ค้นหา
ในทะเลสายฟ้าส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเหวเหลยหมัว
มู่เฉินกับจิ่วโยวกำลังจับจ้องทะเลสายฟ้าสีดำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แม้ทะเลสายฟ้าจะดูเงียบสงบ แต่ทั้งคู่ก็สัมผัสได้ถึงความรุนแรงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ความเงียบสงบ ไม่มีใครรู้เลยว่าจะมีสิ่งน่ากลัวอะไรซ่อนอยู่ลึกลงไปภายในหุบเหว
“ลองดูกันเถอะ” จิ่วโยวเอ่ยขึ้น นางไม่มีทางปล่อยให้มู่เฉินเข้าไปในสถานที่อันตรายแบบนี้คนเดียวแน่
พอได้ยินคำพูดของนาง มู่เฉินก็ไม่ได้โต้แย้งพลางพยักหน้าเบาๆ เขาไม่ลังเลทะยานออกไป ร่างเปลี่ยนเป็นลำแสงเหาะตรงไปยังทะเลสายฟ้าสีดำพร้อมกับจิ่วโยวที่ห่อหุ้มเพลิงสีม่วงตามมาติดๆ
จ๋อม!
เสียงน้ำกระเซ็นจากทะเลสายฟ้ากว้างใหญ่ ขณะที่ทั้งสองดำดิ่งลงไป คนหนึ่งอยู่ข้างหน้าคนหนึ่งอยู่ข้างหลัง จมหายไปกับความมืดมิด ภาพที่เห็นดูราวกับว่าพวกเขาถูกกลืนกินเข้าไปในปากแห่งความมืดขนาดใหญ่
ครืน!
เมื่อทั้งสองเข้าไปในทะเลสายฟ้า เสียงฟ้าคำรามรุนแรงก็กวาดตัวออกมาพร้อมกับแรงสั่นสะเทือน ความสามารถทรงพลังอย่างยิ่งของสายฟ้าโลกปีศาจก็คือการสั่นสะเทือน โดยแรงนี้สามารถฉีกโลกเป็นริ้วๆ เลยทีเดียว
แม้ทั้งสองจะรับมือได้ แต่ก็เกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมบนม่านพลังที่ห่อหุ้มร่างพวกเขาไว้
มู่เฉินกวาดสายตาไปรอบๆ ความมืดมิดปกคลุมครรลองสายตา ยิ่งกว่านั้นเนื่องจากสายฟ้าโลกปีศาจ ทำให้การรับรู้ของเขาจำกัดมาก ดังนั้นการค้นหาสายฟ้าฤทัยปีศาจดำในสถานที่แห่งนี้จึงไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร
ทว่าในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้วก็ต้องลองดู ไม่ว่าจะยากขนาดไหนก็ตาม
ด้วยความคิดนี้ มู่เฉินกับจิ่วโยวก็เริ่มดำดิ่งลงไปในห้วงลึก โดยปกติแล้วในเมื่อสายฟ้าฤทัยปีศาจดำเป็นระดับสูงกว่าสายฟ้าโลกปีศาจ ถ้าก่อตัวขึ้นก็น่าจะอยู่ในบริเวณที่สายฟ้าโลกปีศาจมารวมตัวกันมากที่สุด
ครืน!
เสียงฟ้าร้องรุนแรงดังอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มู่เฉินกับจิ่วโยวพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว แสงหลิงหมุนวนรอบตัวพวกเขา กลายเป็นแหล่งกำเนิดแสงแห่งเดียวในทะเลสายฟ้าอันมืดมิดนี้
เมื่อทั้งคู่พุ่งลึกลง…ลึกลง พวกเขาก็เริ่มรู้สึกว่าแรงสั่นสะเทือนที่มาจากสภาพแวดล้อมเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้พวกเขาต้องชะลอความเร็วลง
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็ยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนสักริ้วของสายฟ้าฤทัยปีศาจดำเลย
ทั้งคู่ชะลอความเร็วลงพลางแลกเปลี่ยนสายตากันแล้วถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่พวกเขาคาดไว้แล้ว การค้นหาสายฟ้าฤทัยปีศาจดำในสถานที่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ไม่แปลกใจเลยว่าแม้แต่สำนักสายฟ้าปีศาจก็ยังคว้าน้ำเหลวตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“ยิ่งเราลงลึกมากเท่าไร สายฟ้าก็จะมีพลังแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ถึงเวลานั้นข้ากลัวว่าแม้แต่เราก็จะทนไม่ไหวเอา” จิ่วโยวเอ่ยด้วยสีหน้าหนักใจ
มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ เขารู้แล้วว่าถ้าพวกเขาใช้วิธีค้นหาโง่ๆ แบบนี้ ต่อให้ค้นหานานถึงหนึ่งหรือสองปีก็คงหาสายฟ้าฤทัยปีศาจดำไม่เจอ
แต่นอกจากวิธีนี้ยังมีวิธีอื่นที่ให้ผลดีอีกเหรอ?
“สายฟ้าโลกปีศาจที่นี่รบกวนสัมผัสคลื่นหลิงของเรา ทำให้ไม่สามารถค้นหาได้เลย” จิ่วโยวเอ่ยอย่างจนใจ “ถ้าเราสามารถสกัดการรบกวนที่มาจากสายฟ้าโลกปีศาจได้ การค้นหาก็จะง่ายขึ้นมาก”
จิ่วโยวเอ่ยคำพูดลอยๆ สายฟ้าโลกปีศาจที่นี่รุนแรงและเต็มไปด้วยลักษณะก้าวร้าว มันจึงปฏิเสธวัตถุแปลกปลอมเต็มกำลัง ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะสกัดได้
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง มู่เฉินก็ขมวดคิ้ว จริงอย่างที่จิ่วโยวว่า มีทางเดียวที่พวกเขาจะหาสายฟ้าฤทัยปีศาจดำเจอในสถานที่แห่งนี้ก็คือการใช้สายฟ้าโลกปีศาจเป็นสื่อ แต่…สายฟ้าโลกปีศาจที่มีนิสัยก้าวร้าวจะเต็มใจยอมให้พวกเขาใช้งานหรือ? เรื่องนี้ไม่ต้องคิดก็ได้คำตอบแล้ว
พอเห็นมู่เฉินตกอยู่ในภวังค์ความคิด จิ่วโยวก็ไม่ได้รบกวน เพราะนางไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ
เงียบไปครู่หนึ่ง มู่เฉินก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะลองใช้วิชากายาเทพสายฟ้าสักหน่อย”
พูดจบม่านพลังงานรอบตัวเขาก็จางหาย ร่างเปลี่ยนเป็นสายฟ้าเรืองรองอย่างรวดเร็วขณะที่สายฟ้าโลกปีศาจกำลังจะซัดลงบนร่าง
ปัง! ปัง!
แต่ครั้งนี้ความคิดของมู่เฉินผิดพลาด เพราะสายฟ้าโลกปีศาจไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนโยนเนื่องจากพลังงานสายฟ้าที่กำจายออกมาจากร่างเขาเลย คลื่นสั่นสะเทือนรุนแรงของสายฟ้าโลกปีศาจซัดใส่เขาอย่างหนักหน่วง แม้ร่างกายเขาจะแข็งแกร่งมากในตอนนี้ มู่เฉินก็ยังรู้สึกว่าลมปราณและกระแสเลือดภายในร่างกายพลุ่งพล่านเลยทีเดียว
เห็นเหตุการณ์จากด้านข้าง จิ่วโยวก็รีบเร้าเพลิงอมตะกำบังมู่เฉินไว้ เอ่ยพลางขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไม่ได้ ต่อให้เจ้าฝึกวิชากายาเทพสายฟ้า ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถเข้ากับพลังงงานสายฟ้าทุกชนิด”
มีพลังงานสายฟ้าหลายชนิดในโลกนี้ พวกมันต่างก็มีคุณลักษณะต่างกันออกไป เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินไม่สามารถพึ่งวิชากายาเทพสายฟ้าในการลดความเสียหายที่เกิดจากสายฟ้าได้
มู่เฉินยิ้มขื่น ตอนแรกเขาคิดว่าการใช้วิชากายาเทพสายฟ้า อย่างน้อยก็อาจช่วยลดความก้าวร้าวของสายฟ้าโลกปีศาจได้บ้าง แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ตัวเขาคงจะเพ้อเจ้อไปเอง
“แม้แต่วิชากายาเทพสายฟ้ายังใช้ไม่ได้…”
มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง หัวคิ้วชนกัน หลังจากนั้นครู่หนึ่งความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในใจ เขานึกถึงวิชาหนึ่งที่เขาเคยฝึกมาในอดีตแต่ไม่ค่อยได้เอาออกมาใช้…
กระบวนท่าควบคุมสายฟ้า
ย้อนกลับไปตอนที่อยู่ที่สำนักศึกษาเป่ยชาง เป่ยหมิงได้มอบวิชาหนึ่งให้กับเขา แต่ทักษะนี้พิเศษอย่างยิ่ง ว่ากันว่าทักษะนี้สามารถสื่อสารกับพลังงานสายฟ้าทุกชนิดบนโลกได้ ซ้ำยังดูดดึงสายฟ้าจากสวรรค์โดยตรง แต่วิชานี้มีข้อจำกัดอย่างมากในการใช้ต่อสู้ ดังนั้นมู่เฉินจึงแทบไม่ได้ใช้เลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนวิชานี้อาจจะแก้สถานการณ์สิ้นหวังของเขาได้
“ข้าจะลองอีกสักครั้ง”
มู่เฉินเอ่ยกับจิ่วโยวพร้อมกับนั่งลงอย่างรวดเร็วและหลับตา มือทั้งคู่วาดตราประทับลึกลับเร็วรี่ขณะที่นั่งนิ่งท่าทางราวกับพระชรากำลังทำสมาธิ
เมื่อหัวใจของมู่เฉินค่อยๆ สงบลง คลื่นจิตก็แผ่ออกมาเงียบๆ สัมผัสกับสายฟ้าโลกปีศาจอย่างระมัดระวัง
ริ้วคลื่นแปลกประหลาดแผ่ออกมาจากห้วงแห่งจิตของมู่เฉิน นี่ก็คือกระบวนท่าควบคุมสายฟ้านั่นเอง
ระลอกคลื่นแผ่เป็นวงกลมกระจายตัวออกไป จากนั้นภาพประหลาดก็ปรากฏขึ้น สายฟ้าโลกปีศาจอันป่าเถื่อนที่ผันผวนรอบตัวทั้งคู่ก็ค่อยๆ สงบลง
จิ่วโยวมองภาพนี้ด้วยความตกตะลึง
เจ้านี่ทำได้จริงๆ หรือ?
ในเวลานั้นดวงตาที่ปิดสนิทของมู่เฉินก็เปิดขึ้นช้าๆ สายตาของเขาอัดแน่นด้วยความตื่นเต้นดีใจ กระบวนท่าควบคุมสายฟ้ามหัศจรรย์เหนือความคาดหมายนัก แม้ว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมสายฟ้าโลกปีศาจที่นี่ได้ในทันที แต่อย่างน้อยก็ช่วยทำให้เขาสามารถติดต่อกับมันได้ มิหนำซ้ำสายฟ้าโลกปีศาจก็ไม่ปฏิเสธ ซัดพลังรุนแรงใส่พวกเขาอีก
ขั้นตอนต่อไป เขาแค่ใช้สายฟ้าโลกปีศาจเป็นสื่อกลางและควบคุมด้วยกระแสจิตก็สามารถค้นหาด้วยความเร็วเหนือจินตนาการในทะเลน่ากลัวแห่งนี้
มู่เฉินหลับตาอีกครั้งขณะที่กระแสจิตยังสัมผัสอยู่กับสายฟ้าโลกปีศาจเงียบๆ และแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว…
จิ่วโยวยืนข้างมู่เฉินคอยคุ้มครอง แม้ว่าการกระจายของกระแสจิตจะไม่สามารถมองเห็นด้วยตา แต่นางก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งกำลังพล่านออกไปในทะเลสายฟ้าราวกับลำแสงพุ่งผ่านขอบฟ้า
เมื่อกระแสจิตกวาดออกไป สายฟ้าก็คำรามต่อเนื่อง แต่โชคดีที่สายฟ้าโลกปีศาจไม่ได้โจมตีกระแสจิตของมู่เฉินเนื่องจากกระบวนท่าควบคุมสายฟ้า ไม่อย่างนั้นแล้วจิตที่บอบบางคงถูกทำลายจากสายฟ้าโลกปีศาจป่าเถื่อนนี่ไปนานแล้ว
ฉากต่างๆ นานาฉายเข้ามาในห้วงแห่งจิตของมู่เฉิน แต่ก็มืดตึดตื๋อไปหมด ไม่มีความผันผวนผิดปกติสักริ้วปรากฏอยู่ แต่มู่เฉินก็ไม่ร้อนใจ เขาเพ่งกระแสจิตค้นหาต่อไป…
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในระหว่างที่ค้นหา
การค้นหาเช่นนี้นับว่าเป็นวิธีราบเรียบและน่าเบื่อ แต่มู่เฉินก็ไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย เขาจำแนกคลื่นพลังที่เข้ามาอย่างระมัดระวัง เพื่อค้นหาเป้าหมายที่ซ่อนลึกอยู่ในทะเลสายฟ้า…
ทว่าก็ยังไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆ…
หนึ่งวัน… สองวัน… สี่วัน…
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ พริบตาวันที่สี่ก็ผ่านไป ระหว่างสี่วันนี้ ร่างของมู่เฉินก็ดูราวรูปปั้นหินที่นิ่งไม่ไหวติง ดวงตาที่ปิดสนิทไม่ได้ลืมขึ้นมาเลย
ส่วนจิ่วโยวก็เฝ้าระวังภัยให้อย่างเงียบๆ มาตลอด แต่เมื่อเวลาผ่านไป กำปั้นของนางก็กำเข้าหากัน กระทั่งแบบนี้พวกเขาก็ยังหาสายฟ้าฤทัยปีศาจดำไม่เจอเหรอ?
นางเอี้ยวหน้าเล็กน้อยมองใบหน้าของชายหนุ่มที่ยังปิดตาสนิท ใบหน้านี้ไม่มีความอ่อนเยาว์และอ่อนแอแบบแต่ก่อนแล้ว เริ่มเผยริ้วรอยจางๆ แห่งความมุ่งมั่นไม่หวั่นไหว ริมฝีปากที่เม้มแน่นก็เหมือนตัวเขาที่ดื้อดึงและมุ่งมั่น
“เฮ้อ”
จิ่วโยวถอนหายใจเบาๆ
เสียงถอนหายใจนี้กระทบโสตประสาทของมู่เฉิน กลับทำให้ร่างของเขาสั่นไหวขณะที่แววยินดีแรงกล้าฉายบนใบหน้าเคร่งเครียด
เพราะในกระแสจิตของเขาที่แผ่ออกไป ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงริ้วความผันผวนผิดปกติ ยิ่งกว่านั้นเขาสามารถสัมผัสได้ว่ามันอยู่ในบริเวณที่แม้แต่สายฟ้าโลกปีศาจยังไม่กล้าเข้าไปใกล้ ราวกับว่าพวกมันหวาดกลัวสิ่งนั้นอยู่
ครืน!
แต่ขณะที่มู่เฉินกำลังกลืนน้ำลายดับความกระหายอยาก ตรงบริเวณลึกลับ เสียงฟ้าคำรามที่ดังราวกับเสียงร้องโหยหวนของภูตผีก็สะท้อนขึ้นในหัวใจของเขา ร่างของเขากระตุกพร้อมกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีด กระแสจิตทั้งหมดแตกกระจายออก
แต่วินาทีสุดท้ายก่อนที่กระแสจิตจะสลาย เขาก็เหมือนจะเห็นป้ายหินผุพังอยู่ในความมืด…
มู่เฉินลืมตาโพลงขึ้นทันที เหงื่อเย็นไหลลงจากหน้าผาก เขากุมอกพร้อมกับความคิดตีกันวุ่นในห้วงแห่งจิตอย่างบ้าคลั่ง มากจนแม้แต่คลื่นหลิงในร่างกายยังแสดงสัญญาณว่าจะหลุดการควบคุม
มือเย็นฉ่ำวางบนหลังของเขาพร้อมกับคลื่นหลิงอ่อนโยนไหลเข้าไปอย่างรวดเร็ว ข่มคลื่นหลิงที่กำลังจะเสียการควบคุมไว้
“เป็นอย่างไรบ้าง?” จิ่วโยวถามอย่างกระวนกระวาย
มู่เฉินสูดหายใจสองครั้งก่อนจะมองใบหน้าของจิ่วโยวที่มีแววกังวล เขายิ้มกริ่ม รอยยิ้มอัดแน่นด้วยความดีใจ
“เจอแล้ว!”