66 – เบื้องหลังข่าวลือ
หลังจากเข้ามาภายในถ้ำ ทั้งคู่เดินต่อไปข้างหน้า เห็นได้ชัดว่ามาร์ลีนยังไม่ลดท่าททีระแวงของเธอ ไม่เพียงแต่เธอยังร่ายเวทย์เกราะไว้เท่านั้น แต่เธอยังเดินชิดกับโรดส์ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ มือขวาของเธอเกาะไปที่ชายเสื้อของโรดส์ตลอดเวลา ม่านตาของเธอมองซ้าย-ขวาไปมา เพื่อค้นหาการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ การเฝ้าระวังในระดับนี้ แม้แต่ชายชุดดำก็ไม่อาจหลบเลี่ยงไปจากสายตาของเธอได้
“คุณโรดส์ ที่นี่จริงๆเหรอ?” มาร์ลีนถามหลังจาดสูดลมหายใจเข้าไป อากาศเย็นทำให้หนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง
หลังจากที่พวกเขาเดินเข้ามาลึกภายในถ้ำ ภายในเริ่มหนาวเย็นมากขึ้น โรดส์ยังค่อนข้างสงสัยเพราะเขาไม่เคยำภารกิจนี้มาก่อน ในเวลานั้น เขามุ่งเป้าไปที่การค้นหาศักยภาพของนักดาบอัญเชิญอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มาทำภารกิจนี้
สาเหตุที่เขารู้เกี่ยวกับก้อนหินแห่งความโศกเศร้าเพราะเขาอ่านการผจญภัยของผู้เล่นคนอื่นในหน้าฟอรั่ม ผู้เล่นเหล่านั้นโพสต์ภาพถ่ายประสบการณ์ของพวกเขา รวมถึงสิ่งของที่ได้รับเมื่อจบภารกิจ ความตั้งใจของเขาคือการเปิดเผยภารกิจ ก่อนหน้านี้ไม่มมีใครคิดว่าการฟังนักกวีร้องเพลงจะได้รับการเปิดภารกิจลับ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจึงทำให้ผู้เล่นมากมายพยายามค้นหาเนื้อเรื่องและข้อสังเกตเมื่อเสาะหาภารกิจลับอื่นๆ
สถานการณ์ในตอนนี้เป็นเหมือนกับที่เขาพบในโพสต์บนฟอรั่ม แต่ในตอนนั้นผู้เล่นเขียนว่า “หลังจากผมเดินผ่านถ้ำไปสักพัก….”
…จบที่นั่นรึ
แล้ว…‘สักพัก’ นี่นานแค่ไหน?
มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้
มันอาจจะไม่นานมาก ไม่อย่างนั้น ผู้เล่นคนนั้นคงไม่เขียนว่า ‘สักพัก’
บ้าเอ้ย! อาจจะผิดพลาดที่ไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับภารกิจนี้
เขาพูดสิ่งเหล่านี้ในใจ ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งสองสังเกตเห็นบางอย่างเปลี่ยนไป
แสงสว่างส่องมาที่ดวงตาของพวกเขา ขณะที่พวกเขาเดินออกจากถ้ำแคบ
พวกเขาพบพื้นถ้ำที่กว้าง หินย้อยมากมายอยู่ตามพื้น มีน้ำหยดมาบ้างบางครั้ง ผนังถ้ำที่เปียกสะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านรูถ้ำมากมาย แม้แต่ต้นไม้ที่อยู่ในมุมมืดยังพยายามยืดต้นอ่อนออกไปรับแสง
“สวยงามมาก…”
โรดส์เห็นถาพตรงหน้า เขาไม่ได้แปลกใจ แต่สำหรับมาร์ลีน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ มันไม่ได้มืดและน่ากลัวอย่างที่เธอคิดไว้ มันมีเสน่ห์และงดงามในตัวเอง
มาร์ลีนกำลังดื่มด่ำกับพลังของธรรมชาติที่งดงาม ในขณะที่โรดส์จับจ้องไปบนก้อนหินก้อนใหญ่mujvp^j[ornho
ก้อนหินก้อนนี้ตรงกับที่โรดส์เคยเห็นในฟอรั่ม
หินงอกกลับหัวขนาดใหญ่ถูกแกะสลักเป็นหินราบเรียบและมีหลายชื่อสลักอยู่บนนั้น มันเป็นชื่อของโจรที่ถูกฆ่าตาย หลังจากการตายของพวกเขา พวกเขาถูกฝังอยู่ที่นี่ภายใต้หลุมศพของคนทั่วไป
“พวกเขาแฝงตัวในตอนกลางคืนและตายภายใต้ความมืดมิด แต่พวกเขานำแสงสว่างมาสู่พวกเรา”
โรดส์พึมพำข้อความที่ถูกจารึกไว้เหนือหลุมศพ เขาโค้งคำนับและมองไปยังด้านหลังของหิน
เวลาผ่านไปนาน หลุมศพสูญเสียรูปลักษณ์เดิมของมัน ถ้าไม่ใช่เพราะกองหินก้อนเล็กๆที่เรียงตัวอย่างสวยงาม คงไม่มีใครคิดว่านั่เป็นหลุมศพ
“ฉันควรทำอะไรต่อไปเหรอ คุณโรดส์? คุณคงไม่ได้ให้ข้ามาเป็นโจรปล้นสุสานหรอกใช่ไหม?” มาร์ลีนถามโรดส์ด้วยความกังวล ไม่ว่าอย่างไร การขุดสุสานไม่ใช่สิ่งที่เหล่าขุนนางควรทำ
“แยกกันไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณนี้”
โรดส์พบที่ตั้งของสมบัติแล้วเพราะเขาจดจำเนื้อหาของรูปที่ผู้เล่นโพสต์ไว้ในฟอรั่มได้อย่างชัดเจน แต่เขาไม่โง่พอที่จะเดินเข้าไปยังสถานที่เก็บสมบัติและลงมือขุด นั่นเพราะจะทำให้มาร์ลีนสงสัย เขาไม่อยากสร้างเรื่องปวดหัวเพิ่ม เขาจึงตัดสินใจทำตามวิธีปกติ
มาร์ลีนโล่งใจ เมื่อเธอได้ยินว่าโรดส์ไม่ได้สั่งให้เธอขุดหลุมศพ เธอพยักหน้าและหันไปด้านซ้ายของถ้ำ ในขณะที่โรดส์สำรวจทางด้านขวา เมื่อมาถึงจุดนี้ โรดส์อดสงสัยไม่ได้ว่าที่นี่แตกต่างอะไรไปจากในเกมหรือไม่
แต่เมื่อเขาเห็นหีบฝุ่นที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ที่มุมห้อง ในที่สุดโรดส์ก็โล่งอก
เขาเดินไปที่หีบและก้มลงศึกษาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา
ด้วยอำนาจของกาลเวลา ด้านบนของหีบหนาเตอะไปด้วยฝุ่น โรดส์ยื่นมือออกมาอย่างแผ่วเบาและปัดฝุ่นออกจากฝาด้านบน จากนั้นเขาตบไปที่จุดต่างๆอย่างชำนาญ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่โดนกับดัก หลังจากนั้นเขาจับฝาและเปิดมันออก
เอี๊ยดดดด….ฝุ่งกระจัดจายไปทั่วทุกที่เมื่อเขาเปิดฝาหีบออก มันส่งเสียงคล้ายกับบานพับประตูที่ขึ้นสนิม หลังจากที่เป่าไล่ฝุ่นออก หัวใจของเขาเต้นโครมครามด้วยความดีใจ
ภายในหีบมีอาวุธที่ถูกซ่อนไว้โดยพวกโจร ส่วนใหญ่พวกมันจะขึ้นสนิมและผ่านการทดสอบโดยกาลเวลา อย่างไรก็ตาม มีอาวุธบางชิ้นที่ส่องประกายแวววาวกว่างชิ้นอื่น ราวกับพวกมันเป็นของใหม่ นี่คือคุณลักษณะของอุปกรณ์เวทมนตร์
[เขี้ยวที่แตกหัก(กริช) อุปกรณ์เวทมนตร์(ยอดเยี่ยม) เมื่อโจมตีเป้าหมาย มีโอกาส 30% ทำให้เกิดอัมพาต 3 วินาที]
[ธนูพงไพร(คันธนู) อุปกรณ์เวทมนตร์(ยอดเยี่ยม) สามารถใช้พลังวิญญาณเพื่อใช้ความสามารถฮอว์คอาย 1 ชั่วโมง]
[หัวใจศิลา(โล่) อุปกรณ์เวทมนตร์(หายาก) เมื่อถูกโจมตี มีโอกาสใช้งาน ‘ร่างเหล็ก’ และดูดซับความเสียหาย 4,000 แต้ม , เพิ่มความสามารถในการต้านทานเวทมนตร์ 10%]
[คำสัตย์แห่งหมาป่า(ดาบ) อุปกรณ์เวทมนตร์(ยอดเยี่ยม) เมื่อโจมตีเป้าหมาย มีโอกาสทำให้อีกฝ่ายติดสถานะเลือดไหล , เพิ่มความเสียหาย 30%]
ในหีบ โรดส์พบอุปกรณ์เวทมนตร์ 4 ประเภท เขายังพบกระเป๋ามิติซึ่งทำให้เขาดีใจมาก กระเป๋ามิติมีราคาแพงมากและหาได้ยาก ในเกม ผู้เล่นทั้งหมดได้รับมาคนละใบโดยอัตโนมัติ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันมีราคาแพงมาก
หลังจากเกิดเหตุเรือบินตก เขาได้ถามแมทเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในตอนแรกเขาตั้งใจจะซื้อจากแมทสักใบ แต่แมทบอกเขาว่ากระเป๋ามิติส่วนใหญ่อยู่กับจอมเวทย์ เนื่องจากกระเป๋ามิติเป็นเวทย์ระดับสูง บางทีคนทั่วไปอาจจะไม่สามารถใช้มันได้ตลอดชีวิต
แม้แต่พ่อค้านักเดินทางอย่างแมทยังไม่สามารถหากระเป๋ามิติได้ บางทีอาจจะมีเพียง 4-5 คนเท่านั้นในเมืองดีพสโตนที่มีกระเป๋านี้ โรดส์รู้มาว่าเซเร็คและมาร์ลีนมีกันคนละใบ สำหรับเด็กสาวผู้น่าสงสาร เธอคิดว่าการผจญภัยของเธอไม่ได้ยาวนานจึงไม่ได้หยิบมาด้วย เสื้อคลุมของมาร์ลีนเองก็มีคุณสมบัติคล้ายกัน แต่มันไม่สามารถจุของได้มากเท่ากระเป๋ามิติ
โรดส์อยากได้มานานแล้วตั้งแต่เขามาถึงโลกใบนี้ ย้อนกลับไปในเกม เหล่าผู้เล่นในเกมโยนกระเป๋ามิติระดับต่ำที่มีช่องว่าง 10 ช่องโดยที่ไม่มีใครต้องการมัน แต่ตอนนี้แม้แต่กระเป๋ามิติที่มีช่องว่าง 4 ช่องสำหรับมือใหม่ เขายังไม่มีมันเลย…ช่างน่าสงสาร
แม้ว่าเขาจะคิดไว้แล้วว่าของที่เขาได้รับจะค่อนข้างดี มันดีเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก! ในตอนแรก เขาวางแผนจะตามหาอุปกรณ์ที่คล้ายกับของพวกนี้ แต่ของพวกนั้นอยู่ในดันเจี้ยนถัดไป อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้รับพวกมันมาทั้งหมดโดยไม่ต้องต่อสู้กับศัตรู! บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ภารกิจนี้น่าดึงดูดใจ ไม่เหมือนภารกิจทั่วไป ภารกิจลับจะทดสอบความฉลาดและการสังเกตของผู้เล่น
โรดส์เก็บของทั้งหมดที่เขาพบใส่ลงไปในกระเป๋ามิติโดยไม่สนใจสิ่งใด หลังจากตรวจสอบหีบทั้งใบแล้ว เขาเห็นเศษผ้าซ่อนอยู่ใต้หีบ แต่ในตอนนี้โรดส์รู้สาเหตุแล้วว่าทำไมโพสต์นี้ถึงถูกกระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ต
[ผู้สงสารเงา(เสื้อคลุม) อุปกรณ์เวทมนตร์(ลึกลับ) เมื่อสวมใส่ สามารถปกปิดตัวตนได้ถึง 70% , คุณสมบัติ ‘ซ่อนตัว’]
เสื้อคลุมนี้เป็นอุปกรณ์ระดับ ‘ลึกลับ’ ชิ้นแรกที่เขาพบในโลกใบนี้ อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นไอเทมที่เหล่าสายลับ โจร นักฆ่าหรือเรนเจอร์ ‘ต้องมี’ ในเกม ณ โรงประมูล ราคาของมันสูงถึง 25,000,000 เหรียญทอง และไม่เคยต่ำลงมาเลย นอกจากอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับ ‘โบราณ’ มันมีอุปกรณ์ชิ้นไหนดีไปกว่านี้แล้ว
นอกจากนี้ เสื้อคลุมนี้มีเพียง 10 ชิ้นเท่านั้นใน Dragon Soul Continent ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของกลุ่มนักฆ่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีผู้เล่นคนหนึ่งได้รับผ้าคลุมนี้ เขาสามารถผ่านการทดสอบการเป็นนักฆ่าได้ทันที ส่วนที่เหลือต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์และผ่านภารกิจมากมายเพื่อให้ได้มา แต่พวกเขาก็ทำไม่สำเร็จ
และตอนนี้ สิ่งประดิษฐ์ระดับตำนานชิ้นนี้ก็มาอยู่ในเงื้อมมือของเขา
น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่โจร ด้วยเหตุผลนี้ทำให้มูลค่าของเสื้อคลุมนี้ลดลงอย่างมาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
เมื่อโรดส์กำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บของ มาร์ลีนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของถ้ำ เธอมองไปยังส่วนที่แปลกของถ่ำด้วยความสงสัย
“นี่อะไรเนี่ย?” เธอพึมพำกับตัวเอว
กำแพงที่เธอมองอยู่นั้นถูกห่อด้วยเถาวัลย์ ซ่อนสิ่งที่อยู่ด้านในไว้ เธอยกไม้คทาขึ้นอย่างระมัดนะวังและร่ายเวทย์เพื่อแก้เถาวัลย์
เมื่อเถาวัลย์สลายตัวออก สิ่งแรกที่เธอเห็นคือใบหน้า
“กรี๊ด!”
มาร์ลีนกรี๊ดออกมาเบาๆและโบกไม้คทาไปมา หลังจากนั้น เธอเห็นว่ามันเป็นเพียงรูปปั้น
รูปปั้นแสดงให้เห็นชายหนุ่มที่มีศักดิ์ศรีอยู่ในชุดเกราะเต็มยศและถือดาบไว้ในมือ แม้ว่ามันจะค่อนข้างเก่า แต่รูปปั้นนี้ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์และทำให้ดูมีกำลังใจ
“นี่มัน…รูปปั้นจากยุคฟาซิคาร์ลไม่ใช่รึ?”
ความสงสัยของมาร์ลีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เธอเดินตรงไปและตรวจสอบรูปปั้น จากนั้นเธอยื่นมือออกไปแตะที่ใบหน้าของมัน
และในขณะนั้น เสียงของโรดส์ดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้น มาร์ลีน? คุณพบอะไร?”
“เอ๊ะ?”
มาร์ลีนแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงโรดส์เรียกเธอ ในขณะนั้นเธอหมุนตัวกลับ มีเสียงดังออกมาจากรูปปั้น ทั้งคู่ตกใจเพราะใบหน้าของรูปปั้นหดตัวลง ดวงตาของมันสว่างขึ้น! จากนั้นรูปปั้นกลิ้งไปมาบนพื้นและฟันเถาวัลย์ขาดด้วยดาบของมัน
“อะไรกั-….มาร์ลีน! ระวัง! มาทางนี้!”
โรดส์ตกใจอย่างมากเพราะเขาจำไม่ได้ว่ามีสิ่งนี้ในโพสต์ และเห็นได้ชัดว่านี่เป็นถ้ำโดยธรรมชาติ จะไปมีรูปปั้นได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีเวลาคิดแล้วและรีบดึงมาร์ลีนกลับมาด้านหลังและชักดาบออกมาทันที
บ้าเอ้ย…มันไม่น่ามีสิ่งมีชีวิตแปรธาตุที่นี่ได้สิ จริงไหม?
อย่างไรก็ตาม ตรงกันข้ามกับสิ่งที่โรดส์คิด รูปปั้นพวกนี้ไม่ได้โจมตี มันเก็บดาบไปด้านหลังและเงียบลง
ต่อมา เสียงต่ำๆดังกึ่งก้องไปทั่วถ้ำ
ครืดดด…กำแพงหินที่อยู่ถัดจากรูปปั้นเริ่มสั่นไหว จากนั้นมันเริ่มเอียงไปด้านข้าง เผยให้เห็นทางเดินสูง 3 เมตร
“…”
โรดส์และมาร์ลีนมองหน้ากันอย่างไร้คำพูด
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?