SD:บทที่ 47 : เหล่าพี่น้องทั้งหลาย เริ่มโจมตีพวกมันได้!
ครั้นเมื่อเขาได้ยินคำรายงานสถานการณ์ปัจจุบันจากปากของอีกฝ่ายเซี่ยว ซิวเหวิน ต้องจำใจกล้ำกลืนคืนคำพูดของตน คนที่ทรงพลังเช่นเขา กลับดันกระสับกระส่ายขึ้นมาเสียได้
จนถึงตอนนี้ ตระกูลกู่ก็ยังไม่ยอมปรากฏตัวออกมา และแน่นอนว่าการหลบซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกไม่ใช่วิถีทางของฝ่ายนั้นแน่
ถ้าพวกมันเคยแอบซ่อนอยู่ล่ะก็ ป่านนี้มันต้องโผล่หัวมาให้เห็นแล้วสิ! มันมีใครซ่อนอยู่ในนั้นกัน หรือนี่จะเป็นลูกไม้ของ ซู ฉิวไป่
เซี่ยว ซิวเหวิน พบว่าตนเองทำผิดพลาดอย่างมหันต์ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาคอยเอาแต่ระแวดระวังพวกตระกูลกู่ จนเขาประมาทคนขับรถแท็กซี่ตรงหน้าเขาเสียได้!
ภาพความทรงจำของเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดแวบขึ้นมาในหัวเขา
รถสปอร์ตนับหลายสิบคันที่อาจหาญโฉบเฉี่ยวผ่านเมืองชิงเจียงยามค่ำคืน การเปลี่ยนใจกะทันหันของคณบดีโรงพยาบาล รวมถึงการที่ลูกชายของเขากระโดดตึกฆ่าตัวตายอย่างไร้คำอธิบาย!
หรือว่าตระกูลกู่จะไม่เคยยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือมันเลย เป็นไปไม่ได้!
เหตุใดเขาถึงเพิ่งรู้ตัวกัน นี่เขาพลาดพลั้งอย่างโง่ ๆ แบบนี้ได้อย่างไร!
สิ่งที่ เซี่ยว ซิวเหวิน ควรจะเตรียมพร้อมรับมือมา ณ ตั้งแต่ต้น คือความโกรธแค้นและความพยาบาทของไอ้เฮงซวยนี่ ไม่ใช่ไอ้ตระกูลบ้านั่น!
เหงื่อกาฬเย็นเฉียบไหลลงบนหลังพียงแค่เขาคิดถึงมัน
อย่างที่เคยกล่าวไว้ ชายคนนี้ไม่เคยเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยว่าความหวาดกลัวที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร เพราะจะอย่างไรก็ดี เขาเคยประสบและเผชิญกับการประชันกันทุกรูปแบบมานานหลายทศวรรษ แต่ในวันนี้ เซี่ยว ซิวเหวิน กลับรู้สึกไร้พลังก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มเสียอีก
หวัน ฉิวหยาง เองก็สังเกตเห็นเช่นกันว่า เซี่ยว ซิวเหวิน นั้นอาการดูไม่ดีเลย ชายหนุ่มถึงตบหลังเขาอย่างแผ่วเบา
ทั้งห้องโถงนั้นยังคงเงียบ ไม่มีใครอาจทำความเข้าใจได้ว่าทำไมบรรยากาศในห้องถึงตึงเครียดขึ้นมากะทันหัน ไอ้คนจองหองตรงหน้าบังอาจเรียกหัวหน้าว่าโง่เง่า แต่ เซี่ยว ซิวเหวิน ดันทานทนกับมันอยู่ได้!
มันเกิดอะไรขึ้นกัน
เซี่ยว ซิวเหวิน สงบจิตสงบใจตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วข่มใจจุดประกายจิตวิญญาณที่หลงใหลในการต่อสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เป็นครั้งที่สามที่เขาสั่ง หวัน ฉิวหยาง ให้ส่งคนไปตรวจสอบว่ามีอะไรอยู่ท้ายหลังรถบรรทุกคันนั้น แต่คราวนี้เพื่อความรอบคอบ เขาได้เอ่ยกำชับเพิ่มเติม ให้ส่งใครสักคนจากสิบลูกน้องคนสนิทผู้เก่งกาจที่สุดของเขา
หลังจากที่คำสั่งของเขาถูกรับทราบเรียบร้อย ชายหัวหน้าใหญ่หันกลับไปจับจ้อง ซู ฉิวไป่ อีกครา
ซู ฉิวไป่ สามารถคาดเดาได้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เขาสงสารเซี่ยว ซิวเหวิน ด้วยซ้ำ
ทำไมถึงเอาแต่ส่งคนของตัวเองไปดูรถบรรทุกล่ะ ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำแล้วเหรอไง ทำไมถึงต้องทำให้เรื่องมันยากด้วย ฉันเองยังคิดอยู่เลยนะว่าถ้าให้พวกผู้กล้าทั้งหมดจากหลังรถบรรทุกมาร่วมด้วย ก็ดูจะเป็นการเล่นแรงเกินไปหน่อย แต่นี่แกยังเอาแต่ส่งคนไปตายเปล่าอยู่นั่นแหละ!
เขาส่ายหัวโดยที่ไม่มีใครทันเห็น ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้ ซู เซี่ยวเซี่ยว
ความจริงแล้ว สาเหตุหลักที่ชายหนุ่มยังไม่ทำอะไรจนถึงตอนนี้ ก็คือหนุ่มสาวสองคนตรงหน้า เขาเป็นห่วง เซี่ยวเซี่ยวและ เฉา ตั้วเฟย มาก แต่เคราะห์ยังดีที่ทั้งสองดูจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เขาจึงโล่งอกทีเดียว
ความเงียบงันยังคงปกคลุมเหนือทุกชีวิตในห้อง เซี่ยว ซิวเหวิน หมดหนทางในการชะลอการเผชิญหน้านี้ไปอีก เขาแค่พยายามยืดเวลาออกไปเพื่อจะระบุให้ได้ว่าอะไรหลบอยู่ในรถบรรทุกนั้นกัน!
ข้างนอกนั่น ชายคนหนึ่งในเสื้อกันฝนแบบทหารสีดำสนิท ได้มาถึงรถบรรทุกเป้าหมายแล้ว
นามของเขาคือ เซี่ยว จิ่ว เขาคือหนึ่งในอาวุธลับซึ่งอันตรายที่สุดของตระกูลเซี่ยว และเป็นคนที่ทำให้พวกเขาควบคุมถนนตงโขว่ได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เหล่าบุรุษทั้งสิบของ เซี่ยว ซิวเหวิน ต่างมีพละกำลังมากกว่า กู่ จ้านชุน ทั้งสิ้น ตามปกติแล้ว พวกเขาแต่ละคนคอยช่วยเหลือและสนับสนุนครอบครัวเซี่ยวในการดำเนินธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ไม่บ่อยนักที่ทั้งสิบจะได้มารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตา
แต่นี่หาใช่ช่วงเวลาปกติ เมื่อรู้ว่าตระกูลเซี่ยวต้องมาต่อการกับตระกูลกู่ในคราวนี้ ชายทั้งสิบจึงได้กลับมารวมกันในที่สุด
เดิมที พวกเขาพร้อมที่สู้รบปรบมืออย่างเต็มที่ จนเมื่อหนึ่งในพวกเขาถูกสั่งให้ไปตรวจดูว่ามีอะไรในรถบรรทุกนั่นแหละ คำสั่งนี้ทำให้ เซี่ยว จิ่ว งงงัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ หวัน ฉิวหยาง เตือนเขาให้ระแมดระวังอีกต่างหาก!
เขาได้แต่สงสัยว่านี่เป็นการล้อเล่นหรืออย่างไร เซี่ยว จิ่ว แน่ใจว่าจากประสบการณ์ที่โชกโชนของเขา ในเมืองตงไห่นี้ นอกจากบุรุษอีกเก้าท่านแล้ว ยังมีสิ่งใดที่เขาควรจะเป็นกังวลอีกเหรอ
ด้วยความคิดเช่นนั้น ยามที่เขามาถึงหลังประตูของรถกระบะ เขาเอื้อมมือไปยังที่จับและเปิดประตูในทันทีโดยไม่ยั้งคิด
ทว่าในเวลาเดียวกัน กลับมีเสียงหยาบหนึ่งพูดขึ้น
“ฮ่าฮ่า เข้ามา ปู่คนนี้กำลังรอแกอยู่มานานมากแล้ว!”
จากนั้น มือใหญ่โตข้างหนึ่งยืดออกมาคว้าตัว เซี่ยว จิ่ว เขาถอยหลังหลบโดยสัญชาตญาณ แต่กลับมีมืออีกข้างยื่นมาจับเขาอีกเช่นกัน
เมื่ออยู่ในเงื้อมมือของศัตรู เซี่ยว จิ่ว กระเสือกกระสนที่จะสลัดหนี ทว่าแรงจับนั้นมากกว่าที่เขาจะขยับได้ สุดท้าย เขาถูกกระชากลากถูเข้าไปในท้ายรถ
แล้วประตูก็ถูกปิดขึ้นอีกครั้ง!
เซี่ยว ซิวเหวิน หน้าซีดเผือกยามที่ได้รับรายงานเหตุการณ์เช่นเดิมมเป็นครั้งที่สาม แม้แต่ตัว เซี่ยว จิ่ว ก็ถูกจับตัวไป ท่าทางค่ำคืนนี้จะถูกกำหนดชะตาให้ได้เป็นพยานของการต่อสู้อย่างหนักหน่วงเสียแล้ว!
หวัน ฉิวหยาง สูดหายใจให้เต็มปอด ก่อนจะสอบถามเขาว่าต้องการส่งลูกน้องไปตรวจสอบดูอีกหรือไม่ แต่เขาก็ต้องปฏิเสธ หากแม้แต่ เซี่ยว จิ่ว ยังไม่อาจหาคำตอบได้แล้วว่าภายในรถบรรทุกนั้นมีอะไรอยู่ข้างใน การส่งชายอีกคนไปสำรวจ ก็ไม่ต่างอะไรจากการส่งคนไปสู่ความตายอีก
นอกเหนือไปจากนั้น จนป่านนี้ เขาจึงประจักษ์เห็นเสียทีถึงความกระวนกระวายของตน หากมีเรื่องคล้าย ๆ กันเกิดขึ้นอีก เขาคงเป็นบ้าไปก่อนที่จะได้สู้ด้วยซ้ำ
เซี่ยว ซิวเหวิน เรียกความมั่นใจของตนกลับคืนมา ก่อนจะพุ่งความสนใจของตนกลับไปที่คนขับรถแท็กซี่ตรงหน้า
“ในเมื่อแกอยู่ที่นี่แล้ว อย่าได้คิดเชียวว่าแกจะหนีไปได้ โจมตี!”
วินาทีที่เขาตะโกนคำสุดท้ายออกไป เหล่านักสู้ในห้องนั้นซึ่งอดใจไม่ไหวที่จะได้ออกแรงเสียที ต่างพร้อมใจกันกรูเข้าไปหา ซู ฉิวไป่
ซู ฉิวไป่ และพวกพ้องคาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่ พวกเขาจึงวางกลยุทธ์ไว้ก่อนหน้าแล้ว ยามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเร่งรุดมาหาพวกตน ชายทั้งสามก็กระจายแตกตัวไปในสามทิศ แล้วเริ่มการโจมตีตอบโต้กลับ
เซี่ยว ซิวเหวิน คิดในตอนแรกว่า อู่ ซง และ หลิน ชง คงดีแค่มีภาพลักษณ์น่าเกรงขามเท่านั้น ความแข็งแกร่งของพวกนั้นคงไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อดูจากการต่อสู้ที่ดำเนินตรงหน้า เขารู้ตัวทันทีว่าตนคิดผิด เป็นอย่างที่ ซู ฉิวไป่ กล่าวไว้ เขานี่มันเป็นไอ้โง่จริง ๆ !
สองมือของ อู่ ซง ไม่ต่างจากคีมเหล็กที่มีกำลังมหาศาล มันคว้าท่อเหล็กที่ฟาดเล็งมาที่เขาได้กลางอากาศอย่างไม่ยากเย็น! ต่อมา ด้วยการผลักเบา ๆ ชายที่คิดจะทำร้ายเขาต้องกระเด็นไปไกล พร้อมกับที่ท่อเหล็กในมือเขาหักเป็นสองท่อน
อู่ ซง เปรียบได้ดั่งกับพยัคฆ์ที่ลงมาจากขุนเขา ด้วยสองกำปั้นที่ทรงพลังและว่องไว เขาคว่ำเหล่านักสู้ที่กรูเข้ามาโจมตีเขาได้เรียงคน ราวกับเสือตะปบเหยื่อก็ไม่ปาน
หาก อู่ ซง เป็นเสือ หลิน ชง คงเปรียบเป็นเหยี่ยว ทุกกระบวนท่าเคลื่อนไหวของเขานั้นแข็งแรง ทว่ากลับหลบหลีกการโจมตีได้โดยง่าย ยามที่มีใครคิดย่องไปตีเขาข้างหลัง ชายคนนี้กลับหันกลับไปตอบโต้ทันทีทันใด ราวกับมีตาที่สามอยู่เสียอย่างงั้น!
เซี่ยว ซิวเหวิน และ หวัน ฉิวหยาง เริ่มแตกตื่น ตอนแรกพวกเขาคิดวางแผน ซ่อนกองกำลังสูงสุดของพวกตนพร้อมกับลูกน้องคนสนิทที่เหลือทั้งเก้า เอาไว้ใช้เป็นหนทางสุดท้ายยามจำเป็น แต่พวกเขาไม่อาจรอได้อีกต่อไป
สถานการณ์ตรงหน้าอยู่เหนือการควบคุมของเขาแล้ว!
นักสู้ธรรมดาพวกนี้ ทำได้เพียงแค่โดนสังหารอย่างง่าย ๆ แค่นั้น ไร้ซึ่งหนทางตอบโต้กลับ!
แม้แต่ ซู ฉิวไป่ ที่พวกเขาไม่ได้ใส่ใจมากนักก็น่าพิกลเหลือ ถึงลูกไม้และลวดลายในการต่อยเตะของมันจะประหลาดไปบ้าง แต่มันยังสามารถที่จะล้มนักสู้ที่ดาหน้าเข้ามาได้
หากก่อนหน้าการสู้รบปรบมือครั้งนี้ มีใครบอกเขาว่าเหล่านักสู้ที่เขาจัดหามาจะถูกจัดการได้ด้วยคนเพียงสามคน ชายผู้เป็นถึงหัวหน้าใหญ่อย่างเขาคงกล่าวกลับโดยทันทีว่ามันเป็นไปไม่ได้!
ซู ฉิวไป่ เองก็ตกตะลึง อย่างแรกที่เขาทึ่งคือพละกำลังของเขาเอง และอย่างที่สองก็มาจากฉากอันน่าสะพรึงตรงหน้า ที่ อู่ ซง และ หลิน ชง เป็นคนสร้างขึ้นเองกับมือ!
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเหล่าผู้กล้าร่างกำยำพวกนี้ต่อสู้ด้วยสองตาของเขาเอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาถึงต้องไปอาศัยอยู่บนภูเขาเหลียงซาน ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็คงกลัวพลังที่มีอานุภาพมากมายขนาดนี้!
เขาแอบเหลือบตามองพวกเขาจากด้านข้าง ไม่มีใครหยุดยั้งสองคนนี้ได้ แต่เป็นโชคดีสำหรับอีกฝ่าย ที่ฝ่ายนั้นดันมีกำลังมากกว่า หากว่าพวกนั้นมีคนน้อยกว่านี้ล่ะก็ การเผชิญหน้าครั้งนี้คงจบไปตั้งนานแล้ว
ซู ฉิวไป่ ผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาคิดทบทวนว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องส่งกำลังเสริมเข้ามาร่วมด้วย เซี่ยว ซิวเหวิน ในที่สุดก็ส่งไพ่ตายใบสุดท้ายของตระกูลเซี่ยวออกมาออกมา
ตรงหน้าเขานั่น กลับปรากฏชายนับร้อยในสูทสีดำ รวมถึงชายอีกเก้าคนในเสื้อกันฝนทางทหาร ต่างเดินลงมาจากชั้นบน บรรยากาศรอบตัวพวกเขานั้นแตกต่างจากลูกกระจ๊อกก่อนหน้าอย่างชัดเจน
เมื่ออีกฝ่ายมีชายพวกนั้นมาเข้าร่วมการต่อสู้นี้ด้วยแล้ว เป็นที่กระจ่างชัดเลยว่าฝ่ายที่จนมุมคือพวกเขานั่นเอง ในไม่ช้า อู่ ซง ก็ถูกล้อมโดยศัตรูจากทุกทิศทาง ส่วน หลิน ชง นั้น สภาพก็เลวร้ายไม่ต่างกัน ณ ตอนนี้ มีศัตรูมากจนเกินไป ถึงอย่างไร แค่สามคนก็ทานทนพวกนั้นไม่ได้แน่!
เซี่ยว ซิวเหวิน ถอนหายใจอย่างโล่งอก แววตาของเขากลับมาเต็มไปด้วยความเย็นชาเช่นเดิม
ตอนนี้ ลูกไม้และกลยุทธ์ทั้งหมดของถูกเปิดเผยหมดแล้ว คนพวกนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ตระกูลเซี่ยวสามารถครอบครองถนนตงโขว่ได้นานหลายปี!
ถึงแม้เขาจะยังไม่อาจรู้ชัดว่า ซู ฉิวไป่ ไปหาผู้ช่วยที่น่ากลัวเช่นนี้มาจากไหน แต่จากนี้ต่อไป จะไม่มีความผิดพลาดใด ๆ อีกแล้ว!
ทว่าแม้ เซี่ยว ซิวเหวิน จะคิดเช่นนั้น อู่ ซง และ หลิน ชง กลับไม่รู้สึกถึงความกดดันใด ๆ ทั้งสิ้น
ชายทั้งสองยังคงต่อสู้ด้วยความกระตือรือร้น! โดยปกติแล้ว พวกเขามักไม่มีวาระที่จะได้ลงไม้ลงมือสุดใจอยากเหมือนในคราวนี้ ดังนั้นก่อนที่คนอื่นจากในรถบรรทุกจะโผล่มา พวกเขาจะต้องใช้โอกาสตรงหน้าให้คุ้มที่สุด!
พวกเขาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย ส่วน ซู ฉิวไป่ นั้นเริ่มจะไม่ไหวแล้ว!
ให้ตายสิ อย่างนี้มันแค่การรังแกกันชัด ๆ ! รอก่อนสิวะ!
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของ ซู ฉิวไป่ ชายหนุ่มอาศัยช่วงชุลมุนหลบไปแอบที่มุมหนึ่งของห้อง จากนั้น เขาโทรหากลุ่มชายฉกรรจน์ที่รอสายจากเขาอย่างใจจดใจจ่อ
“เหล่าพี่น้องทั้งหลาย เริ่มโจมตีพวกมันได้!”
เกือบจะทันทีที่เขาวางสาย เขาสามารถได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากข้างนอก และประตูทางเข้านั้นถูกงัดจนเปิด!