59 – คำเชิญจากตระกูลเคลเลอร์
สถานการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นกับกลุ่มทหารรับจ้างเรดฮอว์คทำให้โรดส์สงสัย แม้ว่าภายนอกอาจจะดูเหมือนอุบัติเหตุ แต่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เช่นเดียวกับชอว์น่าที่พูดถึงบุคคลที่ได้มัดจำเงิน 150 เหรียญให้เธอ เงินจำนวนนั้นมากเกินไปในการเล่นสนุกแบบนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลัง
โรดส์ชั่งน้ำหนักในใจและปฏิเสธที่จะให้ไลซ์นำข้อมูลนี้ไปบอกกลุ่มเรดฮอว์ค เนื่องจากบาร์นนี่ก่อเรื่องขึ้น โรดส์จึงไม่สนใจจะเข้าไปยุ่งและขอให้วอร์คเกอร์ไปที่สมาคมทหารรับจ้างเพื่อทำหน้าที่เป็น ‘ตัวเอง’ เหมือนเดิม
“เมื่อคุณกลับไปที่สมาคม ช่วยสอดส่องดูว่ามีอะไรผิดปกติบ้าง” โรดส์พูดกับวอร์คเกอร์ ขณะที่นั่งอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือและเขียนบางอย่างลงกระดาษ
“แจ้งให้ผมทราบทันทีถ้ามีเรื่องแปลกๆ ถ้าเป็นไปได้ หาแทงค์ให้ผมด้วย”
“แทงค์? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
โรดส์เอื้อมมือไปตบหน้าผากของเขาทันที เขารีบแก้ไขประโยคอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ…หาคนที่สามารถยืนในแนวหน้าได้”
“จำไว้ พวกเราไม่ต้องการมากกว่า 2 คน แม้ว่าตอนนี้พวกเราจะขาดแคลนสมาชิก แต่สิ่งที่พวกเราต้องแก้ไขคือการทำงานเป็นทีม”
“คนที่สามารถยืนในแนวหน้าได้รึ…?”
เมื่อได้ยินคำขอร้องของโรดส์ วอร์คเกอร์ลูบคางและจมอยู่ในความคิด
“ฮึมมม…ข้ามีคนอยู่ในใจนะ แต่ไอ้หนู ข้าคิดว่าต้องเตรียมจ่ายเงินสักหน่อย”
“เท่าไหร่?”
โรดส์เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ชายชราที่อยู่ด้านหน้าเขา
“300 เหรียญทอง”
วอร์คเกอร์แสยะยิ้มออกมา
“แค่นั้น?”
โรดส์ขมวดคิ้ว รางวัลที่เขาได้รับมาจากการจบภารกิจสุสานพาเวลมีเพียง 500 เหรียญทอง ตอนนี้ตาแก่วอร์คเกอร์บอกว่าต้องใช้เงินเกินกว่าครึ่ง นั่นทำให้โรดส์งุนงงอย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว การค้นหาทหารรับจ้างนั้นไม่ได้ใช้เงินมากขนาดนั้น ทหารรับจ้างอย่างดีก็ประมาณ 100 เหรียญทอง และมีทหารรับจ้างอีกหลายคนที่ไม่ต้องการเงินเพื่อเข้าร่วมกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น มาร์ลีนและวอร์คเกอร์ วอร์คเกอร์ต้องการเพียง 50 เหรียญทอง ส่วนมาร์ลีนสนใจเพียงประสบการณ์ที่ได้รับ แต่ตอนนี้วอร์คเกอร์กลับต้องการเงินถึง 300 เหรียญทองเพื่อสรรหาคน?
วอร์คเกอร์ยิ้มออกมาอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นปฏิกิริยาของโรดส์ นับตั้งแต่ที่เขาเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้าง โรดส์มีท่าทีประชดประชันเขาตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงอยากมให้โรดส์ลิ้มรสยาของตัวเองสักหน่อย แน่นอน เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นแต่แรกอยู่แล้วเพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม แต่ ฮิฮิ….เมื่อมีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง การใช้เงินเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แน่นอน”
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจ แม้ว่าโรดส์จะตกใจในตอนแรก แต่เขากลับไม่โกรธหรือไม่พอใจ กลับกัน เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าและหยิบถุงเงินออกมาและโยนไปบนโต๊ะ
“นี่ 500 เหรียญทอง รับไว้สิ”
“เอ๊ะ?”
เมื่อเห็นอย่างนั้น ใบหน้าของวอร์คเกอร์แข็งค้างทันที
“เฮ้ ไอ้หนุ่ม นี่มันเงินทั้งหมดของพวกเราไม่ใช่รึ? เจ้าจะเอามาให้ข้าแบบนี้เหรอ?”
โรดส์ยักไหล่ “มันไม่สำคัญหรอก ตอนนี้พวกเรายังไม่จำเป็นต้องใช้เงิน เพราะคุณต้องใช้มัน รับมันไปเถอะ”
เขาไม่แม้แต่เหลือบตาไปมองถุงเงิน เขาโยนถุงเงินให้วอร์คเกอร์ 500 เหรียญทองเป็นเงินมหาศาล แต่สำหรับโรดส์ 500 เหรียญทองไม่ต่างอะไรไปจากหยดน้ำในมหาสมุทร ย้อนกลับไปในเกม เมื่อตอนที่เขาเป็นหัวหน้ากิลด์ เขาจัดการเงินหลายล้านเหรียญทองในแต่ละวัน ดังนั้นเงินแค่ 500 เหรียญทองไม่เพียงพอจะทำให้เขารู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย บอกตรงๆเขากลัวว่าวอร์คเกอร์จะไม่กล้าใช้เงินมากกว่า เขาจึงหักส่วนแบ่งค่าใช้จ่ายเอาไว้
มีเพียงวอร์คเกอร์เท่านั้นที่รู้ว่าโรดส์คิดอะไรอยู่ตอนนี้…เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับคำแนะนำของเขาโดยไม่สงสัย น่าเสียดายที่การอ่านใจคนอื่นไม่ใช่หน้าที่หลักของเขา ดังนั้นวอร์คเกอร์จึงมองโรดส์ในมุมมองที่ดีขึ้นเพราะการกระทำของเขาถือได้ว่าใจกว้างมาก
“ไม่ต้องเป็นห่วงไป ไอ้หนู”
วอร์คเกอร์หยิบถุงเงินและเดินออกไปด้วยท่าทางเคร่งครึม
“ข้าสัญญาว่าข้าจะพาผู้สมัครที่ทำให้เจ้าพอใจกลับมา”
วอร์คเกอร์โค้งและยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ข้ามั่นใจได้ว่าเงินของเจ้าจะถูกใช้อย่างคุ้มค่า”
“ผมก็หวังแบบนั้น”
ในขณะที่โรดส์สดใจกระดาษตรงหน้า เขาไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มแปลกๆของวอร์คเกอร์ โรดส์วางปากกาลงและมองไปที่วอร์คเกอร์
“มีอะไรอีกไหม?”
“ใช่ ข้ามีเรื่องอยากถาม พวกเราจะรับภารกิจต่อไปเมื่อไหร่?”
“ผมรับมาแล้ว พวกเราจะออกเดินทางในอีก 2 วัน”
“2 วัน?”
ชายชราขมวดคิ้ว
“แล้วข้าจะเอาเวลาที่ไหนไปหาข้อมูลล่ะ?”
“มาร์ลีนกับผมจะเป็นคนทำภารกิจนี้เอง”
โรดส์ส่ายศีรษะและตอบกลับ
“ไลซ์ต้องใช้เวลาศึกษาเวทย์ใหม่และคุณเองก็มีเรื่องต้องทำ นั่นเป็นสาเหตุที่พวกเราทั้งคู่จะไปเอง” โรดส์เหลือบไปมองเด็กสาวที่นั่งอยู่มุมหนึ่งในห้องอ่านหนังสือ “ไม่ต้องกังวลไป พวกเราไปแค่ป่าราตรีเพื่อไปเก็บพืชสำหรับเล่นแร่แปรธาตุ เป็นภารกิจระดับ 2 ดาว”
มาร์ลีนรับรู้ได้ถึงสายตาของโรดส์ เธอยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ การกระทำเช่นนี้ทำให้โรดส์ส่ายหัวและถอนหายใจออกมา
เอาจริงๆ โรดส์ไม่ได้วางแผนจะพามาร์ลีนไปด้วย เขาอยากออกเดินทางไปด้วยตัวเองและหาอุปกรณ์ที่ซ่อนอยู่ภายในป่าราตรี อย่างไรก็ตาม มาร์ลีนเมื่อได้ยินเรื่องนี้และรีบเสนอตัวตามเขาไป เพราะเหตุผลที่เธอมาที่นี่เพื่อเก็บประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด ก่อนที่เธอจะออกไปจากเมืองดีพสโตน เมื่อเจอกับคำขอร้องของมาร์ลีน โรดส์จึงตกลงจะพาเธอไป ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เธอก็เป็นหนึ่งในสมาชิกในกลุ่มทหารรับจ้างของเขา บวกกับความแข็งแกร่งของเธอ ในฐานะจอมเวทย์วงเวทย์ขั้นกลาง อาจมีประโยชน์บ้างถ้าเกิดเรื่องขึ้น
“โอเค ข้าเข้าใจแล้ว”
วอร์คเกอร์พยักหน้าและลุกขึ้น
“ข้าจะไปจัดการเรื่องของข้าและไปสังเกตการณ์ในสมาคม ข้าอยู่ที่นั่น ถ้าเจ้าอยากเจอข้า”
เมื่อเขาพูดจบ ชายชราหันหน้าออกและเดินจากไป แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกไป เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เป็นไลซ์ เธอเปิดประตูเข้ามาและเดินไปหาโรดส์ เธอส่งซองบางอย่างให้เขา
“คุณโรดส์ นี่ถูกส่งมาโดยตระกูลเคลเลอร์”
ร่องรอยความสับสนปรากฏบนใบหน้าของเธอ เมื่อเธอส่งจดหมายให้โรดส์ การแกะสลักบนจดหมายที่งดงาม สัญลักษณ์สีทองเป็นสัญลักษณ์ที่เผยให้เห็นตัวตนและตระกูลที่สูงส่ง
“ตระกูลเคลเลอร์?”
โรดส์มึนงงและขมวดคิ้ว จากนั้นเขารับจดหมายมาจากเธอ
“พวกเรารู้จักคนพวกนี้เหรอ?”
เมื่อได้ยินคำถามของโรดส์ ไลซ์มองโรดส์อย่างราบเรียบ
“อืมม…คุณโรดส์ คุณลืมไปแล้วเหรอคะ?”
“อะไรเหรอ?”
“เมื่อตอนที่พวกเรากลับมาเมืองดีพสโตนจากป่าราตรี คุณช่วยชีวิตคุณหนู….”
“เรื่องนั้นเหรอ”
โรดส์ตอบกลับอย่างชัดเจน เมื่อเห็นจากสีหน้าของเขา เขาลืมเรื่องนี้จริงๆ ไลซ์มึนงง แต่เธอกลืนน้ำลายและตัดสินใจไม่พูดอะไร พวกเขาทั้งสองฝ่ายไม่ได้รู้จักกันเป็นอย่างดี หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่มีการติดต่อกันเลย แต่ทางตระกูลเคลเลอร์ติดต่อกับโรดส์โดยไม่คาดคิด เธอไม่รู้ว่าพวกเขาตั้งใจจะทำอะไร
“หัวหน้าตระกูลเคลเลอร์เชิญผมไปกินมือเย็นเพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยชีวิตลูกสาวของเขา”
โรดส์อ่านเนื้อหาออกมาเสียงดังและวางจดหมายลงบนโต๊ะ
“แล้ว…มีใครอยากไปกับผมไหม?”
ชายชราถอนตัวออกเป็นคนแรก เขาเดินออกจากห้องและโบกมือให้โรดส์
“ดื่มชากับพวกขุนนางน่าเบื่อรึ? ตัดข้าออกไปเลย ข้าไปละ ไอ้หนู มั่นใจได้ภารกิจที่เจ้ามอบให้ ข้าจะจัดการเอง”
“ฉัน ฉันก็…”
ไลซ์พูดด้วยความลังเล เผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจ จากนั้นเธอก้าวถอยหลัง 2-3 ก้าว
“ฉันกำลังเรียนรู้เวทย์บทใหม่ และฉันคิดว่า…ฉันไม่ควรไปค่ะ”
“มาร์ลีน?”
เมื่อเห็นวอร์คเกอร์และไลซ์ไม่สนใจ โรดส์จึงหันไปสนใจคนสุดท้ายในห้อง มาร์ลีนคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะพยักหน้า
“แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยสนใจ…แต่ฉันเดาว่ามันน่าจะผ่อนคลายได้บ้าง มาสิ ไลซ์! ไปด้วยกันเถอะ”
“เอ๊ะ? แต่ฉัน…”
“เวทมนตร์ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะเรียนได้ในวันเดียวนะ ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ได้ร่วมงานเลี้ยงน้ำชามาตั้งแต่เด็ก”
“เอ่อ-คือ…”
เนื่องจากการคะยั้นคะยอของมาร์ลีน ใบหน้าของไลซ์แดงกล่ำ เธอรีบมองไปยังโรดส์ เมื่อเธอเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร เธอรู้สึกโล่งใจและพยักหน้า