โหลว ชิงอู๋ นั่งลงไป ก่อนจะยิ้มให้กับเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง “พวกเราถึงตรงไหนกันแล้วนะเพคะ?”
“โอ้ ข้ากำลังพูดถึงเด็กคนั้นเหย่ จี้ นางได้เพิ่งจะได้รับตำแหน่งใหม่ดังนั้นนางจึงต้องการแบ่งปันข่าวกับเจ้า ชิงอู๋”
เมื่อโหลว ชิงอู๋ ได้ยินเขาเรียกนางว่า “ชิงอู๋” หัวคิ้วของนางก็ขมวดขึ้น
ดูเหมือนว่าเขาทำได้ดีมากในการใช้ประโยชน์จากทุกช่องทาง
นอกจากนี้ นางก็ไม่เชื่อว่าเขาจะมองไม่ออกว่าหลานปิงเป็นตัวปลอม
เขาอาจจะรู้ตั้งแต่แรกเพราะฉะนั้นเขาจึงทำให้หลานปิงหลงเสน่ห์ เพื่อพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับอดีตของนาง
วันนี้นางทำผิดพลาด
นางไม่คิดว่าเขาจะเลือกมาในเวลานี้
ถ้าเป็นแค่โหลว ชุ่นเฟิง หรือคนอื่นๆ หลานปิง จะไม่มีปัญหาในการทำปลอมตัวเป็นนาง
แต่ถ้าเป็นหมาจิ้งจอกตัวนี้ที่อยู่ตรงหน้าของนาง มันย่อมไม่มีทาง
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาต้องการแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็น นางก็ยินดีที่จะเล่นไปด้วย
เพียงแต่วิธีการในการเรียกนางของเขา?
มันได้ทำให้เกิดความแตกต่างขนาดใหญ่มากกับนาง
นางมองลง เพื่อซ่อนแสงที่เยือกเย็นในสายตาของนาง
เมื่อนางจัดการกับอารมณ์ของนางได้ นางก็มองหน้าชายหนุ่มที่อ่อนโยนตรงหน้านางอีกครั้ง
“ครั้งสุดท้ายหม่อมฉันได้ยินองค์ชายสามกล่าวว่าคุณหนูเหย่ จี้ต้องการเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ของหม่อมฉัน วันนี้พวกเราไปกันเลยดีไหมเพคะ? ”
นางอยากจะเห็นน้องสาวบุณธรรมของเขาที่เขาพูดถึง และสิ่งที่เขาต้องการจากมัน
นางไม่เชื่อว่าเขาจะมาที่จวนตระกูลโหลว หลาย ๆ ครั้งเพื่อบอกแค่ว่าน้องสาวบุญธรรมของเขาต้องการให้นางไปเยี่ยมจวนของเขา
ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้นางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
แสงกระพริบขึ้นในดวงตาของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง และเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เสียงหัวเราะของเขาก็ดังขึ้น “เป็นเช่นนั้นยอมเป็นเรื่องที่ดี ข้าเชื่อว่าเหย่ จี้ จะดีใจที่จะได้พบเช่นกันชิงอู๋”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
การแสดงออกของโหลว ชิงอู๋ ยังคงสงบ
นางหันกลับไปและเดินออกก่อนเขา
นางไม่จำเป็นต้องหันไปก็รู้ว่าสายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่นาง เพราะพวกมันติดอยู่กับนางและไม่ได้ขยับออกไปไหนเลย
แล้วหัวคิ้วของนางก็ขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่านางจะพยายามอย่างหนักที่จะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ในขณะที่นางหลับตาลง นางก็สามารถมองเห็นเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง และโหลว เหลียนซิน ดูถูกนางด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความรังเกียจจากด้านบน
มันยังคงทำให้มือของนางกำเป็นกำปั้นแน่น ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเยือกเย็นลงในขณะที่กระดูกของนางรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ไม่ได้อยู่ในพระราชวัง ตรงกันข้ามอยู่อาศัยอยู่อย่างเรียบง่ายในตำหนักของเขาเองที่ถูกแยกออกจากทุกสิ่งทุกอย่าง
นอกจากนี้ตำหนักของท่านอ๋องรัตติกาลก็ยังอยู่ไม่ไกลเกินไปเช่นกัน
เมื่อนางไปถึงตำหนักขององค์ชายสาม โหลว ชิงอู๋ก็รู้สึกประหลาดใจว่าน้องสาวบุญธรรมของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง เหย่ จี้ ไม่ได้อยู่ที่นั่นเลยด้วยซ้ำ
เมื่อพวกเขาถามคนรับใช้ พวกเขาก็ได้รู้ว่านางออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว
หัวคิ้วของโหลว ชิงอู๋ขมวดขึ้น ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความไม่เชื่อ
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง หันหลังให้กับนางในขณะที่เขาพูดกับพ่อบ้าน
นางไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ แต่นางก็อยู่เคียงข้างเขาเป็นเวลาถึงแปดปี ดังนั้นนางเพียงแค่เห็นด้านหลังของเขา นางก็สามารถบอกได้ว่าเขากำลังมีความสุขหรือโกรธ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนางเห็นนิ้วชี้ขวาของเขาโดยค่อยๆกดลงไปบนเสื้อผ้าของเขา นั่นคือการเคลื่อนไหวที่เขาทำเมื่อเขากำลังคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง
โหลว ชิงอู๋หรี่ตาของนางลง
ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้วางแผนเรื่องนี้กับเหย่ จี้ มาก่อน
นางไม่รู้ว่าเซี่ยโฮ่ว ฉิ่งพูดอะไรกับพ่อบ้าน แต่เมื่อเขาหันกลับมา อาการของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
เขายิ้มขึ้น “ดูเด็กคนนี้ ข้าบอกให้นางอยู่อย่างเชื่อฟังในเรือน แต่นางก็วิ่งออกไปเช่นนั้น นี้ก็เริ่มสายแล้ว ทำไมเราไม่ไปหาสถานที่อื่นด้านนอกเพื่อพูดคุยต่อจากที่เราค้างไว้? เราสามารถรอให้นางกลับมาได้และข้าจะฝากข้อความไว้กับคนรับใช้บอกว่าพวกเรากำลังรอนางอยู่? ”
โหลว ชิงอู๋ มองเขาอย่างลึกซึ้ง
นางหัวเราะขึ้นอย่างไร้เดียงสา ก่อนจะตอบขึ้น “ได้เพคะ”
เขามีตำหนักที่ดีอย่างสมบูรณ์ แต่เขากลับอยากจะออกไปข้างนอก?
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ดูสิว่าเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่?