บทที่ 303 ปรุงยาจู้หลิงสำเร็จ?
เมื่อฉินหยุนเฟยปรุงยาจู้หลิงสำเร็จแล้ว จากนั้น สายตาของทุกคนหันไปมองที่กงหยู่หนิง
ลู่เสี้ยงหยางก็ยังคงอยู่ในขั้นตอนการปรุงยา แต่ไม่มีใครมองเขาเลย เขาถูกทุกคนเพิกเฉย
เพราะในสายตาของทุกคน มิช้าก็เร็วเขาก็ต้องล้มเหลว ไม่มีอะไรน่าดู
ในใจของกงหยู่หนิงรู้สึกหงุดหงิด เพราะตั้งแต่เธอปรุงยา ยังไม่เคยแพ้ให้ใคร คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะแพ้ให้กับฉินหยุนเฟย
แน่นอนไม่สามารถพูดได้ว่าเธอมีพรสวรรค์ในการปรุงยา แต่ความสามารถของเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉินหยุนเฟย เป็นเพราะว่าเธอเปลี่ยนส่วนผสมของยา
ถ้าหากว่าเธอปรุงยาตามสูตรของอาจารย์โจ่ฉินแล้ว เธอต้องปรุงยาจู้หลิงสำเร็จก่อนฉินหยุนเฟยแน่นอน
“ฮ่า ๆ” ฉินหยุนเฟยหัวเราะ มองไปที่กงหยู่หนิง แล้วพูดว่า “คุณกง ดูเหมือนขั้นตอนปรุงยานั้น ยังมีบางจุดที่คุณยังไม่คล่อง หากคุณสนใจ หลังจากเลิกเรียนแล้ว เราสองคนสามารถปรึกษาหารือกัน มันจะช่วยให้คุณพัฒนาไปอีกขั้นได้”
ฮ่า ๆ ตอนนี้เขาคือคนที่ปรุงยาจู้หลิงสำเร็จเป็นคนแรก ทำให้เขารู้สึกมีหน้ามีตามาก ถือโอกาสนี้จีบดาวห้องมาครอบครอง ก็จะทำให้ไม่รู้สึกผิดต่อพรสวรรค์ของเขา
“ไสหัวออกไป ใครจะปรึกษาหารือกับนาย” น่าเสียดายที่กงหยู่หนิงไม่ได้สนใจไยดีฉินหยุนเฟยเลย
ฉินหยุนเฟยยิ้มเยือกเย็น
แม่งฉิบ ท่าทางดุไม่ใช่แล่น แต่ว่ากูชอบแบนนี้แหละ
บูม!
วินาทีต่อมา เตาหลอมของกงหยู่หนิงก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา ดูท่าแล้วเธอก็คงปรุงยาจู้หลิงสำเร็จเช่นกัน
บนใบหน้าที่เยือกเย็น แทบจะไม่มีร่องรอยความตื่นเต้น กงหยู่หนิงได้ยื่นมือไปเปิดฝาเตาหลอม คว้ายาจู้หลิงที่กำลังพุ่งออกมา
อย่างไรก็ตามยาจู้หลิงเม็ดนี้ของเธอไม่ได้เป็นสีดำเข้ม แต่เป็นสีดำ
มองไกล ๆ แล้วเหมือนกับสีของหินออบซิเดียน (เป็นพลอยสีดำเกรดกลาง)
เมื่อเห็นดังนั้น คนส่วนใหญ่คิดในใจว่า สีมันผิดปกติ หรือว่ายาจู้หลิงที่ดาวห้องปรุงออกมานั้นก็ล้มเหลวแล้วเช่นกัน?
ถึงตอนนี้
ทั้งห้องก็เหลือแต่ลู่เสี้ยงหยางคนเดียวที่ยังปรุงยาต่อ
ฉินหยุนเฟยมองไปที่ลู่เสี้ยงหยาง กล่าวด้วยความรังเกียจว่า “ไอ้โง่เง่าเต่าตุ่น การปรุงยามันมีเทคนิค นายไม่สามารถเรียนรู้ได้หรอก ฉันดูแล้วนายมันก็เหมาะแก่การเกาะผู้หญิงกิน รีบไสหัวกลับบ้านไปเสีย”
หวังเจี้ยนก็พูดเสริมต่อไปว่า “มีสมองเหมือนหมู จะหวังให้นายสร้างจรวดเหรอ? พูดตามตรง ลู่เสี้ยงหยาง นายมันก็เหมาะที่จะกินอิ่มแล้วก็นอน เป็นเขยแต่งเข้าที่ไร้ค่าเท่านั้น”
ไป๋หมิ่นหมิ่นกลอกตา แล้วพูดกับลู่เสี้ยงหยางว่า “เจ้าคนแซ่ลู่ นายรู้หรือไม่ว่าท่าทางการปรุงยาของนายเหมือนอะไร? มันเหมือนตัวตลก ฮ่า ๆๆ นายจะทำให้พวกเราหัวเราะจนท้องแข็งแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คนส่วนมากอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
แม่ง ไอ้เขยแต่งเข้าคนนี้มาเป็นตัวตลกให้พวกเราหัวเราะ
“เฮ้อ คนไร้ค่า” โจ่ฉินถอนหายใจในใจ และส่ายหัว ในสายตาของเธอแล้ว ลู่เสี้ยงหยางปรุงยาจู้หลิงมีแค่ผลลัพธ์เดียว คือล้มเหลว”
เพราะฉะนั้นเธอไม่อยากรอถึงผลลัพธ์ตอนสุดท้าย เตรียมที่จะสอนต่อ และมองไปทางนักเรียน แล้วพูดว่า “นักเรียน ตอนนี้ในห้องเรียนของเรามีนักเรียนอยู่สองคนที่ปรุงยาจู้หลิงได้สำเร็จ นี่ถือว่าแก่งมากแล้ว แต่ถึงแม้ว่ายาจู้หลิงได้ปรุงสำเร็จแล้ว แต่ว่าพวกเราก็ต้องทำการตรวจสอบเกรดของยา และตอนนี้พวกเราจะลงมือทำการตรวจสอบ ดูว่ายาจู้หลิงของฉินหยุนเฟยและกงหยู่หนิง ของใครมันจะมีสรรพคุณดีกว่ากัน”
พูดแล้วเธอก็กวักมือเรียก ฉินหยุนเฟยและกงหยู่หนิงให้เขาสองคนนำยาจู้หลิงของตนเองมาให้เธอ
ในไม่ช้ามือซ้ายของโจ่ฉินก็ถือยาจู้หลิงของฉินหยุนเฟยไว้ ส่วนมือขวาก็ถือยาจู้หลิงของกงหยู่หนิง
โจ่ฉินได้พูดอธิบายอีกครั้ง “หากจะแยกคุณภาพของยา ก่อนอื่นต้องดูว่าสีของยาถูกต้องหรือไม่ ตามมาตรฐานสีของยาจู้หลิงต้องเป็นสีดำเข้ม”
หลังจากพูดจบเขาก็ชูมือซ้ายที่ถือยาจู้หลิงของฉินหยุนเฟย ยิ้มแล้วพูดว่า “ยาจู้หลิงของฉินหยุนเฟยเป็นสีที่ค่อนข้างมาตรฐาน ซึ่งสามารถบอกได้คร่าวๆว่า ยาจู้หลิงเม็ดนี้เกรดไม่ต่ำเลยทีเดียว”
หลังจากพูดจบ เธอก็ชูยาจู้หลิงของกงหยู่หนิงขึ้นมาแล้วพูดว่า “พวกเราดูยาจู้หลิงของกงหยู่หนิง เป็นสีดำ เดาว่าเกรดของมันน่าจะต่ำกว่าหน่อย”
ห๊า!
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ นักเรียนต่างมองไปที่ฉินหยุนเฟย ไอ้หมอนี่มันเก่งมาก ดาวห้องก็ยังแพ้เขาเลย
ดูแล้ว ตำแหน่งหัวหน้าห้องต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน
หวังเจี้ยน ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ รีบประจบทันที “พี่ฉินหยุนเฟย ต้องประสบความสำเร็จในอนาคตแน่นอน ห้องพวกเราโชคดีจริง ๆ อีกหน่อยพี่ฉินหยุนเฟยได้ดี ก็คงไม่ลืมพวกเราแน่นอนใช่ไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น ฉินหยุนเฟยรู้สึกมีความสุข ผงกศีรษะแล้วพูดว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะยังไงพวกเราก็เรียนห้องเดียวกัน”
“เชอะ” กงหยู่หนิง พูดผ่านลำคอ หมั่นไส้ท่าทางที่ฉินหยุนเฟย อาจารย์ยังไม่ได้สรุปผลลัพธ์เลย เขาก็ดีใจขนาดนี้ ไม่กลัวว่าจะดีใจจนเก้อเหรอ?
และในเวลานั่นเอง โจ่ฉินก็หันกลับมา แล้วพูดต่อว่า “แน่นอน ถ้าหากดูแค่สีแล้วประเมินเกรดของยามันอาจไม่เพียงพอ สิ่งที่สำคัญที่สุดของยาจู้หลิงก็คือสรรพคุณของยา”
ได้ยินดังนั้นแล้ว นักเรียนส่วนใหญ่ตั้งตาตั้งตารอ ดูแล้วการแข่งขันของฉินหยุนเฟยกับกงหยู่หนิงยังไม่ได้มีข้อสรุป
โจ่ฉินยิ้มบาง ๆ แล้วพูดต่อว่า “อีกสักครู่เราจะได้ทดลองดูว่า ยาจู้หลิงที่กงหยู่หนิงปรุง กับยาจู้หลิงที่ฉินหยุนเฟยปรุงนั้น เม็ดไหนจะมีสรรพคุณดีกว่ากัน”
พูดจบ เธอก็ยกตู้ปลาที่อยู่ข้างเธอทั้งสองตู้มาวางไว้ข้าง ๆ ซึ่งในตู้ปลาทั้งสองตู้มีปลาทองอยู่หลายตัว
โจ่ฉินหยิบยาจู้หลิงและใช้มือบีบเม็ดยาให้เป็นชิ้นเล็ก แล้วโยนยาจู้หลิงลงไปที่ตู้ล่ะหนึ่งเม็ด
นักเรียนส่วนใหญ่แสดงสีหน้าไม่เข้าใจ เป็นไปได้เหรอที่แค่ใช้ปลาทองก็สามารถรู้ถึงสรรพคุณของยา?
โจ่ฉินรู้สึกได้ถึงความคิดของพวกเขา เธอจึงได้เริ่มอธิบาย “สรรพคุณสำคัญที่สุดของยาจู้หลิงคือ ช่วยฟื้นฟูพละกำลังของผู้ใช้ในระยะเวลาอันสั้น และยังทำให้สภาพจิตใจแข็งแกร่งจนถึงขีดสุด พูดตามจริงก็คือ คนที่เหนื่อยจนล้มอยู่บนพื้น หากได้กินยาจู้หลิงนี้หนึ่งเม็ด เขาก็จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ยานี้เหมาะแก่การใช้ในสนามรบเป็นอย่างยิ่ง”
“ในทำนองเดียวกัน สรรพคุณของยาจู้หลิงก็ยังสามารถใช้กับสัตว์ได้ อีกสักครู่เราสังเกตพฤติกรรมของปลาทอง ก็สามารถรู้ได้ว่ายาจู้หลิงเม็ดไหนมีสรรพคุณดีที่สุด…”
พรึบพรับ พรึบพรับ!
ยังไม่ทันได้พูดจบ ก็เห็นปลาทองในตู้ฝั่งขวา กระโดดขึ้นมาทันที แต่ปลาทองในตู้ฝั่งซ้ายแค่ว่ายน้ำได้เร็วขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง
แม่งฉิบหาย ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
ฉินหยุนเฟยหน้าดำคร่ำเครียด ยาที่โยนลงไปในตู้ปลาทองฝั่งซ้ายคือยาจู้หลิงเขาเอง
ส่วนยาที่โยนลงไปที่ตู้ปลาฝั่งขวา เป็นของกงหยู่หนิง
ถ้ามองแบบนั้น แสดงให้เห็นว่ายาจู้หลิงที่กงหยู่หนิงปรุงนั้น มีสรรพคุณดีกว่ายาที่เขาปรุงมากเลยทีเดียว
เอ่อ…นี่….มันเป็นไปได้ยังไงกัน?
นักเรียนทุกคนต่างตกตะลึงไปตามกัน ไม่คิดว่าสุดท้าย ปรากฏว่ายาที่ดาวห้องปรุงนั้นมีสรรพคุณดีกว่า
แม่งฉิบหาย ไอ้เจ้าโง่เง่าเต่าตุ่นฉินหยุนเฟย เมื่อสักครู่ยังทำตัวหยิ่งยโส ทำตัวเหมือนว่าตัวเองเก่งยอดเยี่ยม
ไม่นึกเลยว่า สุดท้ายก็แพ้ให้กับดาวห้อง
ฉินหยุนเฟยก้มหน้าด้วยความอับอาย ไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่กงหยู่หนิงสักครั้ง
หวังเจี้ยน รู้สึกร้อนที่หน้าเหมือนมีไฟแผ่เผา ที่เมื่อสักครู่เขาได้ประจบฉินหยุนเฟย ไม่นึกเลยว่าเพียงแค่ผ่านไปไม่กี่นาทีก็ทำให้ตนเองต้องเสียหน้ากับเรื่องนี้
เพื่อให้เขาหลุดพ้นจากสภาพวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ เขาจึงรีบเปลี่ยนประเด็นไปที่ลู่เสี้ยงหยางทันที
“ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ พี่ฉินหยุนเฟยและน้องกงหยู่หนิงก็ปรุงยาจู้หลิงจนสำเร็จแล้ว มีแต่ไอ้เขยแต่งเข้าที่หน้าด้านยังดันทุรังปรุงยาต่อ ช่างเป็นเรื่องที่น่าละอายเสียจริง ๆ เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คนส่วนใหญ่ต่างมองไปที่ลู่เสี้ยงหยาง แม่งฉิบหาย ไอ้หมอนี่ยังคงดื้อด้านอยู่!
แม่งฉิบ อย่าแสร้งได้ไหม? ไม่ไหวมันก็คือไหว เปิดเผยจริงใจสักหน่อยดีกว่าไหม?
บูม!
และในขณะที่ทุกคนไม่ได้ใส่ใจลู่เสี้ยงหยางนั้น เตาหลอมของเขาได้เกิดเสียงดังสั่นสะเทือนขึ้นมา แรงดันทำให้ฝาของเตาหลอมเปิดขึ้นมาเอง ได้มียาจู้หลิงเม็ดหนึ่งพุ่งออกมา
ตายแล้ว!
ทั่วทั้งห้องเงียบเหมือนทุกคนตายกันหมด