บทที่ 229 พระราชาต้องการพบคุณสักครั้ง
ฝูงชนเห็นผู้หญิงตัวน้อยที่อายุยังไม่ถึง20 ปีทั้งสี่คน ทุบตีชายต่างชาติรูปร่างกำยำสามคนจนล้มลง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองไปชั่วขณะ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ทุกคนเพิ่งตระหนักได้ว่า ก็มีเสียงชื่นชมที่ดังกระหึ่มขึ้น
“ไอ้สัตว์ น่ากลัวมาก”
“ผู้หญิงสี่คนนี้เก่งกว่าหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติเสียอีก นึกไม่ถึงเลย”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหลือเชื่อจริงๆ”
……
ลมดอกไม้หิมะ พระจันทร์สี่สาวไม่ได้สนใจคำชื่นชมของคนอื่นเลย พวกเธอเดินเข้าไปหาชาวต่างชาติสามคนนั้น ชาวต่างชาติสามคนนั้นตกใจกลัวมาก พวกเขารู้สึกว่าผู้หญิงสี่คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เหมือนมีเทวดาสิงอยู่
ชาวต่างชาติสามคนรีบยกมือขึ้น กล่าวด้วยความสยดสยอง “stop,surrender……(หยุดนะ ยอมแล้ว)”
ฝูงชนรีบสาดเข้ามา ด่าว่าชาวต่างชาติสามคน ทุกคนต่างตื่นเต้น เหมือนน้ำสาดเข้าตัวชาวต่างชาติ ทั้งมือและเท้า ทุบตีไปด้วยด่าว่าไปด้วย
“ตีมัน”
“กระทืบพวกมัน”
“แม่มึง”
ลมดอกไม้หิมะ พระจันทร์ทั้งสี่สาวถูกฝูงชนเบียดออกไปนอกวง หลังจากทั้งชกและเตะ ก็มีคนตะโกนขึ้นมาว่า “พอแล้ว ทุกคนถอยไป อย่าฆ่าผีสามตัวนี้”
ฝูงชนค่อยๆถอยออกมา มองชาวต่างชาติสามคนนั้น ทุกคนกุมหัวแล้วหมอบลงพื้น เหมือนสุนัขปลิดชีพ บนเสื้อผ้ามีรอยเท้ามากมายนับไม่ถ้วน บนร่างก็มีแผลมากมาย
ชาวต่างชาติที่ปิดปากฝู้โยวก่อนหน้านี้ หัวของเขาถูกทุบตีจนแตก เต็มไปด้วยเลือดสีแดง
ลมดอกไม้หิมะ พระจันทร์สี่สาวเดินไปด้านหน้าชาวต่างชาติ ตะโกนว่า “พวกคุณทั้งสามไม่ให้เกียรติคุณชายฉิน ตอนนี้รีบขอโทษคุณชายฉินซะ อ้อนวอนให้เขาให้อภัยเดี๋ยวนี้”
ฝูงชนมองตามมาที่ฉินหลั่ง พวกเขาได้ยินสี่สาวนี้คุยกับฉินหลั่งก่อนหน้านี้ รู้ว่า”คุณชายฉิน”ที่สี่สาวพูดถึงเป็นใคร ก็คือฉินหลั่ง ในสายตาทั้งกลัวและเคารพ นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของความอิจฉาในสายตาของหนุ่ม ๆ
สี่สาวนี้เก่งขนาดนี้ แล้วยังสวยมากด้วย แต่พวกเขากลับฟังคำสั่งของชายหนุ่มคนนี้ แล้วเขาเป็นใครกัน และมีอำนาจแค่ไหน ถึงได้ทำให้สาวงามทั้งสี่คนนี้จงรักภักดีต่อเขาขนาดนี้
ผู้หญิงสี่คนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณชายฉิน เป็นคู่รักเหรอ คุณชายฉินคนเดียวมีผู้หญิงถึงสี่คนเลยเหรอ ชั่งน่าอิจฉาจริงๆ
ชาวต่างชาติสามคนนอนอยู่บนพื้นตัวสั่นเหมือนหมาใกล้ตาย พวกเขาฟังไม่รู้เรื่องว่าผู้หญิงสี่คนนี้กำลังพูดอะไร ในฝูงชนมีคนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ จึงแปลคำพูดของสี่สาวให้ชาวต่างชาติฟัง
เมื่อชาวต่างชาติได้ยินประโยคที่แปลแล้ว รีบลุกขึ้นจากพื้นทันที คุกเข่าแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างไม่หยุดปากว่า
“คุณชายฉิน ขอโทษ พวกเราทำให้คุณและเพื่อนขุ่นเคือง ขอท่านยกโทษให้พวกเราด้วย”
“พวกเราเป็นหมู ขอท่านอย่าถือสาพวกเราเลย…….”
“คุณชายฉิน พวกเราผิดไปแล้ว ยกโทษให้พวกเราด้วย”
……
ฉินหลั่งได้ยินฝู้โยวพูดแล้วว่าชาวต่างชาติสามคนนี้ทำอะไรไว้บ้าง ในใจของเขาโกรธมาก ชาวต่างชาติสามคนนี้กล้าใส่ร้ายประเทศของตน แต่ชาวต่างชาติสามคนนี้ก็ถูกทุบตีจนเลือดตกยางออกแล้ว ฉินหลั่งก็คิดไม่ออกว่าจะให้บทเรียนที่น่าจดจำแก่พวกเขาอย่างไร
ฉินหลั่งมองไปทางฝู้โยว ถามว่า “ฝู้โยว คุณว่าควรทำอย่างไรกับสามคนนี้ดี”
ฝู้โยวอารมณ์สงบลงแล้ว กล่าวว่า “พวกเขาก็โดนทุบตีอย่างยับเยินแล้ว ก็ไม่ต้องให้พวกเขาต้องเจ็บปวดทางกายอีกแล้ว เนื่องจากพวกเขามีปัญหากับความคิด พวกเราก็ให้พวกเขาคุกเข่าบนพื้น ร้องเพลงประจำชาติของพวกเรา ช่วยพวกเขาล้างขยะในสมองของพวกเขา”
เมื่อฝู้โยวพูดจบ ฝูงชนที่อยู่รอบๆเห็นด้วยทันที
“ไอเดียนี้ดี ให้หมูขาวสามตัวนี้หัดร้องเพลงชาติ”
“ร้องไม่เป็นไม่ให้พวกมันกลับประเทศ ให้ชาวต่างชาติสามคนนี้บ้าตายเลย”
“ใช่ ทำให้พวกเขาลืมไม่ลงในชาตินี้เลย”
……
ไม่นาน ก็มีคนเปิดเพลงชาติจากโทรศัพท์ ดึงหูของชาวต่างชาติสามคน ให้พวกเขาฝึกร้องตาม
ชาวต่างชาติสามคนกลัวถูกทุบตี ไม่กล้าขัดขืนเลย กุมหัวและคุกเข่าบนพื้นแล้วร้องเพลงไป “ลุกขึ้น คนที่ไม่อยากเป็นทาส…….”
ในขณะนั้น ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นว่า “ด้านโน้นก็มีคนจะชกต่อยกับชาวต่างชาติ”
ฉินหลั่งกับฝู้โยวพวกเธอหันไปมอง เห็นอีกด้านของลานกว้าง มีคนโอบล้อมเป็นวง พวกเขาเดินเข้าไป
เห็นแค่ในกลางวง มีชายวัยกลางคนหน้าตาจีนๆกำลังเผชิญหน้ากับชาวต่างชาติห้าคน ชาวต่างชาติห้าคนนี้สูงประมาณ190เมตรขึ้น
ฉินหลั่งได้ยินฝูงชนพูดว่า ห้าคนนี้เป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของประเทศอู เมื่อครู่ล้อมหญิงสาวสี่คนไว้ พฤติกรรมดูไม่น่าไว้ใจ
ถูกชายหนุ่มคนจีนสองคนนี้เห็น หนึ่งในนั้นคิดที่จะสั่งสอนชาวต่างชาติห้าคนนี้
ฉินหลั่งเห็นในรอบๆฝูงชน มีชายวัยกลางคนอีกคนยืนอยู่ มองดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามอย่างสบาย ๆ คิดว่าน่าจะเป็นเป็นชายหนุ่มจีนอีกคนหนึ่ง
ชาวต่างชาติห้าคนมองชายวัยกลางคนด้วยความโกรธ พึมพำและสาปแช่งด้วยคำพูดขยะของประเทศของพวกเขา
ชายวัยกลางคนไม่กลัวชาวต่างชาติห้าคน เขายืนต่อหน้าชาวต่างชาติ ยิ้มด้วยมุมปากแล้วจ้องมองพวกเขา กล่าวอย่างดูถูก “ไอ้ฝรั่งชั่ว รนหาที่ตายเหรอ วันนี้ถ้าทำให้พวกแกคุกเข่าเรียกพ่อไม่ได้ ฉันจะไม่แซ่ซุน”
ชาวต่างชาติห้าคนรู้ว่าชายวัยกลางคนกำลังด่าพวกเขาอยู่ ในใจรู้สึกโกรธมาก ทั้งห้าคนล้อมชายวัยกลางคนไว้ตรงกลาง กัดฟันแล้วพุ่งเข้าหาชายวัยกลางคน ทั้งห้าคนเป็นนักกีฬาบาสเกตบอล กำปั้นเหมือนกระสอบทราย คนรอบข้างแตกตื่น กลัวว่าชายวัยกลางคนจะถูกฆ่าตาย
ชายวัยกลางคนยกเท้ากระแทกพื้น ตัวก็ลอยขึ้น2เมตรทันที ทำให้ชาวต่างชาติทั้งห้าคนปล่อยหมัดไปด้วยความว่างเปล่า ชายวัยกลางคนแยกขาออกกลางอากาศ เตะฝรั่งคนละเท้า
ฉินหลั่งอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “ผู้ชายคนนี้เก่งเรื่องศิลปะการต่อสู้มาก”
ชายวัยกลางคนพุ่งเข้าหาชาวต่างชาติคนหนึ่ง ชาวต่างชาติตกใจมาก ยกเข่าขึ้น โดนส่วนล่างของชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติรู้สึกเจ็บปวดมาก กุมส่วนล่างของตัวเองล้มลงกับพื้น
ถึงแม้ชาวต่างชาติห้าคนนี้จะมีรูปร่างสูงใหญ่ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชายวัยกลางคนแล้วกลับสู้ไม่ได้เลย เห็นชายวัยกลางคนใช้ท่าต่อสู้ที่พบเห็นได้บ่อยๆ ผ่านไปมาท่ามกลางชาวต่างชาติ ไม่เกินสามนาที ก็ถูกชายวัยกลางคนต่อยจนล้มลงกับพื้น
ฝูงชนโห่ร้องอย่างกึกก้อง ปรบมือแล้วพูดว่าดีมาก
ชายวัยกลางคนไม่สนใจ เขาตบมือเบาๆ ให้ชาวต่างชาติห้าคนคุกเขาลงบนพื้น เรียกว่าคุณพ่อ
หญิงสาวทั้งสี่ที่ได้รับการช่วยเหลือเดินเข้ามาขอบคุณเขา ชายวัยกลางคนเพียงแค่พยักหน้า ดูเหมือนจะไม่สนใจเลย
ชายวัยกลางคนเดินไปหาชายข้างๆ กล่าวอย่างเหยียดหยาม “ศิษย์พี่ ชาวต่างชาติห้าคนนี้ไร้ความสามารถมาก ฉันคิดว่าพวกเขาจะสามารถเล่นกับฉันได้นานกว่านี้เสียอีก”
ศิษย์พี่กอดอกและพูดเบา ๆ “ศิษย์น้อง ชาวต่างชาติหน้าคนนี้ก็เป็นแค่นักบาสเกตบอล จะมาเทียบกับนักบู๊อย่างพวกเราได้ยังไง คุณก็นะ พวกเรามาที่หลินอานในครั้งนี้ก็เพื่อมาร่วมงานแต่งงานของตระกูลหยู เพิ่งมาถึงหลินอัน ก็มีเรื่องกับคนอื่นแล้ว เฮ่ย อารมณ์ของคุณต้องใจเย็นกว่านี้”
ผู้ชายสองคนนี้ ศิษย์พี่ชื่อเถียนกวง ศิษย์น้องชื่อซุนจิ้ง มีชื่อเสียงในโลกศิลปะการต่อสู้ของจีนอีกด้วย
ซุนจิ้งกล่าวอย่างเหยียดหยาม “ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหยูบอกว่า ในวันข้างหน้าอาจจะจ้างพวกเราทำงานให้ตระกูลหยู พวกเราก็คงจะไม่มาร่วมงานแต่งงานครั้งนี้หรอก ศิษย์พี่ตระกูลหยูเป็นตระกูลที่ใหญ่อันดับหนึ่งของหลินอัน พวกเขาคิดที่จะจ้างพวกเรา ถ้าไม่ได้ห้าสิบล้าน ก็ถือว่าไม่จริงใจ พวกเราก็ไม่ต้องผูกมัดตัวเองอยู่ที่บ้านของพวกเขา”
เถียนกวงบ่นพึมพำ “ห้าสิบล้านน่าจะมากไปหน่อย ครั้งนี้นักพรตเต๋าขู่เสวียนก็มาเข้าร่วมด้วย ไม่รู้ว่าตระกูลหยูก็จะจ้างเขาด้วยไหม”
ซุนจิ้งกระแอมแล้วพูดว่า “แม้ฝีมือของพวกเราจะสู้นักพรตเต๋าขู่เสวียนไม่ได้ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าผู้คุ้มกันทั่วไปหลายร้อยเท่า ถ้าเขาปฏิเสธพวกเรา ก็จะไม่สนใจว่าจะเป็นตระกูลหยูหรือไม่ จะออกจากงานแต่งงานทันที จะไม่ไว้หน้าเขาเลย”
เถียนกวงส่ายหัวด้วยรอยยิ้มฝืนๆ กล่าวว่า “แกนะ พวกเราอย่ามัวแต่ฟังชาวต่างชาติห้าคนนี้เรียกพ่ออยู่เลย ได้ยินมาว่าถนนเส้าซินมีบาร์ชื่อดังอยู่ร้านหนึ่ง พวกเราไปเที่ยวที่นั่นกัน”
พูดจบ ซุนจิ้งตบหัวชาวต่างชาติห้าคนคนละหนึ่งที ชาวต่างชาติห้าคนมึนงง นอนราบกับพื้น เขากับเถียนกวงสองคนก็เดินจากไป
ลมกล่าว “ผู้ชายสองคนนี้ศิลปะการต่อสู้ดีมาก พอๆกับพวกเราสี่คนเลย อยากประลองกับพวกเขาจริงๆ ดูว่าพวกเขาเก่งกว่าหรือพวกเราเก่งกว่า”
หิมะวางมือบนไหล่ของลม หัวเราะและกล่าวว่า “ต้องเป็นพวกเราแน่นอน คุณดูสิพวกเขาอายุตั้งสามสี่สิบแล้ว ยังเป็นผู้ชาย ฝีมือก็เลยพอๆกับพวกเรา พวกเราอายุแค่สิบแปด สิบเก้า ความก้าวหน้าต้องมากกว่าพวกเขาแน่นอน”
ดอกไม้กับดวงจันทร์พยักหน้าและตอบว่าใช่
ลมมองไปทางฉินหลั่นแล้วพูด “พวกเขาจะเก่งแค่ไหน ก็สู้คุณชายฉินไม่ได้ คุณชายฉินใช้แค่มือเดียวก็สามารถสู้พวกเขาได้อย่างสบายแล้ว”
ฉินหลั่งส่ายหัวแล้วยิ้มว่า “ในสายตาของพวกคุณ ฉันเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลก คนอื่นไม่สามารถเอาชนะฉันได้”
ลมกับพวกเธอแลบลิ้น ปิดปากแล้วยิ้ม
มองดูภาพที่ฉินหลั่งกับลมพวกเธอหยอกล้อกัน ฝู้โยวในใจอิจฉาเล็กน้อย เธอยืนอยู่ข้างๆฉินหลั่งอย่างเงียบๆ
ฉินหลั่งคิดในใจ “ตระกูลหยูสมเป็นอันดับหนึ่งของหลินอันจริงๆ งานแต่งงานของคุณชายหยูยังเชิญนักบู๊มาร่วมด้วย ศิลปะการต่อสู้ของศิษย์พี่น้องนี้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว แล้วนักพรตเต๋าขู่เสวียนที่พวกเขาพูดถึง ฟังดูเหมือนจะเหนือกว่าพวกเขามาก ไม่รู้ว่าจะสู้ยายปี้หวู้กับอาจารย์จูได้หรือไม่ นอกจากคนกลุ่มนี้แล้ว คิดว่าจะมีคนกลุ่มธุรกิจเข้าร่วมด้วย งานแต่งงานของหยูหมิงกับหลงเย้น เป็นงานใหญ่ของหลินอานจริงๆ”
ไม่นาน ตำรวจก็มาถึง ชาวต่างชาติก็ถูกตำรวจนำตัวไป เรื่องนี้ถึงได้จบลง ในคืนนั้น ฉินหลั่งเชิญฝู้โยว ‘ลมดอกไม้หิมะ พระจันทร์’สี่สาวทานปิ้งย่าง แยกย้ายกันกลับ
ในคืนถัดไป ฉินหลั่งอยู่ในห้อง หลังจากให้‘ลมดอกไม้หิมะ พระจันทร์’สี่สาวช่วยนวดให้ ก็รับสายที่โทรจากWeChatของหลินจู ฉินหลั่งดีใจมาก รีบรับสายทันที
“ฉินหลั่ง เมื่อเช้าฉันกับพระราชา ได้ฌาปนกิจศพของพระราชินีเรียบร้อยแล้ว พระราชาจะเสด็จกลับประเทศในวันมะรืนนี้ ก่อนที่จะเสด็จกลับ พระองค์อยากเจอคุณก่อน พรุ่งนี้ที่โรงแรมเซก้า พระองค์มีงานเลี้ยงและเชิญหลายครอบครัวในหลินอานเข้าร่วมด้วย คุณก็มาสิ”
ในระหว่างการฌาปนกิจในวันนี้ หลินจูร้องไห้มาทั้งวัน เสียงจึงแหบและทุ้ม
ฉินหลั่งรู้สึกเจ็บปวดในใจ พูดว่า “คุณสบายดีหรือเปล่า”
“สบายดี” หลินจูตอบ แต่พอพูดจบ เธอก็อดสะอื้นไม่ได้ ร่ำไห้แล้วพูดว่า “พระราชินีดีกับฉันมาก ตอนนี้ไม่มีพระองค์แล้ว ฉันคิดถึงพระองค์มาก ฉันอยากให้พระองค์ลูปหัวฉัน แล้วเรียกฉัน ‘จูเอ๋อ’………”
ฉินหลั่งรู้สึกเป็นห่วงหลินจูมาก ปลอบใจว่า “หลินจู อาจารย์ท่านจากไปแล้ว ฉันรู้ว่าเธอเสียใจมากกว่าใครๆ แต่อาจารย์ก็ไม่อยากเห็นคุณเป็นเช่นนี้นะ คุณไม่ได้ตัวคนเดียว ก่อนที่อาจารย์จะจากไปท่านก็กล่าวไว้ว่า ให้ฉันดูแลคุณ คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะดูแลและปกป้องคุณอย่างดี จะไม่ให้คุณใครมาทำร้ายคุณได้แน่นอน…….”
หลินจูกลั้นน้ำตาของตัวเอง ถามด้วยเสียงเบา “คุณจะปกป้องดูแลฉันจริงๆเหรอ”
ฉินหลั่งพูดอย่างจริงจังว่า “ใช่ ถ้าใครคิดจะทำร้ายคุณ ฉันจะต้องให้มันได้รับผลตอบแทนที่สาสม”