รวยชั่วข้ามคืน?! 120 คนที่ไม่อยากเจอกลับได้เจอ

ตอนที่ 120 คนที่ไม่อยากเจอกลับได้เจอ

บทที่ 120 คนที่ไม่อยากเจอกลับได้เจอ

อู๋ยี่หยวน หยูจิ้งและวัยรุ่นอีกสิบกว่าคนนั่งอยู่ด้วยกัน พวกเธอไม่วางมาดเลยแม้แต่น้อย กลับทำตัวเหมือนเพื่อนของพวกวัยรุ่น พี่สาว และบรรดาวัยรุ่นที่ดูมีชีวิตชีวา พูดคุยหยอกล้อกัน บรรยากาศในผับช่างผ่อนคลายอย่างมาก

“พอแล้ว ฉันเองก็จะไม่พูดให้มากความ ขอพูดกับทุกคนอีกแค่สองสามประโยค แล้วทุกคนก็กลับไปนอนพักผ่อนเถอะ” อู๋ยี่หยวนพูดเข้าเรื่อง แววตาของเธอดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย

“ฉันได้พูดคุยกับเจ้าของร้านในหลินจีนท่านหนึ่งแล้ว อีกสองสามวัน จะให้พวกเขาเข้ามารับช่วงต่อผับโอวโล่…” อู๋ยี่หยวนยิ้มให้เหล่าวัยรุ่นอย่างสงบแล้วพูด แต่เรื่องที่เธอบอกเป็นเรื่องที่น่าตกใจขนาดนี้ เหล่าวัยรุ่นที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างเกิดความโกลาหลขึ้น

“พี่อู๋ พวกเราไม่ให้เขาเข้ามา!”

“ผับโอวโล่ทำไมคุณบอกว่าจะขายก็ขายได้ง่ายๆ พวกเราไม่ยอม”

“ใช้ ถ้าเขากล้าเข้ามา ผมจะไล่เขาออกไป”

……

ผู้หญิงมีท่าทีที่โศกเศร้า ผู้ชายกำลังอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้น ในผับโอวโล่ ความเป็นอยู่ของพวกเขาถือว่าไม่เลว อู๋ยี่หยวนและหยูจิ้งก็ดีกับพวกเขามาก เมื่อได้ยินว่าผับโอวโล่ถูกขาย พวกเขาก็รู้สึกเหมือนบ้านของตนเองถูกขายอย่างไรอย่างนั้น

ฉินหลั่งเองก็ตกใจไม่น้อย ก่อนหน้านี้เค้าเองยังเคยคิดเลยว่า อยากจะซื้อผับโอวโล่มาบริหาร เพียงแต่ว่าช่วงนี้เกิดเรื่องราววุ่นวายมากมาย จึงได้ลืมนึกไป เขาเองก็นึกไม่ถึงว่า อู๋ยี่หยวนจะตัดสินใจเร็วขนาดนี้ คุยกับคนอื่นจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“พวกเธอหยุดร้องได้แล้ว พวกเธอคิดว่าพี่อู๋อยากจะขายผับอย่างนั้นหรือ ขายผับทิ้งทำให้เธอต้องรู้สึกเสียใจยิ่งกว่าพวกนายเสียอีก……”หยูจิ้งพูดกับบรรดาวัยรุ่นที่กำลังตื่นเต้นอยู่ เรื่องที่จะขายผับ อู๋ยี่หยวนปรึกษากับหยูจิ้งมาโดยตลอด หยูจิ้งรู้ดีว่าอู๋ยี่หยวนต้องพยายามตัดใจมากขนาดไหน ถึงจะยอมขายผับออกไป

หยูจิ้งถูกอู๋ยี่หยวนขัดจังหวะ เธอพอจะเข้าใจความรู้สึกของเด็กวัยรุ่นเหล่านี้ได้

“ฉันรู้ว่าทุกคนเสียดายผับ ฉันยังจำได้ พวกเธอทุกคนล้วนผ่านการสัมภาษณ์ของฉันกับเสี่ยวจิ้งเพื่อเข้ามาทำงาน ก่อนที่จะเปิดกิจการหนึ่งวัน ฉันยังเคยสัญญากับพวกเธอไว้ว่า ฉันจะทำให้พวกเธอหาเงินได้จนพอใจ หากผ่านไปสักสามปี ห้าปี ก็จะเลื่อนตำแหน่ง ขึ้นเงินเดือนให้……”

ภาพในตอนนั้นปรากฏขึ้นมาในหัวของอู๋ยี่หยวนเป็นฉากๆ เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา เสียงก็เริ่มสั่นเครือขึ้น: “แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถทำคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับพวกเธอให้เป็นจริงได้ ฉันต้องขอโทษทุกคนด้วย ฉันจะขอคำนับให้แก่ทุกคน ขอโทษจริงๆ”

อู๋ยี่หยวนค่อยๆโค้งคำนับเห่าวัยรุ่นที่อยู่ในที่นี้ทุกคน

“ไม่โทษคุณหรอก”

“พี่อู๋ คูณอย่าทำแบบนี้เลย”

“พี่อู๋ พวกเรารักคุณ”

……

บรรดาวัยรุ่นทั้งหมดต่างมายืนล้อมอู๋ยี่หยวนเอาไว้แล้วปลอบใจ พวกเขาไม่เคยที่จะรู้สึกไม่พอใจอู๋ยี่หยวนเลย

“พอแล้ว ขอบคุณทุกคนมาก ของคุณพวกคุณทุกคน……” อู๋ยี่หยวนรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก เธอร้องไห้แล้วมองดูบรรดาวัยรุ่นที่ยืนล้อมอยู่รอบๆแล้วพูดว่า: “สองสามวันนี้ทุกคนลองพิจารณาดูนะว่า ใครอยากจะอยู่ต่อก็ให้รายงานตัวที่หยูจิ้ง ฉันจะบอกกับเจ้าของร้านคนใหม่ให้……”

อู๋ยี่หยวนคิดหาหนทางข้างหน้าเอาไว้ให้กับลูกน้องของตนเองทั้งหมดแล้ว นี่เรียกได้ว่าเป็นความเมตตากรุณาอย่างที่สุดแล้ว

“โห ได้ยินมานานแล้วว่าผับโอวโล่นั้นไม่เลว ดูดีจริงๆด้วย” ตอนนี้เอง มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอกสองสามคน ชายหนุ่มที่เดินอยู่ตรงกลางหัวเราะเบาๆแล้วพูดขึ้นมา ถึงแม้เขาจะสวมหมวกเบสบอล แต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้ ตั้งแต่หน้าผากลงมาจนถึงหางตามีรอยแผลเป็น ข้างๆมีผู้ชายที่ลักษณะดุไม่จริงจังเช่นเดียวกับเขาเดินตามมาอีกสี่คน แต่ละคนมีรอยยิ้มที่ดูน่ากลัว

เมื่อเห็นชายหนุ่ม อู๋ยี่หยวนก็แสดงออกถึงความกลัวเล็กน้อย ในแววตาของเธอมีประกายของความโกรธแค้นส่งออกมาด้วย

ส่วนฉินหลั่งเองก็ตกใจ เขาจำผู้ชายสี่คนที่ยืนอยู่ข้างๆชายหนุ่มได้ เป็นคนที่เข้ามาขวางทางพวกเขาไว้ในวันนั้น เป็นวันที่ฉินหลั่งเข้าไปช่วยเผิงเมิ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เมื่อลองมองดุชายหนุ่มที่สวมหมวกเบสบอลยืนอยู่ตรงกลางอย่างละเอียด เขาก็พอจะเดาออกว่าเป็นเหลียงฮุยที่สารภาพรักกับเผิงเมิ่งบนถนนเมื่อวันนั้น

ครั้งก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเผิงหนาน เผิงหนานเคยบอกว่า เหลี่ยงฮุยพยายามตามหาตนเพื่อจะแก้แค้นมาโดยตลอด ฉินหลั่งจึงอดไม่ได้ที่จะต้องแอบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่เหลียงฮุย แล้วมองทุกการเคลื่อนไหวของเขาอย่างตั้งใจ

“”ขอโทษด้วย พวกเราปิดแล้ว ขอให้พวกคุณกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้” หัวหน้าพนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้าไปหาพวกเหลียงฮุย ยิ้มอย่างสุภาพแล้วพูดขึ้น

“เอ๊ะ แขกก็เข้ามาแล้ว แล้งยังมีเหตุผลที่จะไล่แขกออกไปข้างนอกอีกหรือ? ฉันว่าแกไม่ควรจะทำงานที่นี่แล้ว สมองอย่างแก ผับดีๆอย่างนี้ คงจะต้องเจ๊งก็เพราะแก” เหลียงฮุยไม่เห็นหัวหน้าหนักงานชายอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย เขากับพวกผู้ติดตามนั่งลงเสียงดังโครมคราม เหลียงฮุยทำเพียงแค่เหลือบตามองหัวหน้างานชายหนึ่งครั้ง แล้วหันไปมองอู๋ยี่หยวน

ตอนที่เหลียงฮุยนั่งลง ทุกคนถึงได้รู้ว่า จริงๆแล้วด้านหลังของพวกเขา ยังมีคนยืนอยู่อีกคนหนึ่งด้วย เพียงแต่ว่าคนคนนี้ค่อนข้างผอมบางมาก เมื่อครู่จึงถูกพวกเหลียงฮุยบังเอาไว้จนมิด แต่ที่ยิ่งทำให้รู้สึกประหลาดใจก็คือ บนใบหน้าของคนคนนี้ สวมหน้ากากสีขาวเอาไว้ เหมือนกับใบหน้าของหุ่นที่ใช้แขวนเสื้อขายในห้างอย่างไรอย่างนั้น

“นาย…” หัวหน้างานชายเองก็ถือว่ามีตำแหน่งอยู่ในผับ อยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ถูกเหลียงฮุยด่าเช่นนี้ เขาจะไม่รู้สึกโกรธแค้นได้อย่างไร จึงต้องการที่จะตอกกลับ

“เสี่ยวเลี่ยว หุบปาก” อู๋ยี่หยวนรีบห้ามเอาไว้ตอนนี้

“พี่อู๋ คนแบบนี้ ไม่ต้อนรับก็ไม่เป็นไร ผมจะไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้……” หัวหน้างานชายเสี่ยวเลี่ยวพูดกับอู๋ยี่หยวนด้วยความโมโห

“เพียะ…” ตอนที่เสี่ยงเลี่ยวกำลังหันไปคุยกับอู๋ยี่หยวน เหลียวฮุยก็ทุบลงมาที่ท้ายทอยของเสี่ยวเลี่ยว รอจนกระทั่งเสี่ยวเลี่ยวโกรธและคิดจะกันกลับไปตอบโต้ เสี่ยงเลี่ยวก็ถูกเตะลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น เหมือนว่าอวันวะภายในถูกเหยียบ เหลียงฮุยใช้เท้าเหยียบไปที่หัวของเสี่ยวเลี่ยว แล้วมองเสี่ยวเลี่ยวอย่างดูถูก

เรื่องนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ตอนที่ทุกคนในผับเห็นเสี่ยงเลี่ยงถูกเหลียงฮุยเหยียบเอาไว้ ก็ลุกขึ้นโดยพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมายแล้วพุ่งเข้าไปเพื่อที่จะช่วยเสี่ยวเลี่ยว

คนติดตามทั้งสี่คนของเหลียงฮุย ก็ลุกขึ้นยืนเหมือนกัน คางที่แหลมของพวกเขา แสดงให้เห็นถึงท่าทางที่ดุคดโกง ใช้นิ้วมือชี้ขู่ทุกคน ทำให้ทุกคนตกใจ:

“นั่งลง!”

“ฉันจะดูว่าใครกล้าขยับ”

“ฉันจะจัดการแก……”

มีเพียงคนตัวเล็กๆที่ใส่หน้ากากเท่านั้น ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของเหลียงฮุย ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เหมือนเสาไฟฟ้าก็ไม่ปาน

คนเหล่านี้ทำทรงผมแปลกๆ ใส่สร้อยทอง แหวนเงิน ใบหน้าเต็มใบด้วยความโหดเหี้ยม มิหนำซ้ำยังทำให้บรรดาวัยรุ่นในผับต่างกลัวจนแทบจะไม่เหลือความกล้าอยู่

“นั่งลงให้หมด” อู๋ยี่หยวนขมวดคิ้วแล้วหันไปพูดกับบรรดาวัยรุ่น ทุกคนรู้สึกไม่เต็มใจนัก เมื่ออู๋ยี่หยวนพูดอีกครั้งว่า “นั่งลง” ด้วยความโมโห พวกเขาจึงได้ยอมนั่งลงแต่ก็ยังหันไปมองเหลียงฮุยด้วยความโกรธแค้น

อู๋ยี่หยวนแสดงความโกรธออกมา แล้วหันไปหาเหลียงฮุย

“คุณชายเหลียง ปล่อยเขาเถอะ” ในใจของอู๋ยี่หยวนไม่เต็มใจที่จะพูดกับเหลียงฮุยเลยแม้แต่น้อย ตัวเองจริงๆแล้วไม่ได้รู้จักเขา เป็นเขาที่หลายวันก่อนเข้ามาหาอู๋ยี่หยวนเอง แล้วแนะนำตัว ช่วงหลายวันมานี้ ได้ชวนตนเองไปกินข้าว และชวนตัวเองออกไปดุหนัง อู๋ยี่หยวนมีหรือที่จะดูแผนการของเหลียงฮุยไม่ออก ฮู๋ยี่หยวนรู้สึกขยะแขยงเหลีนงฮุย จึงปฏิเสธทุกคำเชิญของเขา

แต่เหลียงฮุยก็ยังคงตามตื๊ออู๋ยี่หยวน อู๋ยี่หยวนเองก็พอจะรู้ว่าเหลียงฮุยเป็นทายาทนักธุรกิจ เธอเองจึงทำอะไรไม่ถูก

“ปล่อยเหรอ? เมื่อกี้เขาอยากจะโจมตีฉัน ฉันเหลียงฮุยอยู่ต่อหน้าทุกคนแล้วดูซิว่า

เหลียงฮุยพูดย่างรู้สึกขำ เท้าของเขาที่อยู่บนหน้าของเสี่ยวเลี่ยว ขยี้ลงไปสองครั้ง เสี่ยวเลี่ยวส่งเสียงร้อง “โอ๊ย โอ๊ย” สองครั้งด้วยความเจ็บปวด

วัยรุ่นในผับค่อยๆตัวสั่น พวกเขารู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก

อู๋ยี่หยวนขมวดคิ้วแน่น เธอพยายามคิดอย่างรวดเร็วว่าจะช่วยเสี่ยวเลี่ยวกลับมาได้อย่างไร

“คุณจะเอายังไง?” อู๋ยี่หยวนมองเหลียงฮุยนิ่ง ใจเธอเต้นระส่ำ ดุๆไปแล้ววันนี้เหลียงฮุยคงจะต้องมีแผนถึงได้มา

“เหอะ…..” เหลียงฮุยหัวเราะเบาๆสองครั้ง เขาหยิบพวงกุญแจออกมา ใช้กรรไกรตัดเล็บแต่งเล็บของตนเอง แล้วพูดเบาๆว่า: “ง่ายมาก ฉันมาผับก็มาเพื่อที่จะดื่มเหล้า เมื่อดื่มเหล้าเสร็จ ฉันก็จะไปเอง ส่วนเจ้านี่ ในสายตาของฉัน ไม่มีค่าอะไรเลย”

เหลียงฮุยใช้เท้ากลิ่งหัวของเสี่ยวเลี่ยวไปมา เหมือนกับกลิ้งลูกแตงโมก็ไม่ปาน

“ยกเหล้าให้พวกเขา!” อู๋ยี่หยวนพูดกับวัยรุ่นที่อยู่ในผับ พนักงานเสิร์ฟชายสองสามคนจ้องมองเหลียงฮุย แล้วจะไปเทเหล้าที่บาร์ให้กับพวกเหลียงฮุย

“ช้าก่อน เถ้าแก่อู๋ ผมกับพี่น้องมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะมาร่วมสนุกกับคุณ ทำไมคุณถึงไม่แสดงฝีมือหน่อย ให้เด็กหนุ่มพวกนี้เสิร์ฟเหล้า เกรงว่าผมกับพี่น้องของผมคงจะไม่มีความสุข ที่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้หญิง ให้พวกเธอมาเสิร์ฟเหล้าถึงจะเป็นวิธีดูแลแขกที่สมเหตุสมผลมิใช่หรือ?” เหลียงฮุยยื่นนิ้วเข้าไปที่แสงสว่างเพื่อที่จะดูว่าเล็บตัดแต่งเป็นอย่างไรบ้าง

บวกกับคนของอู๋ยี่หยวนทั้งหมด ล้วนถอนใจอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องการที่จะส่งเข้าแห่งความชั่วร้ายนี่กลับไป จึงทำได้เพียงแค่ต้องทำตามใจเขา

“เสี่ยวจิ้ง หลิงหลิง อะเจิน หญิงแกร่ง พวกเธอมาเอาเหล้ากับฉันไปบริการลูกค้า” อู๋ยี่หยวนเลือกผู้หญิงออกมาสี่คน แล้วจึงไปเอาเหล้าที่บาร์พร้อมกับพวกเธอ หนึ่งคนถือเหล้ามาหนึ่งแก้ว แล้วเดินเข้าไปหาพวกเหลียงฮุย

เมื่อเห็นว่าอู๋ยี่หยวนและสาวงามทั้งสี่เดินมาหาพวกเขา แววตาของพวกเหลียงฮุยก็แสดงออกถึงความชั่วร้าย

“ออกไป!” เหลียงฮุยเตะที่หัวของเสี่ยวเลี่ยว เพื่อให้เขาออกไป

“เชิญคุณชายเหลียง” อู๋ยี่หยวนวางแก้วเหล้าลงตรงหน้าเหลียงฮุย เห็นเหลียงฮุยมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย อู๋ยี่หยวนก็รู้สึกใจเต้นระส่ำ รู้สึกคลื่นไส้ อยากที่จะไปให้พ้นจากเขาโดยเร็ว

“ดี ฉันจะดื่ม เหล้าที่คุณอู๋นำมาให้ด้วยตนเอง ผมจะไปกล้ารังเกียจได้อย่างไร?” เหลียงฮุยไม่ละสายตาออกไปจากใบหน้าของอู๋ยี่หยวนเลย มือของเขาค่อยๆยื่นแก้วเหล้าออกมา ตอนที่กำลังจะจับแก้วเหล้า ทันใดนั้นเหลียงฮุยก็กุมมือของอู๋ยี่หยวนเอาไว้ อู๋ยี่หยวนตัวสั่น แก้วเหล้าหล่นลงไปแตกที่พื้น ส่วนมือของเธอถูกเหลียงฮุยจับเอาไว้แน่น

ในเวลาเดียวกันผู้ติดตามทั้งสี่คนนั้นก็ทั้งกอดทั้งดึงผู้หญิงที่นำเหล้ามาส่งให้พวกเขา ผู้หญิงทั้งสี่คนก็ร้องออกมาด้วยความตกใจในเวลาเดียวกัน

“ปล่อยฉันนะ แกทำอะไร……” อู๋ยี่หยวนตะโกนร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอรู้สึกว่าสูญเสียการทรงตัว แล้วจึงล้มลงไปในอ้อมแขนของคนคนหนึ่ง

“ทำอะไร ฉันจะทำอะไรได้……” เหลียงฮุยกอดอู๋ยี่หยวนเอาไว้แน่น เขาก้มลงมองใบหน้าที่เหมือนดาราของอู๋ยี่หยวน เขาหื่นกระหายอยู่นานแล้ว อู๋ยี่หยวนพิงอยู่บนตัวของเขา เขารู้สึกได้ถึง “ชิ้นส่วน” บนร่างกายของอู๋ยี่หยวน ก็รุ้สึกพอใจมากแล้ว ตอนนี้เหลียงฮุยเหมือนกับนักโทษที่ถูกตัดสินจำคุก 30 ปี เมื่อออกมาจากคุกแล้วพบเข้ากับหญิงสาวครั้งแรก ความชั่วร้ายในแววตาของเขายิ่งปรากฏชัดเจนขึ้น ลูกกระเดือกก็เคลื่อนที่ขึ้นลง เขารอไม่ไหวแล้ว จึงใช้ริมฝีปากบดขยี้ลงไป……

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

Score 10
Status: Completed
ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Options

not work with dark mode
Reset