“ไปกันเถอะ”เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง มองออกไปจากคนทั้งสองไปที่โหลว ชิงอู๋ ด้วยท่าทางอันอ่อนโยน
การแสดงออกของเขาดูดีมาก มันอธิบายถึงอันตรายที่อาจจะพบได้ในบริเวณลานล่าสัตว์ รวมถึงสิ่งที่ต้องทำถ้ามีอะไรเกิดขึ้น
โหลว ชิงอู๋ อดทนฟังเขาบางครั้งก็ตอบเขากลับ
แต่หัวใจของนางอยู่ตรงไหนก็ไม่มีใครรู้
ทั้งสองคนได้พบกวางตัวแรกของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งยกคันธนูขึ้นและยิงไปที่เป้าหมาย
เขารีบขี่ม้าไปและคว้าไปที่กวาง ก่อนที่จะโยนมันไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่อยู่ไม่ไกลออกไป
เขายกคันธนูไว้ในมือของเขาไปต่อหน้าโหลว ชิงอู๋ ร่างทั้งร่างของเขาอาบด้วยแสงแดด ทำให้เขาดูหล่อเหลามาก
น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงแค่ของปลอม
สายตาของโหลว ชิงอู๋ ลึกขึ้นและเมื่อถึงจุดนี้พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเหย่ จี้ดังขึ้นไม่ไกลเกินไป
“อ่า —-”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งและโหลว ชิงอู๋ สบสายตากัน ในขณะที่พวกมันกระพริบขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงบังเหียนของพวกเขาและวิ่งไปยังแหล่งที่มาของเสียง
เมื่อพวกเขามาถึงจุดนั้น พวกเขาก็ได้เห็นกลุ่มคนที่อยู่ชุดสีดำกำลังล้อมเฟิ่ง เหย่เก้อและเหย่ จี้เอาไว้เป็นวงกรม
เฟิ่ง เหย่เก้อ มีดาบอยู่ในมือ ในขณะที่เหย่ จี้ เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขา
ไม่ไกลออกไป มีลูกศรที่ร่วงลงอยู่รอบๆ เหมือนม้าของคนทั้งสองคนที่ตายไปแล้วเนื่องจากลูกธนูนอนอยู่
ทหารนอนอยู่ที่ด้านข้างพร้อมกับแขนของเขาที่เต็มไปด้วยเลือด ในขณะที่เขาดูเหมือนจะหมดสติไปแล้ว
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งตกใจ ก่อนที่จะรีบสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตามคนมาช่วย
เขารีบกระโดดลงจากม้าและใช้วิชาตัวเบา กระโดดไปจนกระทั่งถึงจุดที่คนชุดดำอยู่และเข้าร่วมการต่อสู้
คนชุดดำเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงมือสังหารรับจ้างเท่านั้น แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาแต่ละครั้งเต็มไปด้วยไอสังหารที่ร้ายแรง
หลังจากกลุ่มหนึ่งเสียชีวิตก็จะมีอีกกลุ่มเข้ามา
การแสดงออกของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง แย่ลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ดวงตาของเฟิ่ง เหย่เก้อก็เยือกเย็นมากขึ้น
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมากขึ้น ในขณะที่การแสดงออกที่ไม่ใส่ใจก่อนหน้านี้ก็หายไป
แต่เมื่อดวงตาของเขาตกลงไปที่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ผู้ที่มาใหม่ หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้น ในขณะที่ดาบของเขาก็จบชีวิตหนึ่งไปเรื่อยๆ
แล้วเสียงลึก ๆ ของเขาก็ดังขึ้น “ไปปกป้องชิงอู๋!”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง มึนงง ก่อนที่จะนึกถึงโหลว ชิงอู๋ ที่ยังอยู่นอกเขตการต่อสู้
เขาหันกลับไปมอง ก่อนที่จะเห็นคนชุดดำสองสามคนกำลังมุ่งหน้าไปหานาง
ดาบในมือของเขาตวัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขาเปิดเส้นทางของเขาไปทางนาง
“ชิงอู๋!”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ตะโกน ในขณะที่โหลว ชิงอู๋ รีบเงยหน้าขึ้น แต่ในวินาทีต่อมาดวงตาของนางก็ดำดิ่งลง
นางเห็นเฟิ่ง เหย่เก้อลอยตัวมาทางนางพร้อมกับดาบที่อยู่ในมือ ก่อนจะแทงดาบทะลุคอของคนชุดดำไม่กี่คนที่อยู่ข้างหน้านาง
แต่ทางด้านหลังของเขา ใครบางคนได้ใช้โอกาสนี้ที่จะฟันมาที่คอของเขา
เฟิ่ง เหย่เก้อ สะบัดมือไปด้านหลังเพื่อสกัดกั้นมัน แต่เลือดก็ไหลออกจากร่างกายของเขา
และเนื่องจากเขาสวมชุดดำทั้งตัว จึงไม่ง่ายที่จะสังเหตุเห็นเลือด แต่เหย่ จี้ ที่อยู่ใกล้กับเขาได้กลิ่นเหม็นของเลือดที่รุนแรงจนทำให้นางกลัวและเกือบจะเป็นลม
นางกรีดร้องขึ้นทันที “พี่ชายเหย่!”
ดวงตาสีดำของเฟิ่ง เหย่เก้อ ดำมืดลง ในขณะที่เขาเตะคนชุดดำออกไปและใช้มือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บยกดาบของเขาขึ้น
ดาบสะท้อนกับแสงแดด ในขณะมันทำให้คนแทบจะตาบอดและในกระพริบตา คนชุดดำก็ร่วงลงมาอยู่รอบๆ ตัวพวกเขา
ครึ่งที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนของพวกเขา ต่างก็ถูกล้อมรอบอย่างรวดเร็วโดยทหาร
เมื่อพวกเขาตระหนักว่าพวกเขากำลังจะถูกจับ พวกเขาก็พยายามหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
โหลว ชิงอู๋นั่งบนม้าของนางและขี่มันไปอย่างช้าๆ ตามเส้นทางเลือดที่แขนที่ได้รับบาดเจ็บของเฟิ่ง เหย่เก้อ ทิ้งเอาไว้
หยดแต่ละหยดที่ตกลงไปบนพื้น ทำให้หัวคิ้วของนางขมวดลึกขึ้นเรื่อยๆ
นางเร่งม้าของนางให้เร็วขึ้น ในขณะที่นางกระโดดลงและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปหาเฟิ่ง เหย่เก้อ
นางฉีกเสื้อผ้าของนางและด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว นางรีบเข้าไปช่วยพันแผลให้เฟิ่ง เหย่เก้อทันที
ดวงตาของเฟิ่ง เหย่เก้อ ลดลงเล็กน้อยเพื่อซ่อนบางอย่างเอาไว้ แต่เขาไม่ได้ปฏิเสธนาง
จนกระทั่งบาดแผลได้รับการจัดการอย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น นางถึงได้ปล่อยลมหายใจที่โล่งอกออกมาเล็กน้อย
เหย่ จี้ในจุดนี้ก็กำลังร้องไห้อย่างหนัก “พี่ชายเหย่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”