บทที่ 383 ยาทะลุแดน
อะไรนะ? ยาล้างกระดูกเป็นเศษขยะ?
สิ่งที่ตามมากับคำพูดนี้ของลู่เสี้ยงหยาง คือเกือบทุกคนในห้องส่วนตัวต่างมองตากันไปมาโดยไม่รู้ว่าจะทำยังไงและนึกสงสัยว่าหูของพวกเขาคงฟังผิดไป
ยาล้างกระดูกถูกประมูลที่ภายนอกไม่ว่าเม็ดใดก็ตามล้วนมีราคาถึงหนึ่งพันล้าน แต่ในปากของลู่เสี้ยงหยางกลับกลายเป็นเศษขยะ
เชร็ดแม่ง ถ้าคำพูดนี้ออกมาจากปากมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ นั่นก็ยังอยู่ในระดับที่น่าเชื่อ แต่มันดันพูดออกมาจากปากของลูกเขยแต่งคนบ้านคนนี้ซะงั้น
ดูเหมือนว่า คนๆนี้จะเป็นพวกองุ่นเปรี้ยว ในใจแสนจะบิดเบี้ยวจริงๆ
ชั่วขณะนั้นฉินหยุนเฟยโกรธมากจนหน้าเขียว เขากระโดดขึ้นมาจากโซฟาแล้วชี้ไปที่ลู่เสี้ยงหยางแล้วด่าว่า : “ลู่เสี้ยงหยาง แม่เมิงมันดอกทอง มึงเลยเป็นสวะเกาะผู้หญิงกินแบบนี้ ถึงแกขายยาล้างกระดูกใครก็ซื้อไม่ลง แล้วมีสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์ยาล้างกระดูกของกู?”
หวังเจี้ยนกล่าวว่า : “ขยะยังไงก็เป็นขยะ ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีประโยชน์อะไรมากน้อยแค่ไหน พี่หยุนเฟย ทำไมคุณต้องมาทะเลาะกับคนที่ต่ำกว่าอย่างเขาด้วยล่ะ ในโลกของคนโง่ เขาทำได้แค่ใช้วิธีโง่ๆดึงคุณให้ลงไปอยู่ระดับเดียวกันเท่านั้น จากนั้นก็จะใช้วิธีการของพวกหน้าโง่เอาชนะคุณ”
เดิมทีจูหยู่เจินก็ไม่คิดที่จะโกรธ แต่สีหน้าท่าทางของลู่เสี้ยงหยางนั้นน่าขยะแขยงจริงๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นผู้ชายคนที่เกาะผู้หญิงกิน แล้วก็ยังชอบทำตัวเด่นไปทุกที่จนทำให้คนอื่นรู้สึกรำคาญ
เธอจ้องไปที่ลู่เสี้ยงหยางทันทีแล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ก่อนที่ฉันจะโกรธถึงขีดสุด คุณควรขอโทษฉินหยุนเฟยจะดีกว่า”
ลู่เสี้ยงหยางส่ายหัวแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ผมพูดความจริง ทำไมต้องขอโทษด้วย?”
เสียงพูดยังไม่ทันจะจบลง เขาก็หยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
ยาเม็ดนี้มีขนาดเท่าหัวแม่มือ เป็นสีทองเรืองรองทั่วทั้งเม็ดและมีเส้นริ้วทั้งแนวตั้งและแนวขวางถัดกถอสอดประสานหลายเส้น มองดูจากระยะไกลแล้ว เหมือนลูกปัดทองแกะสลักเม็ดหนึ่งวางอยู่ใจกลางฝ่ามือของลู่เสี้ยงหยาง ตามมาด้วยกลิ่นหอมเข้มข้นฟุ้งกระจายออกมา
นี่มัน? ของบ้าอะไรกัน?
หลายคนที่เพิ่งจะได้เห็นเม็ดยาสีทองนี้ล้วนแต่มีสีหน้าตะลึงงัน ดูเหมือนว่าในตำรากลั่นยาไม่เคยมีการแนะนำเม็ดยาสีทองชนิดนี้มาก่อน
ฮ่าๆ ไอ้หมอนี่คงไม่คิดจะหยิบยาที่ไม่มีใครรู้จักชื่อมาเอาชนะยาล้างกระดูกของฉินหยุนเฟยหรอกนะ ฮ่าๆ ปัญญาอ่อนจริงๆเลย
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้เอง ดวงตาของจูหยู่เจินได้หรี่แคบลงไปในทันใด แม้แต่ร่างบอบบางก็สั่นไหวเล็กน้อยแล้วกลืนน้ำลายลงไปหนึ่งอึกก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมากว่า : “นี่…นี่มันคือยาทะลุแดน?!”
ยาทะลุแดน พอรู้ชื่อก็เข้าใจความหมายได้เลยว่ามันเป็นยาที่สามารถทำลายอุปสรรคของนักบู๊ได้
เป็นที่ทราบกันดีว่า ทุกครั้งที่นักบู๊ฝ่าด้านได้ก็ต้องการเข้าสู่ระดับถัดไปและทุกคนจะต้องเผชิญหน้ากับกำแพงอุปสรรค หากต้องการฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปให้ได้มีเพียงอัจฉริยะระดับสุดยอดเท่านั้นถึงจะทำได้
นักบู๊ที่ยังขาดคุณสมบัติทำได้เพียงแค่ใช้ยาช่วย
และยาทะลุแดนนี้ สามารถช่วยนักบู๊ทำลายกำแพงได้
ปัจจุบันนี้เป็นโลกของเศรษฐกิจและเทคโนโลยี นักบู๊ค่อนข้างหาได้ยากแล้ว และปรมาจารย์ฝึกยามีจำนวนน้อยนิดยิ่งกว่า
บวกกับหนึ่งร้อยปีก่อน ประเทศจีนสับสนวุ่นวาย นำไปสู่การกวาดล้างนักปรุงยา ดังนั้นใบทำยาจำนวนมากก็สูญหายไปด้วย
หนึ่งในนั้นคือใบทำยาของยาทะลุแดนที่สาบสูญไปด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ นักปรุงยาในปัจจุบันจึงไม่รู้เลยว่าจะปรุงยาทะลุแดนได้อย่างไร
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่า หากปัจจุบันนี้ต้องการพบยาทะลุแดนจะต้องเป็นสิ่งที่ตกทอดมาตั้งแต่หนึ่งร้อยปีก่อน พบเจอได้ต้องเป็นพรหมลิขิตจริงๆ
ฉะนั้นแล้วจึงแสดงให้เห็นว่ามันล้ำค่าเพียงใด
ภายใต้เหตุบังเอิญที่ประจวบเหมาะลู่เสี้ยงหยางเคยได้รับหนังสือแปลกๆชื่อหนังสือจักรพรรดิเซียน ด้านในเป็นบันทึกวิธีกลั่นยาทะลุแดน
ยาทะลุแดนที่อยู่ในมือของลู่เสี้ยงหยางในตอนนี้ คือยาที่เขากลั่นออกมานี่เอง เดิมทียาที่ล้ำค่าขนาดนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะมอบให้กับหญิงชรา จูหยู่เจิน แต่ว่าคืนนี้ไอ้คนหน้าโง่ฉินหยุนเฟยตอแหลมาโดยตลอด สิ่งนี้มันทำให้เขาทนดูต่อไปไม่ไหวจึงเตรียมจะกดขี่ความเย่อหยิ่งผยอง ดังนั้นเขาจึงเอายาทะลุแดนออกมาโดยไม่ลังเล
อะไรนะ? ยาทะลุแดน?
และเมื่อได้ยินคำพูดของจูหยู่เจินแล้ว เกือบทุกคนตกใจมากจนขากรรไกรแทบหลุด ไม่เคยกินหมูมาก่อนไม่ได้แสดงว่าไม่เคยเห็นหมูวิ่ง ชื่ออันยิ่งใหญ่ของยาทะลุแดน พวกเขาเคยได้ยินชื่อมาแล้ว ท้ายที่สุดแม้แต่นักบู๊ระดับเก้าก็ยังใจเต้นกับยามหัศจรรย์นี้
ถ้าหากต้องการจะอธิบายถึงมูลค่าของยาทะลุแดน กลัวว่าจะใช้คำเพียงสี่คำ ล้ำค่าควรเมือง
แต่ว่าของที่มีค่าเช่นนี้จะมาปรากฏอยู่ในมือของลูกเขยแต่งเข้าบ้านได้อย่างไร?
“แม่งเอ๊ย นี่ฉันต้องฝันไปแน่ๆ” ใบหน้าของฉินหยุนเฟยเป็นสีดำสนิท แน่นอนว่ายาล้างกระดูกของเขานั้นมีค่า แต่มันไม่ใช่ยาที่สืบทอดต่อๆกันมา ปรมาจารย์ฝึกยาระดับสามอันดับต้นๆหรือว่าปรมาจารย์ฝึกยาระดับสามขึ้นไปก็สามารถกลั่นได้ และขอเพียงแค่จ่ายเงินในราคาสูงก็สามารถซื้อได้แล้ว
แต่ว่ายาทะลุแดนนั้นต่างออกไป ยาทะลุแดนมีราคาแต่ไม่มีตลาด ถ้าหากคุณมียาทะลุแดนอยู่ในมือ แม้แต่จะคบหานักบู๊ระดับเก้าเป็นเพื่อนก็สามารถทำได้
นักบู๊ระดับเก้า ที่ไม่รู้ว่าเป็นคนเช่นไร
นักบู๊ระดับเก้าเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ปรมาจารย์ เป็นบุคคลที่ยืนสูงตระหง่านอยู่บนยอดสูงสุดในโลกของการต่อสู้ แม้แต่ภายในห้าลัทธิใหญ่ก็ยังเป็นผู้ปกป้องรักษาศาสนาพุทธและเป็นผู้อาวุโสด้วย
“เชี่ยเอ๊ย เป็นอย่างนี้ได้ยังไง” หวังเจี้ยนและไป๋หมิ่นหมิ่นพวกเขาเหล่านี้ได้แต่มองหน้ากันไปมา สีหน้าแสดงออกถึงความสยองขวัญอย่างมากราวกับเจอผีตอนกลางวันแสกๆ
“ฮ่าๆ พี่หยางนี่เจ๋งโคตรๆเลย” เซียวมู่ไป๋และจางสู้ประหลาดใจจนอ้าปากค้าง
ฟ้านเจาจ้องเขม็งไปที่ลู่เสี้ยงหยางและเริ่มเกิดความสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“นี่มัน…” ลมหายใจของกงหยู่หนิงถี่รัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ภายในใจเริ่มมีลมพายุอันบ้าคลั่งและคลื่นลูกโตปรากฏขึ้น
คิดไม่ถึงเลยว่า ยาที่หายสาบสูญไปเกือบร้อยปีกลับมาปรากฏอยู่ในมือของของลู่เสี้ยงหยางจริงๆ
หุ!
จูหยู่เจินที่ยังตกอยู่ในอาการช๊อคสูดหายใจเข้ายาวๆ หน้าอกที่โค้งนูนขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เธอยังติดอยู่ในขอบเขตของนักบู๊ระดับแปด แต่ถ้าหากได้ยาทะลุแดนจริงๆแล้วล่ะก็เธอสามารถก้าวเข้าไปอยู่ตำแหน่งนักบู๊ระดับเก้าได้อย่างแน่นอน
ในเวลานั้น เธอก็จะเป็นสุดยอดฝีมือที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดในโลกของนักบู๊
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้แล้ว ขาของจูหยู่เจินก็ตื่นเต้นจนอ่อนยวบและมองไปทางลู่เสี้ยงหยางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนา
แต่ว่าในช่วงเวลานี้ลู่เสี้ยงหยางยังไม่ได้มอบยาทะลุแดนให้กับจูหยู่เจิน และได้ยิ้มกริ่มใส่ฉินหยุนเฟยพร้อมกับพูดว่า : “ตอนนี้ ฉันพูดว่ายาล้างกระดูกของนายคือขยะ นายยังมีความเห็นอะไรอยู่ไหม?”
“…” ฉินหยุนเฟยหน้าแดงด้วยความอับอาย แม้แต่จะมองยังไม่กล้าจะมองลู่เสี้ยงหยางสักแวบเดียว เขาก้มหน้าลงอย่างหมดไร้ซึ่งความหวัง อยากจะหารูเมื่อมุดเข้าไปจนแทบไม่ไหว
ยาล้างกระดูกเทียบกับยาทะลุแดนแล้ว สิ่งนั้นคือขยะจริงๆ
หลังจากนั้นลู่เสี้ยงหยางกวาดสายตามองคนอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะมองไปที่ใด ทุกคนต่างก็รู้สึกอับอายขายขี้หน้า ใบหน้าปวดแสบปวดร้อนราวกับถูกคนตบปากอย่างรุนแรงหลายที
ในตอนนี้ ลู่เสี้ยงหยางมีจิตใจที่เร่าร้อนฮึกเหิมและกระตือรือร้นอย่างมาก
ท้ายที่สุดแล้ว ในเวลาต่อมา ภายใต้ความปรารถนาของจูหยู่เจิน ลู่เสี้ยงหยางก็มาอยู่ข้างๆและมอบยาทะลุแดนให้กับเธอ
“อาจารย์ครับ นี่คือของขวัญวันเกิดที่ผมมอบให้คุณครับ”
ตึกตัก!
ตึกตัก!
จูหยู่เจินกลืนน้ำลายหลายครั้งติดต่อกัน และรับยาทะลุแดนด้วยความสั่นเทาพร้อมกับตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ยาเม็ดเล็กๆ แต่ภายในชั่วพริบตาก็ราวกับว่าหนักเป็นหมื่นกิโล จนเธอเกือบจะถือไม่ไหว
ท่ามกลางอาการช๊อคของทุกคน ลู่เสี้ยงหยางก็ไม่อยู่ในห้องส่วนตัวอีกต่อไป เขาก้าวยาวๆเดินออกไปแล้ว
แต่พอเขาไปได้ไม่นาน ทันใดนั้นหวังเจี้ยงก็นึกอะไรออกบางอย่าง เขากระโดดลุกขึ้นพูดว่า : “อาจารย์ครับ ยาทะลุแดนต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน”