บทที่ 265 – ฉันจะไปที่ไหนก็ได้ (7)
“มีร่องรอยมายาอยู่มากเกินไป ฉันไม่สามารถจะแยกได้เลยว่าฉันจะต้องตามรอยมานาส่วนไหน”
[ด้วยความช่วยเหลือจากเราก็คงจะต้องใช้ความพยายามสักสองสามครั้ง]
“แต่ถึงฉันจะหาเจอแล้ว ฉันก็คิดว่าเราก็ยังต้องข้ามกำแพงแห่งความโกลาหลไปเปิดประตูมิติอีกด้วยนะ”
[พวกเราได้เตรียมทีมไว้สำหรับการนั้นแล้ว]
เมื่อทิเทร่าพูดจบก็มีทูตสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นมา พอยูอิลฮานได้หันไปมองเขาก็ถึงกับบ่นออกมา
“ไม่มีคลาส 7”
[เทวทูตจะเคลื่อนไหวง่ายๆไม่ได้]
“นี่ทั้งๆที่อยู่ในสงครามแบบนี้พวกเธอก็ยังไม่คิดจะส่งเทวทูตไปอีกงั้นสินะ?”
[มันก็ชัดแล้วนี่ พวกนั้นก็ไม่ได้ส่งมาเหมือนกัน]
ยูอิลฮานได้ถามไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ และทิเทร่าก็ตอบเขากลับมาเหมือนนี่เป็นเรื่องปกติ
“พวกเธอก็น่าจะรู้นะว่าทำไมพวกนั้นถึงได้โกรธน่ะ ตราบใดที่เทวทูตยังไม่ออกมา ความโกรธของพวกนั้นก็จะไม่มีทางหายไปต่อให้เกิดปัญหาภายในอะไรก็ตามขึ้นมา”
[เทวทูตต่างก็มีหน้าที่และงานของพวกเขาอยู่ ก็อย่างที่ฉันบอกไปเมื่อคังมิเรย์ได้เปิดประตูมิติขึ้นมา สถานการณ์ก็จะบรรเทาลงไปเอง]
“ก็นี่คือสิ่งที่ฉันจะบอกเหมือนกัน มันไม่มีทางที่พวกฝั่งนู้นจะนั่งเฉยๆให้เราทำแบบนั้นแน่”
ด้วยการที่มียูอิลฮานอยู่ด้วยทำให้พวกเขาสามารถซ่อนตัวได้จนกว่าจะใช้เวทย์ครั้งแรกได้ แต่ยังไงก็ตามปัญหาหลักเลยก็คือพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทดลองกี่ครั้งถึงจะเปิดประตูมิติไปที่สำนักงานหลักของกองทัพจรัสแสงได้สำเร็จ ยิ่งเมื่อคังมิเรย์ถูกเจอตัวว่าสร้างประตูมิติได้ เธอก็จะต้องถูกทุกๆคนเพ่งเล็งมาแน่
[เรากำลังเสี่ยงชีวิตเรากับภารกิจนี้อยู่ ฉันเข้าใจว่าคุณกังวลถึงเรื่องอะไร แต่ว่าคังมิเรย์จะไม่มีวันเสียชีวิตแน่นอน การที่เรามอบอาร์ติแฟคระดับเทพเจ้าของเราไปมันก็เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากของเราเหมือนกันนะ!]
“นั่นก็เป็นเหตุผลที่ฉันกำลังจะพูดถึงอาร์ติแฟคระดับพระเจ้า… โอ้ ฉันลืมไปเลย”
นี่ไม่ดีแล้ว พูดไปไม่ดีแน่ ยูอิลฮานได้จับหน้าผากอย่างปวดหัว หากว่าพวกงี่เง่านี่จะเอาแบบนี้จริงๆ เขาก็จะต้องมอบรายละเอียดพลังส่วนใหญ่ของเขาให้พวกนี้รู้เหมือนกัน
นี่มันก็เป็นความผิดของเขาเหมือนกันสินะ ตอนนี้เขาจะทำยังไงดีล่ะ? การมายอมแพ้เอาตอนนี้มันก็ไม่ดีแล้วด้วย ยูอิลฮานได้ละทิ้งความเสียใจออกไปและประกาศขึ้นมาแทน
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราจะแย่งกันเป็นสองกลุ่ม ทูตสวรรค์ ฉันเคลื่อนไหวโดยที่คิดว่าพวกนายไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วกัน”
[…?]
ทูตสวรรค์ที่อยู่รวมถึงทิเทร่าไม่อาจจะเข้าใจเขาได้เลย จะมีก็แต่เลียร่าเท่านั้นที่เข้าใจเขา
“อิลฮาน นายกำลังจะบอกว่านายจะไปดึงความสนใจของพวกนั้นในระหว่างคังมิเรย์กำลังใช้เวทย์งั้นหรอ?”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันมีบันทึกข้อมูลส่วนใหญ่ของพวกนั้นแล้ว ถ้าเป็นคลาส 6 ฉันก็น่าจะปลอดภัยอยู่”
“เท่…เท่จัง”
“ฉันรู้แล้วน่า”
หลังจากที่เลียร่าพูดแบบนี้ออกมา ทูตสวรรค์ที่รู้ถึงแผนที่เขาคิดจะทำก็ได้แต่ส่ายหัวออกมา
เขาเป็นใครกันที่จะไปพุ่งเข้าไปในสนามรบที่ต่อให้เป็นคลาส 6 ก็ยังต้องตายเลย?
“อิลฮาน ไม่นะ!”
“ถ้านายไปถูกจัดการที่ไหนซักที่ ฉันก็จะตายแน่นอน! นี่เป็นคำขอจากฉัน อย่าได้แบกภาระมากเกินไปเลย”
“ฉันไม่ตายหรอกน่า แล้วก็นี่ก็เป็นภารกิจที่กองทัพสวรรค์ให้เราสองคนด้วย ฉันจะโกรธแน่ถ้าเธอจะทำงานหนักอยู่คนเดียวน่ะมิเรย์”
หลังจากได้ยินคำพูดของยูอิลฮาน คังมิเรย์ก็ได้หมดคำพูดไป ในเวลานี้นายูนาก็ได้มาแตะไหล่ของคังมิรย์และก้าวออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกมิเรย์ ยูอิลฮานจะไม่มีวันตาย โอ้ นายจะพาฉันไปด้วยใช่ไหมล่ะ?”
“ไม่ล่ะ ยูนา เธอก็ต้องอยู่ในป้อมปราการ”
“ชิ นายชอบทิ้งฉันเอาไว้แบบนี้ตลอดเลย ตอนฉันเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงฉันจะเป็นนักบุญที่สู้ได้ให้ได้เลยคอยดู!”
“กลับกันเลียร่ากับเอิลต้าเป็นคนที่จะต้องมาช่วยฉัน ยูนาเธอช่วยร่ายพรให้กับเราก่อนด้วยนะ”
“พ่อครับ ผมไปด้วย”
ยูอิลฮานได้จัดเตรียมทุกอย่างเหมือนสายฟ้าแลบทั้งๆที่ทูตสวรรค์ยังคงตกตะลึงกันอยู่ เขาได้จัดทั้งทีมแนวหน้ากับทีมสนับสนุนขึ้นมาแล้ว
ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ส่ายหัวให้กับยูมิล
“มิล ลูกมีหน้าที่ที่สำคัญมากๆอยู่ ลูกจะต้องทำให้ทุกๆคนซ่อนตัวรวมไปถึงป้อมปราการลอยฟ้าจนกว่าคังมิเรย์จะเปิดใช้งานเวทย์ครั้งแรกเสร็จ เป็นไงบ้าง ลูกทำได้ไหม?”
“อืมมม… ได้ครับ”
“เยี่ยม ถ้างั้นพ่อของฝากลูกดูแลพี่สาวกับคุณย่าด้วยนะ”
“เข้าใจแล้วครับ!”
[การซ่อนตัววงกว้างงั้นหรอ? นั่นมันเป็นไป-]
“ย่าห์”
เมื่อยูมิลได้เปิดใช้งานสกิลจนถึงขีดสุดทำให้สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ทูตสวรรค์ได้แต่ล้มเลิกที่จะเถียงกลับไป นี่คือขั้นตอนพื้นฐานที่ทุกๆคนได้เจอกับยูอิลฮานและกลุ่มของเขาจะต้องเจอ
[ดะ เดี๋ยวก่อนสิ! ถ้านายจะไปแบบนั้นจริงๆก็มารับพรจากพวกเราก่อน พรจากสิ่งมีชีวิตชั้นสูงน่าจะดีกว่าพรจากสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่แล้ว]
“อ๊า ฉันก็ไม่อยากจะโม้หรอกนะ แต่ว่าเรามีนักบวชที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว
“อะแฮ่ม”
นายูนาได้ขยิบตาให้กับทูตสวรรค์และมอบพรให้กับยูอิลฮาน เลียร่าและเอิลต้า หลังจากที่เลเวลเธอได้เกือบจะถึง 280 แล้ว เธอก็ยิ่งงดงามขึ้นมาอย่างมาก และเธอได้แปลพลังของเทพแห่งความงามที่เธอได้มาให้เป็นพลังแห่งพรที่เธอใช้ในฐานะนักบวชของเทพธิดาแห่งความงามของท่านหญิงเรย์น่า
[ความสามารถทั้งหมดเพิ่มขึ้น 43% เป็นเวลา 3 ชั่วโมง คุณจะไม่ได้รับความเสียหายคริติคอลใดๆทั้งสิ้นและจะสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีถึงตายในทีเดียวของศัตรูได้ ความสามารถในการฟื้นฟูเพิ่มขึ้น 300%]
[…]
ทิเทร่าได้รู้สึกถึงพลังของทั้งสามคนที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาลทันทีทำตัดสินใจหยุดที่จะคิดแล้ว ด้วยความสามารถขนาดนี้เธอก็ควรจะพานายูนาเข้ามาในกองทัพสวรรค์สินะ แต่แน่นอนว่าความหวังนี่คงจะไม่มีวันเป็นจริงแล้ว
“เที่ยวให้ปลอดภัยนะอิลฮาน”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเราแน่ แล้วก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับด้านพวกเธอเหมือนกัน”
ยูอิลฮานได้มองไปที่คังมิเรย์กับนายูนา ก่อนที่จะแตะไปที่พื้นป้อมปราการลอยฟ้าเบาๆ ตราบใดที่ ‘เธอ’ ยังอยู่ในป้อมปราการลอยฟ้านี้ จะไม่มีใครที่เข้ามายุ่งย่ามกับคนในป้อมปราการลอยฟ้านี้ได้
“ถ้าเธอคิดว่ามันอันตราย เธอก็ปรากฏตัวได้เลยนะ”
“ฉันจะเชื่อในตัวเธอนะ”
[อะไรน่ะ? ‘เธอ’ นั่นมันคืออะไร]
ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้หันหน้าไปดูเลียร่ากับเอิลต้าว่าเข้ามาอยู่ในระยะการซ่อนตัวของเขาหรือยังโดยไม่สนใจทิเทร่าเลย จากนั้นเขาก็ได้กระโดดออกไป
ยิ่งเขาเข้าไปใกล้กำแพงแห่งความโกลาหล การต่อสู้ระหว่างสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ยิ่งมากขึ้น เมื่อเห็นแบบนี้ยูอิลฮานก็ได้คิดเรื่องหนึ่งออกมา
“โอ้ ฉันคิดว่าฉันยังไม่ได้เรียนหอกสะบั้นจักรวาลเลยนะ”
“น่าตกใจมากเลยนะที่นายมาคิดเอาตอนนี้ แล้วยังไงล่ะ? นายกำลังคิดจะฝึกที่นี่งั้นหรอ?”
“ใช่แล้ว ฉันกำลังคิดแบบนั้นอยู่เลย”
จริงๆแล้วยูอิลฮานก็คิดว่าแค่การฝึกหอกไร้วิถีมากยิ่งขึ้นไปก็น่าจะพอทำให้เขาไปถึงระดับของวิชาหอกที่สูงขึ้นได้แล้ว แต่ว่าหากว่ามีหอกสะบั้นจักรวาลเข้าไปด้วยอีกล่ะ? มันจะกลายเป็นเทคนิคหอกที่สมบูรณ์แบบที่ได้เกิดมาจากเทคนิคหอกขั้นสูงสองอันเป็นพื้นฐานไงล่ะ
“แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว…”
“รวมสกิลเทคนิคอาวุธขั้นสูงเข้าด้วยกัน… ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลย แต่ว่าถ้าเป็นเขาอาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ”
ระหว่างบินอยู่ยูอิลฮานก็ตรวจดูช่องเก็บของของเขา เขามีซากสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเก็บเอาไว้มาก และเขาได้หยิบเอาหินพลังเวทย์คลาส 5 ออกาอย่างสุ่มๆและเริ่มทำการวิวัฒนาการรูปแบบผสมในทันที
แสงเจิดจ้าได้ระเบิดออกมาครอบคลุมตัวยูอิลฮานทำให้จิตวิญญาณและร่างกายของเขาพัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ในตอนนี้เข้าได้มาถึงระดับที่เกือบจะเทียบกับสเปียร่าที่อยู่คลาส 6 ได้แล้ว
[คุณไดเรียนเทคนิคหอกสะบั้นจักรวาล]
“สเปียร่าจะคิดยังไงกันนะถ้าเธอได้รู้ว่ายูอิลฮานได้ทำสิ่งที่เธอต้องใช้เวลาทั้งชีวิตสร้างขึ้นมาได้ง่ายๆ…”
“เธอก็น่าจะชอบแหละที่ยูอิลฮานได้สร้างเทคนิคที่ระดับสูงขึ้นกว่าเดิมจากการใช้เทคนิคของเธอเป็นพื้นฐานน่ะ”
“เอาล่ะ มาลองการโจมตีแรกกัน”
น่าบังเอิฐที่ว่าตอนนี้มีทูตสวรรค์กำลังถอยกลับมาจากการที่ได้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงพร้อมๆกันอยู่ เขาคนนี้กกำลังถูกศัตรูนับสิบไล่ตามล่ามา! หอกของยูอิลฮานได้พุ่งออกไปเหมือนกับเสือที่กำลังล่าเหยื่อ
มือซ้ายของเขาได้ใช้เล็งทิศทางในการโจมตี และมือขวาได้กระชับหอกแน่น เขาได้วาดหอกเป็นเส้นแทยงมุมจากล่างขวาขึ้นไปสู่บนซ้ายด้วยปลายหอกของเขา
ความแหลมคมของดาบ ความรวดเร็วของแส้ และน้ำหนักของอาวุธไร้คมได้รวมเข้าด้วยกันเป็นการโจมตีหนึ่งเดียวของหอกด้วยการควบคุมที่เหนือยิ่งกว่าขีดสุดของเขา
ในตอนนี้เองได้ การวาดหอกได้สร้างเส้นตรงตัดผ่านอากาศทุกๆสิ่งออกเป็นครึ่งหนึ่งในทันทีที่หอกผ่านไป
[ติดคริติคอล!]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับ…]
[สกิลหอกสะบั้นจักรวาลได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็นเลเวล 8]
“หา”
หลังจากเก็บร่างของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงกลับเข้ามาในช่องเก็บของ เขาก็แสดงความสงสัยออกมา
“นี่เพราะพวกนั้นทั้งหมดตายในทีเดียวเลยทำให้การซ่อนตัวของฉันไม่หายไปงั้นสินะ”
“ไม่เป็นไรหรอก พวกนั้นส่วนใหญ่ก็คงจะรู้ตัวไปแล้วล่ะ”
หอกสะบั้นจักรวาลของยูอิลฮานได้ถูกแทงออกไปอีกครั้งหนึ่งนี้ ได้ทำให้แม้แต่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ยังตายไปทำให้สกิลยมทูตของเขาเริ่มแสดงผลออกมา
แต่ว่าถึงแม้ว่าสนามรบนี้จะมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ว่าการตายของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงหลายๆคนในคราวเดียวโดยไม่เห็นศัตรูเป็นสิ่งที่แปลกมาก ความวุ่นวายได้เกิดขึ้นมาในสนามรบทันที
[เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน?]
[มีบางอย่างเพิ่งจะผ่านฉันไป ฉันรู้สึกได้จริงๆนะ! แต่ว่าฉันกลับมองไม่เห็นมัน!]
[หลังจากทูตสวรรค์ถอยกลับไปการโจมตีนี้ก็เกิดขึ้น เทวทูต! ในที่สุดเทวทูตก็ออกมาแล้วงั้นหรอ!?]
ไม่ว่ายูอิลฮานจะพยายามดึงความสนใจมากแค่ไหน แต่ศัตรูก็ไม่เจอเขาเลยเพราะแบบนี้ทำให้เขาไม่ได้ทำหน้าที่ของเขาเลย ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาและหยิบเอาเครื่องดื่มลมหายใจขึ้นมาด้วย จากการที่เขาได้สร้างเครื่องดื่มนี่ไว้เป็นจำนวนมากทำให้เขาน่าจะมีพอใช้ทั้งการต่อสู้ครั้งนี้
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็”
เขาได้กระชับหอกเอาไว้และพุ่งเข้าไปในรูของกำแพงแห่งความโกลาหล จากนั้นเมื่อเลียร่ากับเอิลต้าตามเขามา เขาก็กระจายเพลิงสีขาวออกไปจากหอกและตะโกนขึ้น
“การร่วงหล่น!”
เพลิงสีขาวที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณได้ถูกเสริมพลังและย้อมสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นเปลวเพลิงในทันที การซ่อนตัวของยูอิลฮานที่มีอยู่็ได้หายไปและเขาก็ได้เผยตัวออกมาโดยไม่มีอะไรซ่อนเอาไว้เลย
[มานานี่มัน….]
[ยูอิลฮาน นั่นมันยูอิลฮาน]
[เขาอยู่ที่นี่!?]
[แต่เขามาทำไมล่ะ!? เดี๋ยวนะ… หรือว่าเขาเข้าร่วมกองทัพสวรรค์ไปแล้ว?]
[ไม่ เขายังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่!]
แต่สิ่งสำคัญมันไม่ใช่เรื่องนี้ สิ่งสำคัญก็คือระดับพลังของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดในพื้นที่ได้ถูกลดระดับลงจากการร่วงหล่น!
ยูอิลฮานได้ลดพลังของหอกสะบั้นจักรวาลและหอกไร้วิถีของเขาลงมาเพื่อลดมานาที่จะต้องใช้และเปิดใช้สกิลสองอย่างพร้อมๆกันในหลายๆรูปแบบ คลื่นกระแทกที่คล้ายกับการระเบิดของดาวเคราะห์ได้เกิดขึ้นมาโดยที่มีเขาเป็นศูนย์กลางและได้กระจายออกมาโจมตีไปที่สิ่งมีชีวิตชั้นสูง การโจมตีครั้งนี้มีทั้งพลังและความเร็วจนถึงขีดสุดจนฉีกกระชากทุกๆอย่างที่ขวางทางจนเป็นชิ้นๆไปทั้งหมด
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[ติดคร…]
[คุณได้รับค่าประ…]
“นี่มันบ้าอะไรเนี้ย….”
เลียร่าได้หมดคำพูดไปเมื่อได้เห็นการรวมกันของเทคนิคของขั้นสูง ในเวลาเดียวกันเอิลต้าได้เป็นคนถามออกมาแทน
“นี่คือภาพที่เราจะได้เห็นถ้านายรวมเทคนิคหอกทั้งสองอันเข้าด้วยกันใช่ไหม?”
“ไม่”
ยูอิลฮานได้ตอบกลับมาเบาๆและเก็บศพของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ตายลงไป จำนวนคราวๆก็มีประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบกว่าคน นี่น่าจะเป็นจำนวนที่มากพอจะดึงความสนใจจากทุกๆคนมาที่เขาได้แล้ว
“นี่ฉันยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำนะ”
[ขะ เขาคือ… ยูอิลฮาน!]
[ยูอิลฮานอยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรอ?]
[ฆ่า! ฆ่าเขา!]
[แก้แค้นให้เฮเรียน่า… ฉันจะฆ่าแก!]
จิตสังหารและความมุ่งร้ายทั้งหมดต่างก็พุ่งมาที่ตัวเขาทั้งนั้น ยูอิลฮานก็รู้สึกถึงเรื่องนี้แต่เขาก็แค่แสยะยิ้มออกไปเท่านั้น
เลียร่าได้แต่ถอนหายใจออกมาและยกหอกขึ้นมา ตอนนี้กระแสของสนามรบได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปแล้ว
นับจากนี้สงครามนี้จะถูกยูอิลฮานเป็นผู้ชี้นำ