าลงมานิดหน่อยกับเสื้อเชิตสีฟ้าแขนสั้นสีขาวแบรนด์ดัง เขายังดูดีมีเสน่ห์
“จ้องแบบนี้คงอยากทำหน้าที่ของตัวเอง” แกริคพูดขึ้นเมื่อโดนสำรวจร่างกายคืนบ้าง หลังจากที่เขาคิดไปเองเมื่อคืนว่าเธออาจกลัวเขา คงไม่ใช่แล้วแหละ เพราะตอนนี้แม่คุณเล่นจ้องเขาเหมือนจะกลืนกินไปทั้งตัวแบบนั้น
“คะ?” พิรุณรักที่ยังจับสติตัวเองไม่ได้ร้องถามเบาๆ อย่างงงๆ
“จะอยู่บนเตียงหรือจะออกไปทานข้าว” นี่มันก็สายมากแล้ว เลยเวลาอาหารเช้ามาเกือบชั่วโมง แม่คุณยังนั่งเหมือนจะไม่ยอมลุกไปไหน
“คะ?” พิรุณรักยังงงๆ กับคำถามของเขา แต่พอเมื่อได้สติทบทวนคำถามของเขาอีกรอบในใจเธอก็รีบเด้งตัวลุกขึ้น
“ขอโทษค่ะ” เธอขอโทษเขาก้มหัวให้เล็กน้อย เธอไม่ได้ขอโทษเรื่องเมื่อครู่แต่เธอตั้งใจจะขอโทษเรื่องเมื่อคืน ที่ทำอะไรน่าอายแบบนั้น
“เรื่องอะไร” แกริคทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
เริ่มคิดขึ้นมาแล้วว่าวันหยุดยาวของเขาตลอดหนึ่งอาทิตย์คงไม่มีอะไรน่าเบื่อแล้วล่ะ
“คือ..”
“ถ้าคิดออกแล้วก็ออกมาข้างนอก” แกริคหันหลังเดินออกจากห้องก่อนที่เธอจะพูด ทำให้พิรุณรักได้แต่อ้าปากค้างตามหลังเขา เธอตั้งสติอีกรอบ และคิดว่าตัวเองควรออกไปจากห้องนี้ ออกไปตั้งหลักและขอคำปรึกษาเพื่อน ว่าเธอควรทำยังไงต่อ เธอยังต้องทำหน้าที่ของตัวเองไหม
เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอก็เดินออกมาจากห้องและตรงไปยังประตู แต่เมื่อคิดได้เธอควรจะบอกเขาสักหน่อยเพื่อที่จะดูไม่น่าเกียจเกินไป
“เอ่อ..คือ..ฉันขอตัวนะคะ ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อคืน” ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจพูดขอโทษเขาออกไปตรงๆ พิรุณรักไม่กล้ามองหน้าเขาที่กำลังจ้องเธอด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นเขาเงียบเธอก็เดินหันหลังตรงไปยังประตูทันที
“ทำหน้าที่ของตัวเองแล้วรึไงถึงจะออกจากห้อง” แต่เสียงแกริคก็เรียกให้เธอหยุดนิ่งอยู่กับที่ซะก่อน แล้วค่อยๆ หันกลับไปมองเขา
“คะ?” ตอนนี้พิรุณรักคิดว่าตัวเองเหมือนคนโง่ที่คิดอะไรไม่ออก เพราะต้องถามเขาซ้ำเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ทั้งที่ตัวเองเข้าใจ แต่ก็อยากได้ยินให้แน่ใจ
แกริคถอนหายใจออกมากับผู้หญิงคนนี้ นี่เธอซื่อบื้อหรือแกล้งทำเป็นใส่ซื่อไม่เข้าใจความหมายของเขากันแน่ แต่ก็แค่แป๊บเดียวเขาก็ตีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิม ได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ แล้วนั่นแม่คุณไม่ดูชุดตัวเองเลยรึไง ถ้าเล่นเดินออกจากห้องไปลูกน้องเขาได้จ้องตาเป็นมันแน่
“กรวิทย์ไม่ได้บอกเงื่อนไขกับเธอเหรอ”
“คือ บอกค่ะ แต่ฉันคิดว่าคุณคงไม่ต้องการแล้วเพราะฉัน..” พิรุณรักตอบกลับเขาเสียงเบาและพยายามอธิบายให้เขาฟัง
“ใครบอกเธอ” แกริคพูดขัดขึ้นก่อนที่เธอจะพูดจบ
“คือ…”
“ถ้ายังไม่ทำหน้าที่ของตัวเองก็ไม่มีสิทธิ์ออกจากห้อง และเธอก็ต้องอยู่กับฉันตลอดหนึ่งอาทิตย์ลืมรึไง” นี่เป็นกฎใหม่ที่เขาตั้งขึ้นสดๆ ร้อนๆ และต้องมาพูดข้อตกลงให้กับผู้หญิงที่เป็นคู่นอนฟัง
“เข้าใจรึเปล่า” เขาต้องถามย้ำเมื่อเธอยังไม่ตอบรับ ผู้หญิงตรงหน้าทำไมถึงดึงดูดเขาได้ขนาดนี้ ทำให้เขาต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ
“เข้าใจแล้วค่ะ” พิรุณรัก รีบเข้าใจทันทีเมื่อเจอเสียงเข้มๆ ดุๆ ของเขา
“อายุเท่าไหร่” แกริคอดไม่ได้ที่จะถามอายุเธอ เพราะหน้าเธอเด็กมากกลัวว่าตัวเองจะพรากผู้เยาว์เอา
“คะ?”
“ทำไมต้องให้พูดซ้ำ” ที่ต้องถามซ้ำครั้งนี้เพราะอยู่ดีๆ เขาก็ถามอายุเธอ เธอไม่คิดว่าเขาจะถาม
“21 ค่ะ” เมื่อกลัวว่าเขาจะดุอีกเธอก็รีบตอบทันที
แกริคพยักหน้าอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พรากผู้เยาว์
“มานั่งนี่” เขาเรียกให้เธอไปนั่งข้างๆ พิรุณรักชั่งใจคิดก่อนจะยอมเดินเข้าไปหาเขา
“ชื่ออะไร” นี่เป็นครั้งแรกที่แกริคถามชื่อคู่นอนที่ลูกน้องจัดหามาให้
“พิรุณรักค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว ไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้าเพราะแค่นี้ใจเธอก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าเธอจะมีวันนี้จริงๆ วันที่ได้มานั่งคุยกับเขาผู้ชายในฝันของเธอ ถึงแม้เธอจะนั่งอยู่ตรงนี้ในฐานะนางบำเรอก็ตาม
“ชื่อเล่น”
“ปลายฝนค่ะ”
“ฉันคงไม่ต้องแนะนำตัว”
“ค่ะ คุณแกริค” แกริคพยักหน้าพอใจ อย่างน้อยเธอก็รู้จักเขา ไม่ใช่สิ เธอต้องรู้จักเขาอยู่แล้ว
“มานั่งนี่” แกริคเรียกเธอให้ขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง พิรุณรักตกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าเขาจะให้ทำอะไรแบบนั้น
“ทำไมไม่มา” เมื่อเห็นสาวเจ้านิ่ง เขาจึงเอ่ยถาม ทำให้พิรุณรักได้สติ ค่อยๆ ขยับตัว เธอจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง
“ทำงานแบบนี้อยู่แล้วยังต้องกลัวอะไรอีก” เมื่อเห็นว่าเธอไม่กล้า แกริคจึงดึงเธอขึ้นมาซะเอง
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำเป็นเขินอายทั้งที่น่าจะถนัดเรื่องแบบนี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่รับงานนี้
พิรุณรักเมื่อขึ้นมานั่งบนตักแกร่งเธอก็ตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
“อย่าเกร็ง อย่าทำให้ฉันคิดว่าเธอกลัว” แกริคลูบหลังเธอขึ้นลงเบาๆ
นึกสถบอยู่ในใจ กรวิทย์หาผู้หญิงประเภทไหนมาให้เขากัน ทำไมถึงทำท่าทางเหมือนไร้เดียงสาขนาดนี้ แต่พอมาคิดดู ถ้าเป็นคนอื่นเขายังจะให้เธออยู่ห้องนี้ต่อไหม คงไม่