บทที่ 152 วิกฤตกาลของเย่สวน
ขณะที่ดวงตาจ้าวต้าไห่มองไปที่ทองคำกองพะเนินเหมือนภูเขาในห้องรับแขกตาไม่กะพริบ และไข่มุกราตรีหีบนั้น ทั้งร่างรู้สึกประหลาดใจเกินไป แค่รู้สึกว่าลมหายใจจะหยุดลง
ทองคำและไข่มุกราตรีมากมายขนาดนี้ เคยเห็นแค่ในโทรทัศน์เท่านั้น ในความเป็นจริงจะมีโอกาสเห็นที่ไหนกัน
และจ้าวหรูเย็นในตอนนี้ ระงับความตกใจภายในใจไว้แล้ว กำลังถามลู่เสี้ยงหยาง ด้วยความสงสัยในใจเธอ
“ลู่เสี้ยงหยาง ทองคำและไข่มุกราตรีมากมายขนาดนี้ นายไปเอามาจากไหน? พวกมันเป็นของนายหมดเลยเหรอ?”
ลู่เสี้ยงหยางอยากจะพยักหน้ายอมรับ แต่พอนึกถึงคำพูดนี้ ต้องถูกพวกจ้าวหรูเย็นคนเหล่านี้ตั้งคำถามแน่ๆ อธิบายแบบนี้แล้วมันยากลำบากเกินไปหน่อย
เขาจึงตัดสินใจโกหก อย่างไรแล้วความจริงก็มักจะเปิดเผยอยู่ดี สิ่งต่างๆ มักจะน้ำลดตอผุดสักวัน
“เปล่า มันเป็นของเพื่อนฉันคนหนึ่ง เราสนิทกันมาก ฉันยืมจากเขามาใช้” ลู่เสี้ยงหยางพูดขึ้น
ว่าไงนะ?
ยืมมา?
จ้าวหรูเย็นเมื่อได้ยินลู่เสี้ยงหยางพูด ก็ผิดหวังทันที ที่แท้ทองคำและไข่มุกราตรีเหล่านี้ก็ไปยืมเพื่อนมา นึกว่าเป็นของลู่เสี้ยงหยางเองจริงๆ ซะอีก
แต่เธอหวังอย่างมาก ว่าของเหล่านี้เป็นของลู่เสี้ยงหยาง
สีหน้าตกใจและตื่นเต้นของจ้าวต้าไห่หายไปทันที กลายเป็นขยะแขยงอีกครั้ง “ที่แท้แกยังแผนสูงเหมือนเดิม เฮอะ วันนี้แกโชคดี ฉันไม่เชื่อ แกโชคดีทุกครั้ง ผู้ชายต้องเป็นคนจริงมากกว่านี้ ทำอะไรสอดคล้องกับความจริง!”
ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้า “ฉันจะจำคำสอนของลุงไว้ในใจ”
จ้าวต้าไห่ทำเสียงฮึดฮัดในจมูก ไม่พูดอะไรอีก
ลู่เสี้ยงหยางมองผู้ชายข้างๆ
ผู้ชายคนนี้ได้สติกลับมาทันที เดินมาด้านหน้าไข่มุกราตรีหีบนั้น นำไข่มุกราตรีหนึ่งเม็ดออกมาให้จ้าวหรูเย็น “คุณชายของเราบอกว่า คุณคือเพื่อนของคุณลู่ ก็เป็นเพื่อนของเขา นี่คือของขวัญที่พบกันครั้งแรก”
จ้าวหรูเย็นตะลึงงัน ให้ไข่มุกราตรีเมื่อเจอกันครั้งแรกมีที่ไหนกัน นี่มันโอเวอร์เกินไปแล้วมั้ง
ถึงเธอจะไม่เข้าใจไข่มุกราตรี แต่ก็ยังมีสามัญสำนึก ไข่มุกราตรีเม็ดโตขนาดนี้ถ้านำไปขาย เกรงว่าจะมีค่าเป็นล้าน
แต่ ในใจก็ตกใจ สติสัมปชัญญะก็ยังมี เธอรู้ เขาแค่ให้ไข่มุกราตรีมาเพราะเห็นแก่หน้าลู่เสี้ยงหยาง
ดังนั้นเธอจึงสงสัยเกี่ยวกับลู่เสี้ยงหยางนิดหน่อย ลู่เสี้ยงหยางเป็นคนอย่างไรกันแน่ ถึงได้มีเพื่อนที่นับถือเขามากขนาดนี้?
ขณะที่จ้าวหรูเย็นสงสัย ผู้ชายคนนั้นก็ยัดไข่มุกราตรีใส่มือจ้าวหรูเย็นแล้ว
หลังจากชายคนนี้ ก็ยกทองคำแท่งหนึ่งหีบขึ้นมาจากพื้นแล้ววางข้างๆ มองจ้าวต้าไห่แล้วพูดขึ้น “นี่เป็นของขวัญต้อนรับนิดหน่อยของคุณชายเรา เขาไม่มีเวลาทำกุมารเรียกทรัพย์ ถ้าลุงจ้าวชอบล่ะก็ สามารถทำเองด้วยทองแท่งหีบนี้”
ว่าไงนะ?
จ้าวต้าไห่ตะโกนเสียงดัง ประหลาดใจจนอ้าปากหวอ ถูกฟ้าผ่าด้วยคำพูดดุดันนี้ เอาทองคำแท่งหีบนี้มาทำกุมารเรียกทรัพย์ นี่มันบ้าคลั่งจริงๆ
ต่อมา หลังจากผู้ชายคนนี้ร่ำลา ก็พาเหล่าลูกน้องจากไปพร้อมกับขนย้ายทองคำแท่ง
ลู่เสี้ยงหยางตามด้านหลังออกไปด้วย
และจ้าวหรูเย็นในบ้าน จ้าวต้าไห่มองไข่มุกราตรีและทองคำหีบนั้นอย่างงุนงง
ลู่เสี้ยงหยางดูเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่ทุกเรื่องที่ทำล้วนไม่ธรรมดา ไม่รู้จริงๆ ว่าเขามีฐานะอะไรกันแน่?
……
หลังจากลู่เสี้ยงหยางออกไปจากคลินิกในบ้านจ้าวหรูเย็น ฟ้าก็มืดแล้ว ในตอนนี้โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ควักออกมาดู หลิวผิงโทรมาหาเขา
หลิวผิงเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวหานเซ่าซวนตลอดเวลา ทางหานเซ่าซวนคงมีข่าว
กดปุ่มรับสาย ลู่เสี้ยงหยางถามขึ้น “มีข่าวเหรอ?”
เสียงเคารพของหลิวผิงดังผ่านโทรศัพท์ออกมา “ลูกพี่ หานเซ่าซวนหลานชายคนนั้นนัดพี่สะใภ้ออกมาอีกแล้ว ตอนนี้อยู่ที่ร้านอาหารจิ่นเจียง”
ว่าไงนะ?
เพิ่งได้ยินข่าวนี้ ดวงตาลู่เสี้ยงหยางก็เต็มไปด้วยความเย็นชา
หลิวผิงรู้สึกถึงความไม่พอใจของลู่เสี้ยงหยางผ่านโทรศัพท์ ร่างกายสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว รีบถามขึ้น “ลูกพี่ต้องการให้ผมทำอะไร ต้องการให้ผมพาคนไปจัดการหลานชายคนนี้เลยหรือเปล่า?”
ลู่เสี้ยงหยางส่ายหน้าพูดขึ้น “ไม่รีบ คืนนี้ฉันจะจัดการเขาเอง”
เดิมทีเขาไม่คิดจะคิดบัญชีกับหานเซ่าซวนต่อหน้าเย่สวน อย่างไรแล้วไม่อยากให้เย่สวนเห็นด้านมืดของสังคม แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า หานเซ่าซวนจะได้คืบเอาศอก ไม่ได้ใส่ใจคำเตือนของเขาเลย ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้มาตรการพิเศษแล้ว
“โอเคลูกพี่ งั้นผมกับพวกลูกน้องจะรอคุณอยู่ที่หน้าประตูร้านนะ” หลิวผิงพูดขึ้น
ลู่เสี้ยงหยางตอบอืม วางโทรศัพท์ไป แล้วมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารจิ่นเจียง
ในเวลาเดียวกัน ณ ร้านอาหารจิ่นเจียง
ภายในห้องส่วนตัวใกล้หน้าต่าง เย่สวน หานเซ่าซวนนั่งด้วยกัน บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารแนะนำต่างๆ
ฝั่งตรงข้ามของทั้งคู่มีคุณลุงหัวโล้นในชุดสูทคนหนึ่ง
คุณลุงหัวโล้นคนนี้หน้ามันเยิ้ม หัวอ้วนหูใหญ่ พุงใหญ่มาก ดวงตากวาดไปทั่วร่างเย่สวนเป็นครั้งคราว
สายตาแบบนี้ของเขาทำให้เย่สวนรู้สึกอึดอัดมาก แต่ไม่กล้าแสดงมันออกมา
อย่างไรแล้วคุณลุงหัวโล้นคนนี้ก็เป็นแขกของหานเซ่าซวน
คืนนี้ หานเซ่าซวนโทรมาหาเธอหลายครั้ง ในโทรศัพท์หานเซ่าซวนแจ้งว่า คืนนี้เขามีแขกคนสำคัญ อยากให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อน
ไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอเลยฝืนใจมาที่นี่
แน่นอนว่า แววตาของคุณลุงหัวโล้นก็ทำให้หานเซ่าซวนไม่พอใจนิดหน่อยเช่นกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ถึงแม้ตระกูลหานจะเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในไห่ตง แต่ในไห่ตงตระกูลเดียวไม่สามารถเป็นใหญ่สุดได้
และคุณลุงหัวโล้นคนนี้ชื่อว่าจ้าวโป๋หยวน เป็นผู้มีอิทธิพลมากในไห่ตง ตระกูลหานสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นในไห่ตงได้หรือไม่ ทุกอย่างต้องพึ่งพาจ้าวโป๋หยวนคนนี้
“ฮ่าๆ ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าคุณจ้าวจะให้เกียรติมาร่วมอาหารค่ำนี้จริงๆ ผมในฐานะเด็ก ขอดื่มคารวะคุณจ้าวหนึ่งแก้ว” ตอนนี้หานเซ่าซวนยกแก้วเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา แล้วพูดกับจ้าวโป๋หยวนอย่างสุภาพ
เป็นครั้งแรกที่จ้าวโป๋หยวนไม่ได้สนใจหานเซ่าซวน แต่กวาดตามองร่างเย่สวนอย่างตะกละตะกลามหลายที แล้วละสายตากลับมา ยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้น หัวเราะฮ่าๆ “เซ่าซวน นายพูดเก่งขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ ฉันกับพ่อนายเป็นเพื่อนกัน ดูแลเด็กอย่างนายมันก็สมควรแล้ว”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ แก้วเหล้าของทั้งคู่ก็ชนกัน และดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
จากนั้น แก้วเหล้าในมือที่เพิ่งวางลง ดวงตาจ้าวโป๋หยวนก็มองไปที่เย่สวนอีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์ แววตาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่ปิดบัง ราวกับอยากถอดเสื้อผ้าบนตัวเย่สวนออกให้หมด
คิ้วเย่สวนบิดกลายเป็นเส้นตรง ใบหน้ายิ่งเย็นชาขึ้น ถ้าไม่เห็นแก่หน้าหานเซ่าซวน เธอคงสะบัดหน้าแล้วเดินออกไปแล้ว
ตาเฒ่าหัวงูคนนี้จ้องมองเธอนานมากแล้ว ทำให้เธอรู้สึกอับอายขายหน้า
“คุณชายหาน ฉันขอไปห้องน้ำแป๊บนะ” เย่สวนหายใจเข้าเบาๆ ระงับความไม่พอใจในใจ แล้วพูดกับหานเซ่าซวนด้วยรอยยิ้มนิดๆ
“อืม ไปเถอะ ระวังความปลอดภัยด้วย” หานเซ่าซวนพยักหน้า แสดงความเป็นห่วงได้ดีมาก
หลังจากเย่สวนลุกขึ้นจากไป จ้าวโป๋หยวนก็นั่งลงมาข้างๆ หานเซ่าซวน ขยิบตาแล้วพูดขึ้น “เซ่าซวน ผู้หญิงข้างๆ นายสวยมาก ไม่รู้ว่าให้ลุงชิมสักคืนหน่อยได้ไหม?”