Summoning the Holy Sword 63

ตอนที่ 63

63 – ไปด้วยกัน

 

หลังจากทุกสิ่งจบลง งานเลี้ยงกลับมารื่นเริงอีกครั้ง นั่นเพราะการกระทำที่กล้าหาญของโรดส์ เหล่าขุนนางที่เคยสงสัยในตัวเขาต่างเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับตัวเขา เนื่องจากความสัมพันธ์ของอาณาจักรมันน์และประเทศแห่งแสงไม่อาจคืนดีกันได้ และโรดส์ได้ดูถูกทูตที่พวกเขาส่งมา เหล่าขุนนางจึงมองว่าโรดส์เป็นพวกเดียวกับตน หลังจากนั้นทุกคนจึงคิดไปว่า ศัตรูของศัตรูคือมิตร

 

การได้รู้จักกับเซเร็คและมาร์ลีนช่วยทำให้ชื่อของโรดส์โด่งดังขึ้นไปอีก หนึ่งในนั้นเป็นยอดนักดาบที่มีชื่อเสียงในเมืองดีพสโตน และอีกคนเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเซเนีย และยังเป็นจอมเวทย์อัจฉริยะ เมื่อพวกเขายอมรับในตัวโรดส์ นั่นทำให้เขามีคุณสมบัติเพียงอพที่จะยืนเคียงข้างพวกเขา

 

ต่อจากนี้ไป คนเหล่านี้จะไม่ทำเรื่องให้เขาลำบากใจ เนื่องจากไม่ใครโง่พอที่จะสร้างปัญหากับอสูรกาย

 

ดังนั้นหลายต่อหลายครั้งที่เหล่าขุนนางเข้ามาดื่มให้กับโรดส์และพูดคุยกับเขาเล็กน้อย นอกจากนี้เขายังสัมผัสได้ถึงสายตาแอบมองจากหญิงสาวร่ำรวยหลายคนที่หวังจะใช้เวลาในช่วงค่ำคืนกับเขา การกระทำตามใจตนเองไม่ใช่เรื่องแปลกในสังคมของพวกขุนนาง หญิงสาวร่ำรวยเหล่านี้มักชอบหาความสุขจากหนุ่มหล่อ เหมือนกับผู้ชายที่อยากมีความสุขกับสาวงาม

 

น่าเสียดาย ก่อนที่หญิงสาวเหล่านี้จะเข้าถึงตัวโรดส์ สายตาเย็นชาของมาร์ลีนเริ่มทำงานขึ้นมาทันที

 

“หน้าด้าน”

 

เด็กสาวอีกคนที่อยู่ในชุดสวยงามหน้าแดง ก่อนจะเดินจากไป มาร์ลีนตะโกนและยกแก้วขึ้นจิบไวน์ ในฐานะขุนนางคนหนึ่ง มาร์ลีนรู้ดีว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไร

 

“ผมขอถามหน่อยนะ…มาร์ลีน นี่คุณมาดื่มกับผมหรือมาเป็นคนคุ้มกันของผมเนี่ย?”

 

เมื่อโรดส์อยู่ข้างมาร์ลีน เขารู้ว่าเธอกำลังทำอะไร เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับเขามาก ก่อนที่จะถูกส่งมาที่โลกนี้ โรดส์มีแฟนหลายคน แต่เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบนั้นมาก่อน โรดส์จึงไม่สนใจเรื่องนี้ หลังจากปล่อยให้มันเป็นเรื่องธรรมชาติและบางคนรู้สึกว่าโรดส์สวยงามกว่าพวกเธอ และเลือกที่จะออกไป

 

ดังนั้นสำหรับโรดส์จึงค่อนข้างเปิดกว้างสำหรับเรื่องนี้ ถ้าคนอื่นยินดี เขาก็ไม่รังเกียจที่จะสนุกไปกับสิ่งเหล่านั้น แม้ว่าในขณะนี้จะมีสาวสวยสองคนนั่งอยู่ข้างเขา…อย่างที่มีคนบอกไว้ สุนัขจิ้งจอกจะกินเหยื่อที่อยู่ไกลก่อน โรดส์ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้กับพวกเธอ ประโยชน์ของความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนคือต่อจากนั้นไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน

 

“อะไรกัน? นี่คุณสนใจผู้หญิงพวกนั้นเหรอ?”

 

มาร์ลีนพูดและเงยหน้าขึ้น ขณะที่ชี้ไปยังเหล่าหญิงสาวที่ร่ำรวยขึ้นด้วยความตกใจ หลังจากสังเกตเห็นว่ามาร์ลีนมองพวกเธอ พวกเธอรีบกระจายหัวและหายไป

 

“อย่างน้อยคุณก็น่าจะมีตัวเลือกให้ผมบ้างนะ”

 

“…อ่อนหัดจริงๆ”

 

มาร์ลีนมองไปยังโรดส์ด้วยแววตาราบเรียบ แต่เขาไม่ได้สนใจอะไร

 

“มาร์ลีน….มันจะไม่ดีกว่าเหรอ นี่มันเป็นชีวิตส่วนตัวของคุณโรดส์นะ…”

 

เมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป ไลซ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามโรดส์พยายามไกล่เกลี่ยเรื่องนี้

 

“อะไรนะ? เธอกำลังบอกว่าฉันต้องปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ไปมีความสุขแบบนั้นเหรอ? ไลซ์ เธอเองก็ทนไมได้หรอก ไม่อย่างนั้น หลังจากที่เธอแต่งงาน เธอจะถูกเอารัดเอาเปรียบได้นะ!”

 

“แค่ก-แต่งงาน?!”

 

ไลซ์ตกใจอย่างมาก เธอแอบมองไปยังโรดส์ที่อยู่ข้างๆเธอ จากนั้นใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เพราะเธอสำลักไวน์ที่กำลังดื่มโดยไม่รู้ตัว

 

“แค่ก แค่ก…มันเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องแบบนี้นะ? ฉัน….”

 

“เธอจะพูดอะไรกัน? ปีที่แล้ว ฉันถูกพ่อเซ้าซี้เรื่องแต่งงาน หึ โชคดีที่ไม่มีผู้ชายที่มีคุณสมบัติเพียงพอในตอนนั้น ไม่อย่างนั้นล่ะก็…” มาร์ลีนคิดถึงเรื่องนี้และพูดขึ้น “เอ๊ะ แต่ฉันคิดว่าเธอไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้หรอก”

 

จากนั้นเธอมองไปยังไลซ์ด้วยแววตาอิจฉาและพยักหน้า

 

“ดูเหมือนว่าการอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้แย่นะ อย่างน้อยเธอก็สามารถตัดสินได้ด้วยตัวเองได้…ไม่เหมือนกับฉัน”

 

มาร์ลีนรู้สึกว่าเธอพูดมากไป ดังนั้นเธอจึงส่ายหน้าและเงียบลง

 

บรรยากาศเริ่มแย่ลงกว่าเดิม แต่หลังจากนั้นโรดส์ทำลายความเงียบและพูดขึ้น “อ่า ใช่ มาร์ลีน ผมมีบางอย่างจะบอกคุณ”

 

“อะไรล่ะ? ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิงอ่อนหัดพวกนั้นล่ะก็ฉันไม่อยากได้ยินหรอกนะ”

 

“มันเกี่ยวกับภารกิจของเรา”

 

มาร์ลีนหันกลับมาและมองไปที่โรดส์

 

“มีอะไรเหรอ?”

 

แตกต่างจาหญิงสาวคนอื่น โรดส์ไม่ได้กลัวเมื่อมาร์ลีนจ้องตาเขา บางครั้งแววตาของเธอเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ ความมั่นใจและความเย่อหยิ่ง แต่มันไม่ได้มีผลต่อเขา

 

“ผมคิดว่าผมไปคนเดียวจะดีกว่า”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

มาร์ลีนขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะอยู่กับโรดส์ได้ไม่นาน แต่เธอรู้ว่าเขาเปลี่ยนใจได้ยาก ถ้าจำไม่ผิด นี่เป็นครั้งแรกที่เขากลับคำพูดของตัวเอง

 

“ผมคิดว่าคุณได้ยินจากไลซ์แล้ว เรื่องที่พวกเราพบกันครั้งแรก”

 

มาร์ลีนพยักหน้าและเอียงศีรษะเล็กน้อย แม้ว่าโรดส์จะสั่งไม่ให้ไลซ์พูดถึงเหตุการณ์เรือบินตกให้ใครฟัง แต่มาร์ลีนเป็นเพื่อนสนิทของไลซ์และเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม เธอจึงรับรู้เรื่องนี้

 

“อย่างที่ผมบอก อุบัติเหตุก่อนหน้านี้เกี่ยวข้องกับประเทศแห่งแสง ยิ่งไปกว่านั้น เซเร็คเพิ่งบอกผมว่าสายลับพวกนี้กำลังหาข้อมูลของผม ผมรู้สึกว่าถ้าผมออกไปทำภารกิจนี้ คนพวกนี้มาหาผมแน่”

 

“ดังนั้นคุณเลยไม่อยากให้ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

 

“ตัวตนของคุณไม่เหมาะกับภารกิจนี้ เรื่องนี้ค่อนข้างอันตราย เพื่อทำลายชื่อเสียง คนพวกนี้ยินดีทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย มาร์ลีน ตอนที่พวกมันโจมตีเรือพ่อค้า คุณไม่ได้อยู่ที่นั่น ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ”

 

“แล้วไลซ์ล่ะ?”

 

มาร์ลีนขมวดิ้วและถามออกมา

 

“เนื่องจากเธออยู่ในเมืองดีพสโตน ไม่มีอะไรต้องกังวล ประเทศแห่งแสงไม่โง่พอที่จะเคลื่อนไหวออกมาอย่างเปิดเผย ยิ่งไปกว่านั้น ผมเตรียมความปลอดภัยไว้ในฐานบัญชาการแล้ว ตราบใดที่เธอไม่ละเลยความปลอดภัยของตัวเอง ทุกอย่างสบายมาก”

 

โรดส์ไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากเขาสามารถควบคุมระบบความปลอดภัยของฐานบัญชาการได้อย่างสมบูรณ์ หากมีใครบางคนพยายามบุกเข้ามา เขาจะได้รับการแจ้งเตือนในทันทีและผู้บุกรุกจะต้องรับมือกับการป้องกันตัวเองของฐานบัญชาการในระดับหนึ่ง

 

“สำหรับไลซ์….”

 

โรดส์มองไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างเขา

 

“หลังจากที่ผมออกไป คุณจะให้คุณอยู่ในสมาคมทหารรับจ้างสักพัก ผมจะขอร้องให้เซเร็คดูแลพวกคุณทั้งคู่เอง”

 

“ค่ะ คุณโรดส์”

 

ไลซ์เศร้าเล็กน้อย เพราะเธอต้องจากบ้านไป เธออยากไปกับเขา แต่จำนวนเวทมนตร์ที่เธอมีนั้นน้อยเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เวทย์ของเธอส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับธาตุศักดิ์สิทธิ์ นั่นหมายความว่ามันจะมีประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับอันเดดเท่านั้น การไปทำภารกิจกับโรดส์จะเป็นภาระมากกว่าการไปช่วยเหลือ

 

“สำหรับมาร์ลีน….”

 

หลังจากที่ไลซ์ตอบรับ โรดส์หันไปอีกด้าน แต่คำพูดของเขายังไม่จบประโยค มาร์ลีนตอบกลับมาในทันที

 

“ฉันปฏิเสธค่ะ”

 

“เอ๊ะ?”

 

“แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับฉัน สำหรับตระกูลเซเนีย การหลบหนีไม่ใช่แนวทางของฉันค่ะ และ…” มาร์ลีนหรี่ตาลงเล็กน้อย และพูดขึ้น “นี่คืออาณาจักรมันน์ ประเทศของพวกเรา ถ้าไอ้พงกประเทศแห่งแสงจะทำอะไรที่นี่ พวกมันต้องได้รับอนุญาตก่อน คุณโรดส์ ฉันหวังว่าฉันจะสามารถช่วยคุณได้…เช่นเดียวกับที่คุณช่วยฉัน ตอนนี้ถึงตาของฉันตอบแทนแล้ว คุณแข็งแกร่ง แต่ศัตรูไม่ได้มีคนเดียว ฉันเป็นจอมเวทย์วงเวทย์ชั้นกลาง ดังนั้นฉันจึงสามารถต่อสู้กับคนจำนวนมากได้ อย่างน้อย ฉันหวังว่าคุณจะพิจารณาข้อเสนอของฉันนะคะ”

 

หลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูด โรดส์หลับตาลงและคิด

 

มาร์ลีนทำให้เขานึกถึงบางอย่าง ถ้าศัตรูอยากโจมตีเขา เมื่อเขาเข้าไปในป่าราตรี เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะซุ่มโจมตี แม้ว่าเขาจะจัดการคนเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง แต่มาร์ลีนสามารถจัดการคนพวกนั้นได้มากกว่า

 

ถ้าโรดส์ม่รู้ว่าภารกิจนี้อันตราย เขาไม่เคยคิดจะพามาร์ลีนมาด้วยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ สถานการณ์ของเขาชัดเจนมาก ดังนั้นการมีคนมาเพิ่มอีกคน…อาจจะช่วยได้ ทำไมจะไม่ดีล่ะ?

 

“ได้ ผมยอมรับข้อเสนอของคุณ”

 

สุดท้าย โรดส์พยักหน้า

 

“แต่ผมว่าคุณรู้เงื่อนไขของผมนะ”

 

“ฉันรู้ว่าฉันต้องทำตามคำสั่งของคุณ ฉันไม่อยากตายเพราะศักดิ์ศรีงี่เง่าของตัวเองหรอกค่ะ”

 

“งั้น…”

 

โรดส์ยื่นมือของเขาออกมา

 

“ยินดีต้อนรับกลับมาอีกครั้งนะ”

 

มาร์ลีนจับมือโรดส์และยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ

 

แต่ทั้งสองคนไม่ได้สังเกตไลซ์ที่กำลังมองพวกเขาด้วยแววตาซับซ้อน มือของเธอบีบชายกระโปรงแน่น ขณะที่เธอกัดริมฝีปากล่าง

 

ฉันอยากแข็งแกร่งขึ้น….

Summoning the Holy Sword

Summoning the Holy Sword

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 51 อ่านนิยาย ตอนที่ 52 – 53 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


โรดส์ หัวหน้ากิลด์ระดับตำนานที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเกม VRMMO : Dragon Soul Continent เพื่อรับมือกับการตายของน้องสาวสุดที่รัก เขาจึงเข้ามาใช้เวลาอยู่ในเกมส์นานถึง 7 ปี ในช่วงเวลานั้นโรดส์พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเขาผ่านการเล่นเกม แต่สุดท้ายหัวใจของเขาต้องมาแตกสลายอีกครั้ง เมื่อเขาได้ยินว่าพ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากเครื่องบินตก

หนึ่งเดือนหลังจากอุบัติเหตุ เขาได้ตัดสินใจออกจากเกมและกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่ก่อนจะไป โรดส์ตัดสินใจต่อสู้กับบอสที่ทรงพลังที่สุดในเกมพร้อมกับกิลด์ของเขา ท้ายที่สุด เขาสามารถเอาชนะบอสได้แต่ต้องแลกด้วยตัวละครของเขา โรดส์ยิ้มให้เขาตัวละครของเขาที่ถูกลำแสงสลายไป อย่างไรก็ตามแทนที่จะกลับไปที่ลานเกิดใหม่….

Options

not work with dark mode
Reset