บทที่ 391 คางคกขึ้นวอ
หลังจากนั้น ท่านย่ากับถังจิ้นและอีกหลายๆ คนที่มาพร้อมกันก็ไม่ได้ทนอยู่ในห้องอาหารต่อ
ทันทีที่เดินออกจากร้านอาหารรอยเอิลเบอร์หนึ่ง เย่เชี่ยนก็ถามขึ้นอย่างเหลือทนว่า “ลู่เสี้ยงหยางมันโชคดีขนาดถึงขั้นสามารถจองห้องอาหารเย็นวี่เจียงหนานได้เลยเหรอ?”
เย่หยุนเทาตอบอย่างขมขื่น “บางทีมันอาจจะไปทำตัวกะล่อนกับผู้หญิงคนอื่น แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นคนจองให้มันก็ได้ ไม่เช่นนั้นมันคงได้แต่ฝันเถอะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลายๆ คนในครอบครัวต่างก็พยักหน้าและเห็นด้วยกับคำพูดของเย่หยุดเทา พวกเขาไม่เคยยอมรับในความสามารถของลู่เสี้ยงหยาง แต่กลับเชื่อว่าลู่เสี้ยงหยางนั้นเป็นแค่นักต้มตุ๋นมืออาชีพคนหนึ่งเท่านั้น
ท่านย่าโกรธมากที่นึกถึงใบหน้าอันหมั่นไส้ของลู่เสี้ยงหยาง จากนั้นหันไปพูดกับเย่หยุนเทาว่า “หยุนเทา นายจะเสียเวลาไปวันๆ ไม่ได้แล้วนะ โอหยางรั่วสุ่ยกลับมาพัฒนาธุรกิจที่เมืองปินเหอนายก็เห็นแล้ว นายต้องคว้าโอกาสแต่งงานกับเธอให้ได้นะ เรื่องนี้นายถนัดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? อย่าบอกนะแค่ลูกเขยกระจ้องคนนั้นนายก็สู้ไม่ได้”
เย่หยุนเทารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะสำหรับเรื่องนี้แล้วเขาต้องยอมรับว่าเขาด้อยกว่าลู่เสี้ยงหยางจริงๆ
แต่เขาก็ยังพยักหน้าแล้วตอบอย่างปากแข็ง “คุณย่าไม่ต้องกังวลครับ ผมจะทำให้โอหยางรั่วสุ่ยเป็นของผมภายในสามเดือนให้ดูนะครับ คุณย่ารอจัดงานแต่งให้ผมได้เลย”
“อืม” ท่านย่าพยักหน้าตอบแล้วหันหน้าไปแสดงความขอโทษให้กับถังจวิ้นและคนอื่นๆ
แต่คนอย่างถังจวิ้นก็ไม่ได้สนใจเธอเลย สีหน้าของเขายังคงเฉยเมยอยู่ตลอดเวลา
วันนี้พวกเขาที่ได้รับการเชิญจากเย่หยุนเทาให้ไปรับประทานอาหารในร้านเย็นวี่เจียงหนานนั้น พวกเขาก็แค่ตั้งใจจะไปโชว์พาวเท่านั้น
แต่ที่ไหนได้ ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเกือบโชว์พาวไม่สำเร็จและยังต้องมีเรื่องกับโจวข่ายด้วย
แมร่งเอ๊ย เพราะไอ้ซื่อบื้อเย่หยุนเทาคนเดียวเลย
เมื่อยิ่งคิดถึงสิ่งนี้ ถังจวิ้นก็ยิ่งโมโห จากนั้นเขาแผดเสียงสั่นขึ้นมา “เย่หยุนเทา ไอ้เหลือขอ มึงมันตั้งใจหาเรื่องให้กูชัดๆ”
ผัวะ!
ทันทีที่พูดจบ เขาก็ง้างมือขึ้นแล้วชกไปที่กลางหน้าของเย่หยุนเทา
เย่หยุนเทาเพิ่งถูกทำร้ายจนใบหน้าฟกช้ำไปหมด และตอนนี้ถูกชกซ้ำเข้าไปอีกทีก็ทำให้เขาต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทันที
แต่ถังจวิ้นก็ยังรู้สึกไม่สะใจพอ เขาจึงง้างมือขึ้นแล้วชกไปที่กลางจมูกของเย่หยุนเทาอีกครั้ง
จากนั้นเย่หยุนเทาที่ถูกชกหน้าก็ล้มลงกับพื้นและมีเลือดไหลออกจากจมูก
เขากลัวอย่างสุดขีดและตัวสั่นอย่างไม่หยุด
หากด้วยความสามารถและพื้นฐานครอบครัว ถังจวิ้นที่เป็นมหาเศรษฐีระดับต้นๆ ไม่จำเป็นต้องสนใจคนอย่างเย่หยุนเทาเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะอยากโชว์พาวในร้านอาหารเย็นวี่เจียงหนานแล้วล่ะก็ ถังจวิ้นคงไม่มีทางสนใจเย่หยุนเทาและไม่มีวันร่วมมือกับตระกูลเย่อย่างแน่นอน
หลังจากอัดเย่หยุนเทาจนล้มลงกับพื้นแล้ว ถังจวิ้นก็โบกมือทักทายและพูดกับเหล่าลูกเศรษฐีทั้งหลายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาว่า “พี่ชายทั้งหลาย จัดการมันเลย ดูสิว่ามันจะกล้าเสแสร้งกับใครอีกไหม แมร้งเอ๊ย!”
“ครับ พี่ถัง” เหล่าลูกคนรวยรอเวลานี้มานานแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของถังจวิ้น พวกเขาก็กระโจนเข้าใส่เย่หยุนเทาทันที
เย่หยุนเทาที่เพิ่งถูกลูกน้องของโจวข่ายรุมทำร้ายก็เจ็บมามากพอแล้ว และตอนนี้เขายังถูกรุมทำร้ายเป็นครั้งที่สองก็ทำให้เขาถึงกับกระอักเลือดเจ็บจนปางตายและนอนขดตัวอยู่ที่พื้น
ท่านย่าที่มองอยู่ก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างที่สุด เพราะหลานชายที่เธอรักมากที่สุดในตระกูลก็คือเขาคนนี้
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่เย่หยุนเทาก่อขึ้นนวันนี้เธอก็ไม่อาจปกป้องเขาได้ ดังนั้นเธอได้แต่หันหน้าไปทางอื่นและแกล้งทำเป็นไม่เห็นเย่หยุนเทาถูกรุมทำร้าย
เมื่อเห็นท่านย่าไม่กล้าห้ามพวกเขา ทั้งเย่เชี่ยนและเย่ซวงก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังเลย
การชุลมุนยังคงดำเนินต่อไป
ไม่กี่นาทีต่อมา เย่หยุนเทาก็ไม่มีแรงแม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้องออกมา เขาได้แต่นอนตาเหลือกทั้งสองข้างอยู่บนพื้นอย่างน่าสงสาร
เมื่อเห็นเช่นนี้ ถังจวิ้นถึงสั่งให้ทุกคนหยุด
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน” ถังจวิ้นพูดอย่างเย็นชา จากนั้นหันไปถ่มน้ำลายใส่เย่หยุนเทาแล้วพูดว่า “ไอ้หนู นายภาวนาอย่าให้เจอพวกเราอีกก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นนายจะเจอดีอีก”
ค่อก!
เย่หยุนเทาที่สภาพปางตาย เมื่อได้ยินคำนี้ก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากด้วยสีหน้าที่กลัวจนหมดสติไป
“เหอะ เราไปกันเถอะ” ถังจวิ้นเตะไปที่ตัวของเย่หยุนเทาอีกครั้ง จากนั้นค่อยจากไปพร้อมกับลูกน้องของเขา
ขณะนี้ท่านย่าตัวสั่นเทาและตะโกนพูดอย่างรีบร้อน “เร็วเข้า รีบส่งหยุนเทาไปโรงพยาบาล”
“ค่ะ คุณย่า” เย่เชี่ยนและเย่ซวงก็รีบเข้ามาพยุงเย่หยุนเทาขึ้นไปบนรถแล้วรีบส่งเขาไปโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด
……
ในห้องอาหารเย็นวี่เจียงหนานนั้นสงบมาก เมื่อเทียบกับความวุ่นวายภายนอก
บนโต๊ะกลมขนาดใหญ่เต็มไปด้วยอาหารหรูหราที่แสนอร่อย
แต่เย่สวนกับโอหยางรั่วสุ่ยไม่ได้สนใจอาหารหรูหราเหล่านี้เลย สายตาของพวกเธอได้แต่จับจ้องไปที่ลู่เสี้ยงหยาง
พูดตามตรง พวกเธอยังอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ พวกเธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าลู่เสี้ยงหยางจองห้องอาหารเย็นวี่เจียงหนานนี้ได้อย่างไร
เพราะห้องอาหารนี้เป็นห้องอาหารที่ดีที่สุดในร้านอาหารรอยเอิลเบอร์หนึ่ง และในเมืองปินเหอที่กว้างใหญ่นี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำได้
ลู่เสี้ยงหยางถูกจ้องหน้าจนทำตัวไม่ถูก เขาจึงยิ้มถามว่า “มองอะไรกัน? รีบกินสิ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ”
ดวงตาโอหยางรั่วสุ่ยเป็นประกายแวววาว โดยที่ไม่รอเย่สวนพูดก่อน เธอจ้องไปที่ลู่เสี้ยงหยางและอดไม่ได้ที่จะถามเขา “คุณจองห้องอาหารเย็นวี่เจียงหนานนี้ได้ไง?”
ลู่เสี้ยงหยางเกาหัวเบาๆ เขารู้ว่าเย่สวนกับโอหยางรั่วสุ่ยต้องถามคำถามนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเตรียมคำตอบไว้ก่อนแล้ว “เจ้าของร้านที่นี่เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นในสมัยเรียนของผม ถึงแม้ผมจะยากจน แต่เขาก็ไม่เคยดูถูกผมเลย เราค่อนข้างสนิทกัน ผมจึงโทรจองห้องอาหารนี้กับเขาโดยตรง”
แม้ได้ยินเช่นนี้ แต่โอหยางรั่วสุ่ยก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัย เธอฟังยังไงก็รู้สึกแปลกอย่างพูดไม่ถูก
แววตาที่งดงามได้แต่จับจ้องไปที่ดวงตาของลู่เสี้ยงหยาง เธอต้องการรู้ความจริงนี้ให้ได้
แต่สายตาลู่เสี้ยงหยางเฉยเมยและใบหน้าของเขานิ่งสงบมาก
เย่สวนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย จะดีแค่ไหนถ้าทุกอย่างนี้มาจากฝีมือของลู่เสี้ยงหยางเอง
แต่อย่างไรก็ถาม ตอนนี้เธอรู้สึกพึงพอใจมากแล้ว เพราะลู่เสี้ยงหยางใช้เงินเก็บทั้งหมดซื้อวิลล่าเบอร์ 888 บนยอดเขาหลงซานให้กับเธอแล้ว
วิลล่าห้องเบอร์ 888 บนยอดเขาหลงซานเป็นคฤหาสน์ระดับไฮเอนด์และมีราคาแพงที่สุดในเมืองปินเหอด้วย
“ช่างมันเถอะ เรามากินข้าวกันก่อนดีกว่า” เย่สวนรู้สึกโล่งใจแล้วหันไปพูดกับโอหยางรั่วสุ่ยและลู่เสี้ยงหยาง
ลู่เสี้ยงหยางหายใจเข้าลึกๆ เขารู้สึกโชคดีที่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้ไปได้อีกครั้ง
“อื้ม” โอหยางรั่วสุ่ยพยักหน้าตอบ แต่สายตาที่เธอมองลู่เสี้ยงหยางนั้นยังคงสงสัยอยู่ แม้กระทั่งตอนนี้เธอมองเขาในแง่ลบกว่าเดิม เพราะในที่สุดแล้ว เธอก็เชื่อว่าคนกระจอกอย่างลู่เสี้ยงหยางต้องพึ่งคนอื่นถึงจะจองห้องนี้ได้อยู่ดี
ในสังคมสมัยนี้จะพึ่งพาคนอื่นตลอดไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้น ในที่สุดแล้วทุกอย่างก็ต้องดิ้นรนเอง
“ไม่ได้ คนกระจอกแบบนี้ไม่คู่ควรกับเย่สวน ฉันต้องทำให้เย่สวนกระจ่าง ต้องทำให้เธอหย่ากับไอ้คนกระจอกคนนี้ให้เร็วที่สุด” โอหยางรั่วสุ่ยคิดในใจ