เมื่อหนิงฝานสังหารอ้านต้า ผนึกอสูรสีเทาได้สลักลงไปในร่างของเขา
เมื่อสังหารหยิงเก้อ ผนึกอสูรสีม่วงได้สลักลงไปในร่างของเขา
หนิงฝานสามารถทำลายผนึกอสูรสีเทาได้ แต่ผนึกอสูรสีม่วงทำลายไม่ได้
ผนึกอสูรสีม่วง เป็นผนึกที่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเป็นผู้สลักไว้ หลังจากนี้หนิงฝานคงต้องเผชิญหน้ากับการตามล่าจากผู้เชี่ยวชาญของวังผนึกอสูร
ความแค้นและการไล่ล่าจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุด เว้นแต่วันใดที่หนิงฝานแข็งแกร่งพอจะทำลายวังผนึกอสูรได้ การไล่ล่าถึงจะจบลง
“ตอ่ให้ข้าทำลายผนึกนี่ไม่ได้ แต่อย่าคิดว่าจะตามล่าข้าได้!”
หนิงฝานมีอัฐิสวรรค์ที่กลบเกลื่อนร่องรอยของตนได้
ผู้ที่รู้ว่าหนิงฝานสังหารอ้านเอ๋อร์และอ้านซาน มีเพียงหยิงเก้อและอ้านต้าเท่านั้น
และผู้ที่รู้ว่าหนิงฝานสังหารหยิงเก้อและอ้านต้า ก็มีเพียงเป่ยเซี่ยวเหมิน
ยามนี้หนิงฝานไม่รู้ว่าเป่ยเซี่ยวเหมินคือมิตรหรือศัตรู แต่นางเองก็ไม่กล้าละเมิดวิหารสาบสูญ จึงย่อมไม่เปิดเผยตัวตนหนิงฝาน ดังนั้นเรื่องราวทั้งหมดจึงกลับไปสู่จุดเริ่มต้น… ผู้คนรู้จักเพียงว่าหนิงฝานมีแซ่ซัว แต่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นหน้ามาก่อน
ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่เฝ้าดูการต่อสู้ หนิงฝานสังหารคนเหล่านั้นทั้งหมด
แม้คนเหล่านั้นจะบาดเจ็บ แต่หากปล่อยให้คนเหล่านั้น จะนำมาซึ่งปัญหาร้ายแรง
ในทางกลับกัน หากก่อนหน้านี้หนิงฝานหยิงเก้อสู้กันจนบาดเจ็บสาหัส พวกมันคงเข้ารุมสังหารเขาแล้ว
นี่คือกฏของทะเลไร้สิ้นสุดที่หนิงฝานต้องตระหนักถึงทุกเมื่อ
หากจะให้ตรากตำฝึกฝนจนตนเองบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ หนิงฝานต้องฝึกฝนราวๆ 6 แสนปี แต่ชีวิตของเขาอยู่ได้เพียง 5 พันปีเท่านั้น แม้ผู้เชี่ยวชาญจะกล่าวว่าตนเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัด แต่พวกมันย่อมต้องเพิ่งพาขุมกำลังใหญ่เพื่อยกระดับพลัง
ในเมื่อไม่อาจครอบครองก็ต้องช่วงชิง
แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานเป็นถึงนักปรุงโอสถ แม้ไม่ต้องสังหารปล้นชิง เขาก็ยังปรุงโอสถผันแปรที่ 4 หรือ 5 เพื่อนำไปขายได้
หนิงฝานเหยียบย่างนภาบนเกาะเผิงไหล
มุ่งตรงไปยังห้องของจิงสั่ว
เมื่อจิงสั่วที่กำลังเฝ้ารอเห็นหนิงฝานกลับมา มันก็หัวเราะ เพราะต่อให้หนิงฝานสังหารหยิงเก้อไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เอาชนะได้
แต่เมื่อมันเห็นรอยยิ้มของหนิงฝาน มันกลับตกตะลึง! เพราะร่างกายของหนิงฝาน มีกลิ่นอายของความอาฆาตอยู่
หากผู้ใดลงมือเข่นฆ่าสังหาร ปราณโลหิตจะโชยออกมาจากร่าง แต่หากผู้ที่ถูกเข่นฆ่าเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ร่างผู้ที่สังหารจะแผ่กลิ่นอายของความอาฆาตออกมา แต่หากลงมือสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ร่างกายจะแผ่กลิ่นอายปราณปีศาจ เพราะผู้ที่ลงมือสังหารถือเป็นคนชั่วช้า
หากเป็นทั่วไป กลิ่นอายความอาฆาตจะค่อยๆหายไปจาก
แต่ของหนิงฝานที่ยังไม่หายไป แสดงว่าเขาสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มมากกว่า 1 คน
“สหายเต๋าหนิง กลิ่นอายความอาฆาตจากตัวเจ้ารุนแรงมาก”
“อืม… ก็ข้าสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มไป 8 คน”
“อะไรนะ! 8 คน!” สีหน้าจิงสั่วแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง หนิงฝานออกจากห้องมันไปไม่นานก็กลับมา แต่นี่กลับสังหารผู้คนร่วม 8 คน
ด้วยที่ถือกำเนิดในแคว้นระดับล่าง ตัวตนของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มถือเป็นผู้ที่ทรงพลังและทรงอำนาจ
จิงสั่วเลือกที่จะติดตามหนิงฝาน เริ่มจากการร่วมมือต่อสู้กับปีศาจศพเฒ่า จากนั้นก็เผชิญอันตรายด้วยกันในแคว้นจิน
ยามนี้ หนิงฝานผู้ยืนอยู่เยื้องข้างน่ามัน ยังเปี่ยมไปด้วยพลังหลังจากการสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มไป 8 คน
แม้หนิงฝานจะสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มไป 8 คน แต่แววตายังเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
หนิงฝานเปลี่ยนไป
มีเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มของแคว้นระดับกลางเท่านั้น ที่จะมีแววตาเช่นนี้
“เด็กผู้นี้ไม่ได้เป็นเด็กเหมือนวันวานอีกแล้ว… เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมเต็มตัว กลิ่นอายที่แผ่ออกมาดูราวกับผู้ปกครองแคว้น แม้ราชาแคว้นจินยังไม่มีกลิ่นอายเช่นนี้… ฮ่าฮ่า ในอดีตข้าเคยได้รับคำทำนายว่าอย่ายั่วยุเด็กผู้นี้ หากวันนั้นข้าไม่ได้เข้าหาเขา ข้าคงไม่มีวันนี้”
หากจิงสั่วยั่วยุหนิงฝานในวันนั้น เขาคงกลายเป็นเหมือนปีศาจศพเฒ่า
“สหายเต๋าจิงสั่ว เจ้ารีบกลับแคว้นเยว่เถอะ ข้ามีความแค้นกับวังผนึกอสูร เกรงว่าพวกมันจะมาตามล่าข้าถึงที่นี่”
“ฮ่าฮ่า ข้าไม่รั้งอยู่ที่นี่แน่ ไม่งั้นข้าคงเอาชีวิตไม่รอด”
“นี่กระเป๋าสมบัติ…ท่านรับไว้ ข้ามีเพียงคำขอเดียวจะขอร้องท่าน หากท่านไปถึงแคว้นเยว่เมื่อใด ผู้ใดที่เคยคิดร้ายกับข้า ขอให้ท่านสังหารมันให้หมด!”
หนิงฝานยื่นกระเป๋าของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่สังหารให้จิงสั่ว ในนั้นมีสมบัติขั้นสูงสุดระดับต่ำและสูงอยู่หลายชิ้น
เมื่อจิงสั่วแผ่สัมผัสเทพตรวจสอบ สีหน้าแปรเปลี่ยนมีความสุขทันที และเร่งรับคำหนิงฝาน
“สหายเต๋าหนิงวางใจ ตราบใดที่ข้ายังอยู่แคว้นเยว่ จะไม่มีใครกล้ารุกรานเมืองเจ้าแน่!”
จิงสั่วรู้ว่าหนิงฝานจะก้าวเดินต่อไป จึงหวังจะฝากฝังให้มันช่วยดูแลเมืองหนิง
เมื่อเห็นจิงสั่วรับคำอย่างจริงจัง หนิงฝานก็พยักและกล่าวในสิ่งที่เพิ่งนึกขึ้นได้
“ข้านึกขึ้นได้ว่าสหายเต๋าจิงสั่วมีต้นกำเนิดเพลิงคราม…”
“ใช่… เมื่อครั้งที่ข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ ข้าท่องเที่ยวไปยังทวีปต่างๆและได้มันมาโดยบังเอิญ หากสหายเต๋าหนิงต้องการ ข้าจะมอบให้!”
หากทำเช่นนั้น ระดับพลังจิงสั่วจะต้องได้รับความเสียหาย แต่ถึงอย่างนั้น มันไม่กล้าปฏิเสธหนิงฝาน
หนิงฝานส่ายหน้า แล้วนำต้นกำเนิดเพลิงปีศาจทมิฬออกมา
เพลิงครามจัดเป็นเพลิงปีศาจอันดับ 8 ส่วนเพลิงปีศาจทมิฬจัดเป็นอันดับ 7!
การที่หนิงฝานมอบให้สมควรมีเหตุผลสำคัญ
“นำต้นกำเนิดเพลิงนี้กลับไปแคว้นเยว่ แล้วป่าวประกาศว่าต้นกำเนิดเพลิงนี้คือเพลิงปีศาจทมิฬของหานหยวนจี๋ และนำมันไปเพาะเลี้ยงในเส้นชีพจรพิภพ”
“นี่… รับทราบ!”
จิงสั่วเข้าใจเจตนาของหนิงฝาน
ในอดีตขุนพลอสูรได้ส่งอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มไปตามหาเพลิงปีศาจทมิฬในแคว้นจิน… ที่ผ่านมาหนิงฝานยังไม่รู้ว่าเพลิงปีศาจนั้นทรงพลังขนาดไหน แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว แล้วก็รู้อีกว่า ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณไม่ได้สนใจเพลิงปีศาจทมิฬมากนะ
เพราะเพลิงปีศาจทมิฬไม่ได้ทรงพลังที่สุด… ยังมีอีกหลายระดับที่เหนือกว่า
หนิงฝานตั้งใจทำให้แคว้นเยว่มีเส้นชีพจรเพลิงปีศาจที่ทรงพลัง
หนิงฝานถอนหายใจ จากนั้นนำหยกร้อนสีดำก้อนหนึ่งออกใส
ในวันที่หนิงฝานบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม เขาพยายามทำให้เพลิงปีศาจทมิฬทรงพลังขึ้น แต่มันได้ให้กำเนิดหยกสีดำออกมาก้อนหนึ่ง
หยกสีดำก้อนนี้คือสิ่งที่เกิดจากเจตจำนงค์เทพของหานหยวนจี๋ ที่เข้าศึกษาเพลิงชนิดนี้อยู่เป็นเวลานาน
ในที่สุดหนิงฝานก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใด ท่านเสวี่ยถึงไม่กล้าลงมือกับเขา
“ไสหัวไป!” เสียงที่บางเบา แต่กลับแฝงด้วยกลิ่นอายของเซียน
ใบหน้าที่เย็นชาของหนิงฝานปรากฏรอยยิ้ม
“อาจารย์… ผ่านมา 10 ปีแล้ว ท่านที่อยู่ในโลกกระบี่จะเป็นยังไงบ้าง…”
หนิงฝานไร้ซึ่งบิดาและมาดา มีเพียงหานหยวนจี๋ที่นำเขาเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝน เปรียบดั่งเป็นบิดาอีกคน
ที่เมืองฉีเหม่ยแห่งนั้น หนิงฝานมีทั้งอาจารย์และภรรยา แม้ที่นั่นจะหนาวเหน็บ แต่ก็อบอุ่น
และความอบอุ่นนั้น เทพกษัตริย์เนี่ยก็ทำลายไป
“หานเนี่ยเทียน… ข้าจะยกระดับพลัง อีก 90 ปีให้หลัง เจ้าเตรียมตัวรับศึกให้ดีๆ”…
หนิงฝานเช่าบ้านขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเกาะเผิงไหล
บ้านหลังนี้มีราคาเช่นอยู่ที่ 100 หยกสวรรค์ต่อวัน… สำหรับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม หยกสวรรค์จำนวนนี้ไม่นับเป็นอันใด
หนิงฝานจะหาโอกาสเพื่อให้ได้ฝึกฝน โดยการใช้วิหารสาบสูญ เพราะไม่อย่างนั้น ต่อให้ตายไปก็คงไม่มีทางบรรลุเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
1 หมื่นเกราะสำหรับปราณในขอบเขตตัดวิญญาณ… หากไม่ได้โอสถช่วยเสริม คงยากจะบรรลุตามที่หวัง
วิธีที่จะทำให้สมหวังเร็วที่สุด…คืองัดทุกสิ่งที่มีออกมาใช้!
ก่อนจะจากวิหารสาบสูญไป หนิงฝานต้องบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณก่อน และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หนิงฝานตั้งใจจะทำให้สตรีทุกคนในทะเลไร้สิ้นสุดส่วนนอกกลายเป็นกระถางขัดเกลาของตน
ผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัดส่วนใหญ่คือผู้เชี่ยวชาญที่มาจากแคว้นต่างๆ นั่นเป็นโอกาสที่หนิงฝานจะชิงตัวมา
หนิงฝานไม่อยากฆ่าคน และไม่อยากเข้าร่วมขุมกำลังใด เพราะแต่ละขุมกำลังย่อมมีข้อจำกัดเรื่องทรัพยากร ไม่มีผู้ใดยอมทุ่มทรัพยากรทั้งหมดให้หนิงฝานแน่
ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่เป็นสตรี จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เพียงแต่ สตรีที่บรรลุขอบเขตสูงชั้นนั้นมีน้อยมาก หากได้ดูดซับพลังจากสตรีในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น จะเพิ่มเกราะได้ 20 เกราะ ขั้นกลางเพิ่มได้มากกว่า 20 เกราะ และขั้นสูงเพิ่มได้เพียงเกือบๆ 30 เกราะ
นอกจากดูดซับจากสตรีแล้ว ยังมีผลไม้แห่งเต๋าในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ที่จะช่วยเพิ่มพูนปราณราว 20 เกราะ แต่ราคาขายของมันอยู่ที่ 5 ล้านหยกสวรรค์ ยิ่งเป็นงานประมูล ราคาก็ยิ่งสูง แต่กระถางขัดเกลาในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มกลับขายอยู่ในราคาเพียง 3 ล้านหยกสวรรค์
ซึ่งที่นิกายกระถางปรุงโอสถ มีกระถางขัดเกลาในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขาย…
นิกายกระถางปรุงโอสถจะคัดเลือกผู้ที่มีพรสวรรค์ เพื่อนำมาเป็นกระถางขัดเกลาโดยการฝึกฝนอย่างหนัก
การซื้อกระถางขัดเกลาจึงถือเป็นวิการที่ดีในการยกระดับพลัง
ยามนี้ ดูเหมือนจะมีการประมูลกระถางขัดเกลาที่นิกายกระถางปรุงโอสถ และในงานก็มีอีกหลายสิ่งที่ประมูล
เรื่องที่จะดูดซับพลังจากอสูรทั้งสองตนที่หนิงฝานจับมา เขาจะซื้อกระถางขัดเกลาก่อน
แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น หนิงฝานจะจัดการกับดวงจิตแรกเริ่มของหยิงเก้อก่อน…
หนิงฝานนำดวงจิตของมันออกมา แล้วใช้วิชาอ่านความทรงจำ
ตามความทรงจำที่ได้ หนิงฝานได้ทรงจำเกี่ยวกับสมบัติอัญเชิญอสูร และวิชาอัญเชิญอสูร
เมื่อได้สิ่งที่สำคัญมา เขาก็ทำลายดวงวิญญาณของพวกมันทิ้ง…