SD:บทที่ 86 บทกวีของม้าแก่
จักรพรรดิไม่เพียงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นักแข่งขันชาวต่างชาติเองก็รู้สึกตกใจเช่นกัน
ถ้าคุณเข้าใจทักษะอย่างถี่ถ้วนคุณจะเห็นได้อย่างง่ายดายว่าบุคคลนั้นแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ
มันคือวิธีที่ ซูฉิวไป่ แสดงให้เห็นโดยการกระโดดขึ้นม้าซึ่งเป็นสิ่งที่คนเพียงไม่กี่คนสามารถทำได้
ไม่มีใครสงสัยอะไรอีกแล้วและการแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้น!
ม้ามากกว่า 1 โหลวิ่งออกมาจากจุดเริ่มต้น ดวงตาของทุกคนจ้องอยู่ที่หน้าจอขนาดใหญ่ เกมการแข่งขันทั้งหมดกำลังถ่ายทอดสดในมุมมองทางอากาศดังนั้นจึงสะดวกสำหรับผู้รับชม
ในตอนต้นของเกมทุกคนคิดว่าอย่างน้อยที่สุด ชายหนุ่มจะต้องอยู่ใน 3 อันดับแรก อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มยังคงอยู่ในตำแหน่งสุดท้าย อันที่จริงเขากำลังนอนอยู่บนหลังม้าและไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มกำลังทำอะไร
ดังนั้นผู้แข่งขันคนอื่นๆจึงหายตัวไปอย่างรวดเร็วจากสายตาของเขา
นั้นทำให้ เฉาตั้วเฟย รู้สึกกังวล ยังไงก็ตามชายคนนี้คือบอสของเขา ซูฉิวไป่ แผ้ชาวต่างชาติเขาเองก็จะรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
ในทางตรงกันข้ามทุกคนรู้สึกยินดีเมื่อพวกเขาเห็นว่า ซูฉิวไป่ ขี่ม้าอย่างไร พวกจักรพรรดิคิดว่าพวกเขาประเมินความสามารถของ ซูฉิวไป่ ผิดไป และเมื่อเห็นว่า ซูฉิวไป่ ไม่สามารถควบคุมม้าได้เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
ไม่มีใครรู้ว่า ซูฉิวไป่ กำลังทำอะไรอยู่ บางทีถ้าพวกเขารู้เขาอาจจะตกใจมากยิ่งกว่า ซูฉิวไป่ กำลังคุยกับม้าของเขา
สำหรับนักขี่ม้าคะแนนเป็นตัวกำหนดชัยชนะมากกว่าครึ่ง นักขี่ม้าหลายคนเลือกที่จะอยู่กับม้าของตัวเองเพื่อทำความเข้าใจกับม้าของพวกเขาอย่างถ่องแท้ ความไว้วางใจความใกล้ชิดระหว่างนักขี่ม้าและม้าของเขาสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการแข่งม้า
นักแข่งเหล่านั้นอยากจะพูดคุยกับม้า เพื่อให้การแข่งขันของเขาราบรื่นมากที่สุด แต่เนื่องจากม้าของพวกเขาถูกเตรียมในนาทีสุดท้ายและนักแข่งม้าไม่มีเวลาที่จะพูดคุยกับม้าของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงศักยภาพของม้าได้เพียงครึ่งเดียว
แต่ ซูฉิวไป่ แตกต่าง เขานอนบนหลังม้าและคุยกับมันสักพักหลังจากนั้นทั้งม้าและเขาก็เริ่มคุ้นเคยกัน
“เอาล่ะเด็กน้อย แสดงให้พวกเขาเห็น ว่าม้าที่ดีเป็นอย่างไร!”
ในที่สุด ซูฉิวไป่ ก็ยกหัวขึ้นและตะโกนจากนั้นเขาปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากบังเหียน จากนั้นม้าก็ใช้กรีบเท้าทั้ง 4 ข้างตะบึงวิ่งไปข้างหน้า ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะหน้าจอที่ถ่ายทอดสดนั้นมีเพียงรูปภาพของกลุ่มนักแข่งที่อยู่ด้านหน้า และคนที่อยู่ในอันดับแรกนั้นคือแอนโทนี่
หลังจากวิ่งไปข้างหน้าครู่หนึ่ง แอนโทนี่แอบมองมาด้านหลังแต่ไม่เห็น ซูฉิวไป่ ความรู้สึกดูถูกเหยียดหยามของเขากลับมาอีกครั้ง ชายจีนคนนั้นชอบคุยโม้ เขาทำราวกับภาคภูมิใจตัวเองเป็นอย่างมากแต่ตอนนี้กลับไม่เห็นแม้เงา
ชาวต่างชาติคนอื่นมีความคิดแบบเดียวกันกับแอนโทนี่ พวกเขาเริ่มคิดวิธีเกี่ยวกับการแข่งขันกับจักรพรรดิ
สำหรับพวกจักรพรรดิพวกเขารู้สึกเบื่อที่จะมองดูหน้าจอขนาดใหญ่ แม้ว่าพวกเขาจะชนะการเดิมพันกับ ซูฉิวไป่ แต่พวกเขารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นชายหนุ่มแพ้ให้กับชาวต่างชาติ โชคดีที่พวกเขาไม่รู้การเดิมพันระหว่าง ซูฉิวไป่ กับชาวต่างชาติเหล่านี้ มิฉะนั้นพวกเขาคงลงไปฆ่าซูฉิวไป่ ด้วยตัวเองแล้ว
หลายคนเริ่มคิดว่าผลลัพธ์ได้ถูกตัดสินแล้ว
อย่างไรก็ตามแอนโทนี่และคนอื่นๆได้ยินเสียงร้องจากด้านหลัง
ทุกคนต้องตกตะลึงเมื่อพวกเขามองย้อนกลับไป
นั่นใช่คนขี่ม้า ที่ตามไม่ทันก่อนหน้านี้หรือไม่!
ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะตกจากหลังม้าได้ตลอดเวลา และม้าที่เขาขี่นั้นเป็นม้าที่แก่และดูแย่ที่สุด แต่ความเร็วที่แสดงออกมานั้นมันน่าเหลือเชื่อ
“หลีกทาง ขวางทางทำไม งี่เง่า!”
เมื่อสังเกตเห็นว่านักแข่งม้าอยู่ด้านหน้า ซูฉิวไป่ รู้สึกตกใจมาก ที่พวกเขารวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่ม
พวกคุณมองอะไรอยู่!นี่คือการแข่งม้านะ! ทำไมไม่รีบวิ่ง!
หัวใจของเขาเกือบพังทลายลงในขณะนั้น ในตอนแรกเขาแค่อยากจะพูดอะไรสักคำเพื่อให้กำลังใจม้าแก่ของเขา แต่เขารู้สึกกังวลว่ามันจะไม่ได้ผลดังนั้นเขาจึงอ่านบทกวีให้มันฟัง!
ชื่อของบทกวีคือ “ การจู่โจมของนักรบ!”
เขาเคยได้ยินบทกวีนี้จากอินเทอร์เน็ต เขาไม่เคยคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนและอ่านให้ฟังเพียงไม่กี่บรรทัด
จากนั้นม้าก็บ้าคลั่ง!
มันกลายเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เนื่องจากบทกวี ม้าแก่นึกถึงวัยเด็กและทุ่งหญ้าสีเขียวที่เคยมีชีวิต มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังวิ่งอยู่ในทุ่งหญ้าท่ามกลางพระอาทิตย์ตกดิน ภาพวัยเด็กค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลา ดังนั้นในขณะนี้มันจึงใช้ความพยายามอย่างมากที่จะติดตามกลุ่มด้านหน้า ดวงตาของมันแดงกล่ำ น้ำตาไหลออกมายามที่มันแซงหน้าม้าตัวอื่นๆ
ซูฉิวไป่ ไม่มีเวลากังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ที่ประหลาดใจของคนอื่น ความสนใจหลักของเขาในตอนนี้คือการอยู่บนหลังม้า ใครจะรู้ว่าบทกวีนั้นทรงพลังมาก!
เขาจะไม่ท่องบทกวีนี้อีกในอนาคตโดยเฉพาะกับม้า มันน่ากลัวเกินไปจริงๆ
แอนโทนี่และนักแข่งคนอื่นๆไม่ใช่พวกเดียวที่ตกใจ คนอื่นๆที่อยู่เส้นชัยต่างมองฉากที่อยู่บนจอขนาดใหญ่อย่างตกตะลึง
เฉาตั้วเฟย รู้สึกมีความสุข เขาเหมือนเห็นเดจาวู เหมือนกับที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้ บอสของเขาไม่มีทางที่จะแพ้อย่างแน่นอน!และในความเป็นจริงเขาไม่เคยแพ้!
คนที่รู้สึกหดหู่ที่สุดคือพวกจักรพรรดิ ตอนแรกพวกเขาเชื่อว่าชัยชนะอยู่ในมือของพวกเขา แต่….
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้สึกเสียดายการสูญเสียแหวนเหล่านั้นเพราะสุดท้ายเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการเอาชนะชาวต่างชาติ
คนจีนควรจดจำไว้เสมอเพื่อแสดงศักดิ์ศรีของประเทศนั่นคือสิ่งที่ ซูฉิวไป่ ในฐานะประชาชนจีนควรทำ!
กล้องทุกตัวที่ถ่ายทอดสดกำลังฉายภาพของ ซูฉิวไป่ที่กำลังออกห่าง แอนโทนี่และคนที่เหลือ ในขณะที่กล้องกำลังถ่ายภาพอยู่นั้นสายตาของ ไป๋ฉี ตื่นตัวทันที!
จักรพรรดิคนอื่นก็รู้ตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นพวกเขาจึงหันหน้ามาหาไป๋ฉีทันที
“มีนักฆ่าคนนึงแฝงตัวอยู่ในฝูงชน!”ไป๋ฉีอธิบายสิ่งที่เขารู้สึก
ทุกคนเริ่มตื่นตัว
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเล่น ทำไมมีนักฆ่าอยู่ที่นี่? ตัวตนของนักฆ่าคือใคร จุดประสงค์ของเขาคืออะไร?
ไม่มีใครรู้คำตอบแล้วมันคงจะสายเกินไปถ้าพวกเขาเร่งหาคำตอบในตอนนี้ เนื่องจากไป๋ฉีรู้สึกว่านักฆ่าเตรียมพร้อมที่จะลงมือแล้ว ดังนั้น….จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่หน้าจอขนาดใหญ่เปลี่ยนฉาก?
เฉาตั้วเฟย รีบไปหาผู้จัดการสนามแข่งกันที หลังจากที่เขาอธิบายอย่างชัดเจนว่าคู่แข่งขันกำลังตกอยู่ในอันตรายแต่ผู้จัดการไม่เชื่อ แต่เมื่อพวกเขาเปลี่ยนการถ่ายทอดสดเป็นภาพของแอนโทนี่ นั่นเกิดปัญหาจริงๆ
ผู้จัดการร่างอ้วนเริ่มกังวล อุปกรณ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยและพึ่งซื้อใหม่และไม่เคยมีปัญหามาก่อน!
แต่มันกลับมีปัญหาทันที เมื่อ เฉาตั้วเฟย พูดเรื่องนี้?
เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจทันทีว่าปัญหาที่ตามมาจะรุนแรงแค่ไหนหากผู้แข่งขันชาวต่างชาติเกิดบาดเจ็บ
นอกเหนือจากนี้ส่วนใหญ่ผู้เข้าแข่งขันเป็นตัวแทนระดับประเทศในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…..
เมื่อเขาคิดดังนั้นเหงื่อเย็นๆก็ไหลชโลมหน้าผากของเขา ดังนั้นเขาไม่ชักช้าอีกต่อไปแล้วส่งคนขับรถตามผู้แข่งขันไป เขายังแจ้งให้หัวหน้าของเขาทราบอย่างรวดเร็วและสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนตื่นตัว
บรรยากาศที่เส้นชัยนั้นกำลังถึงขีดสุด แต่ว่าคณะผู้แทนจากต่างประเทศจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นหน้าจอขนาดใหญ่แสดงภาพของ ซูฉิวไป่ แต่ไม่ใช่แอนโทนี่และคนที่เหลือ
จากจุดเส้นชัยจนถึงจุดที่แอนโทนี่ปรากฏตัวครั้งสุดท้าย น่าจะมีระยะห่างจากการถ่ายทอดสดประมาณ 20 นาที อีกทั้งสนามแข่งไม่ใช่ถนนที่ราบเรียบดังนั้นพวกเขาจะเสียเวลาและสถิติความเร็วในการขี่ม้า
ภายใต้สายตาของทุกคน ซูฉิวไป่ ปรากฏตัวขึ้นที่เส้นชัยเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและผ่อนการควบคุมกับม้าแก่ จากนั้นเขาก็กระโดดลงจากม้าและถูกห้อมล้อมด้วยทีมของเขาทันที
เกือบจะเป็นในเวลาเดียวกันที่ผู้จัดการร่างอ้วนรายงานเหตุการณ์!
————————————————–