ตอนที่ 474 : ความจริง(I)
เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋เจี๋ย เฉินกูก็อดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวด “ผู้อาวุโส…”
ตอนที่เฉินกูกำลังจะเปิดปากพูด ไป๋เจี๋ยก็พูดขึ้นมา “บางทีเรื่องนี้เจ้ายังไม่จำเป็นต้องรู้ หากเจ้าสำนักไม่บอกเจ้า งั้นเขาก็คงคิดแบบเดียวกันกับข้า” ไป๋เจี๋ยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ “เอาล่ะ ความคิดของข้าใกล้จะหมดพลังแล้ว เจ้าหนู ข้าหวังว่าจะได้พบเจ้าอีกในครั้งหน้า ” อยู่ๆ ไป๋เจี๋ยก็พูดขึ้นมา “ใช่สิ เจ้ายังไม่ได้บอกชื่อกับข้าเลย”
“ข้าชื่อ เฉินกู”
“เฉินกู ข้าจะจำชื่อเจ้าไว้ หวังว่าในการพบกันครั้งหน้า เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่!”
เมื่อพูดจบ ความคิดของนางก็ค่อยๆหายไป ไป่หลิงเริ่มกลับมาควบคุมร่างกายของนางได้ดังเดิม
ไป่หลิงมองไปที่เฉินกูด้วยความกังวล และพูดขึ้นมา “ท่านอาจารย์…”
แม้ว่าร่างนางจะถูกคนอื่นควบคุมเอาไว้ แต่สติของนางยังคงชัดเจน นางรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลังจากที่รู้ว่าจิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์ยังมีชีวิตอยู่ และจะกลับมายังโลกป่าขั้นต่ำในอนาคต ไป่หลิงก็ตกตะลึง ท่าทีที่ไป๋เจี๋ยแสดงต่อเฉินกูนั้นทำให้นางเครียด
“ร่างกายของเจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” เฉินกูไม่ได้สนใจท่าทีที่ไป๋เจี๋ยแสดงออกมากับเขา แต่เขาถามไป่หลิงด้วยความเป็นห่วง
ไป่หลิงส่ายหน้าและพูดขึ้น “ศิษย์ไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ผู้อาวุโสจิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์นั้น นาง…”
เฉินกูโบกมือไม่ให้นางพูดต่อ เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “จำเอาไว้ว่าเรื่องเกี่ยวกับผู้อาวุโสจิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์ เจ้าไม่ควรบอกเรื่องนี้กับใคร เจ้าไม่เคยเห็นนาง เข้าใจหรือไม่? ”
ไป่หลิงไม่เข้าใจแต่ก็ยังพยักหน้าตอบรับ
“เรื่องนี้ข้าจะรายงานกับเจ้าสำนักเอง” เฉินกูก้มหน้าลงและพูดขึ้นมา “ส่วนที่เหลือให้เจ้าสำนักคอยตัดสินใจ เราไม่ต้องกังวลเรื่องนี้…”
เขามองไปที่กลุ่มจิ้งจอกน้อยและบอกกับไป่หลิง “นอกจากนี้แล้ว เจ้าก็ต้องดูแลจิ้งจอกน้อยพวกนี้ กำชับพวกนี้ให้ดี”
ไป่หลิงพยักหน้า “รับทราบ ท่านอาจารย์ ! ”
“แล้วเขาล่ะ?” ไป่หลิงมองไปที่เซิงเป่ยซิ่วด้วยสายตาอาฆาต “เราจะกำจัดเขาเพื่อไม่ให้ข่าวนี้แพร่งพรายออกไปดีหรือไม่…”
เฉินกูมองไปที่เซิงเป่ยซิ่วและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลไป การบ่มเพาะของเซิงเป่ยซิ่วถูกข้าทำลายไปแล้ว เขาไม่อาจจะทำอะไรได้ แน่นอนว่าหากเจ้าต้องการจะฆ่าเขาในตอนนี้ก็เอาเลย ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากขยะ ด้วยความแข็งแกร่งที่เจ้ามีนั้น เจ้าสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย”
หากการบ่มเพาะของเซิงเป่ยซิ่วไม่ได้ถูกทำลาย แม้ว่าเขาจะยืนอยู่นิ่งๆให้ไป่หลิงโจมตี แต่ไป่หลิงก็อาจจะฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาเป็นเหมือนคนทั่วไป ไม่ว่าใครก็สามารถฆ่าเขาได้
ไป่หลิงลังเลขึ้นมา อยู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านนอก “ท่านอาจารย์เฉิน เราหาคนที่ท่านต้องการเจอแล้ว!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเซิงเป่ยซิ่วก็หมองลงในทันที
เฉินกูดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “ไปกันเถอะ!”
เขาจับคอเสื้อของเซิงเป่ยซิ่ว ยกตัวอีกฝ่ายขึ้นแล้วเดินออกมานอกถ้ำพร้อมกับไป่หลิงและกลุ่มจิ้งจอกน้อย พวกนั้นเหมือนกับกลัวเฉินกูอยู่บ้าง
เมื่อออกมาจากถ้ำ เฉินกูก็เห็นลั่วซู่หยางยืนอยู่ด้านนอก ที่เท้าของลั่วซู่หยางมีสัตว์ประหลาดผมยาวตาสีหม่นนั่งยองๆอยู่ที่พื้น โดยมีเท้าของลั่วซู่หยางเหยียบตัวเอาไว้
“ลูกรัก!” เซิงเป่ยซิ่วเหมือนจะได้สติ เขารีบตะโกนออกมา “เจ้าฆ่าข้าเลยแต่อย่าทำร้ายลูกข้า! ”
ไม่รู้ว่าเขาเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ทั้งๆที่เฉินกูยังจับคอเสื้อเขาอยู่ แต่เขาก็ยังดิ้นไปมาได้ ดวงตาของเขาแดงก่ำพร้อมกับแยกเขี้ยวราวกับสัตว์อสูรที่บ้าคลั่ง
“เจ้ามันบัดซบ ลูกเจ้าเองก็ด้วย!” ลั่วซู่หยางแสดงสายตาโกรธแค้นออกมาและพูดขึ้น “ข้าเป็นคนมีความอดทนอยู่บ้าง แต่ตอนที่เราพบลูกเจ้า ข้าก็อยากจะฆ่าเขายิ่งกว่าใคร!”
เฉินกูแปลกใจขึ้นมา “ลูกเขาทำอะไรให้เจ้าโกรธ?”
ลั่วซู่หยางสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้นมา “เจ้าสัตว์ประหลาดนี่ไปหาเรื่องกลุ่มสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวน และล่อพวกนั้นไปที่เมืองมนุษย์ เขาคิดจะใช้พลังของสัตว์อสูรในการทำลายเมืองมนุษย์ ! คนเป็นล้านๆคน ! เพราะความต้องการโรคจิตของตัวเขาเอง เขาถึงกับใช้ชีวิตคนนับล้านมาเป็นเหยื่อ ! มันเกือบทำให้เกิดสงครามระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูรที่ภูเขาตะวันตก ! ”
เรื่องแบบนี้เขากลับคิดว่าเป็นเกมส์…”
“หากเราหยุดเขาไว้ไม่ทัน ผลกระทบจากเรื่องนี้คงยากที่จะคาดเดาได้!”
“แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเราก็ยังเสียมนุษย์ไปหลายล้านคน…”
ลั่วซู่หยางโกรธยิ่งกว่าเดิม เขาถึงกับไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
ต้องบอกว่าลูกของเซิงเป่ยซิ่วคือสัตว์เลือดเย็น
ฝางมู่เองก็มองไปที่สัตว์ประหลาดนั่นด้วยสายตาเย็นชา เขาได้พูดขึ้นมา “มันมีสัตว์ประหลาดแบบนี้ไปทำลายเมืองจูอัน จากนั้นก็ลูกของเซิงเป่ยซิ่วที่คิดจะทำลายเมืองมนุษย์และทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสัตว์อสูรพังลง…สัตว์ประหลาดพวกนี้มันผิดปกติกันหมดเลยหรือไง?”
ดูเหมือนว่าคนที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ประหลาดพวกนี้จะไม่มีใครปกติกันเลยสักคน
เซิงเป่ยซิ่วกับลูกไม่มีความดีในตัวเลย
เมื่อทราบว่าในหมู่มนุษย์ ยังมีสัตว์ประหลาดแบบนี้ซ่อนตัวอยู่ ลั่วซู่หยางกับคนอื่นๆก็ไม่อาจจะทำใจเย็นอยู่ได้
“ฮาฮา!ทรมานข้าสิ ยิ่งเจ้าทรมานข้าเท่าไหร่ ข้ายิ่งยินดีเท่านั้น!” สัตว์ประหลาดที่ใต้เท้าลั่วซู่หยางหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง “เจ้ามันอ่อนแอเกินไป นี่แค่สะกิดๆเท่านั้น เจ้าออกแรงมากกว่านี้ไม่ได้รึ?”
ชายคนนี้บ้าไปแล้ว จิตใจของเขาบิดเบี้ยว หากเทียบกับเขาแล้ว เซิงเป่ยซิ่วที่เป็นบ้าคลั่งยังดูเป็นคนปกติกว่าเลย
เซิงเป่ยซิ่วกัดฟันแน่น “ ปล่อยลูกข้าไป ข้าจะบอกทุกอย่าง ! ”
“เป็นไปไม่ได้ !” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลูกเจ้าต้องตาย ไม่ว่าเจ้าจะยอมพูดหรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็ต้องตาย ! ไม่อย่างนั้นแล้วชีวิตของคนบริสุทธิ์หลายล้านคนที่ไปตายไปจะเสียเปล่า!” ท่าทีของเขาเด็ดขาด เขาไม่คิดจะให้อีกฝ่ายต่อรองได้เลย “หากเจ้าอธิบายมาตามจริง เราจะรีบจบชีวิตลูกเจ้าให้ แต่หากเจ้าไม่พูด ข้ารับปากว่าในอนาคตข้าจะหาบทลงโทษใหม่ๆมาใช้กับลูกเจ้า!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเซิงเป่ยซิ่วก็หมองลง
เขากำหมัดแน่นและมองไปที่สัตว์ประหลาดก่อนจะหลับตาลง
“บทลงโทษรึ ? ฮาฮา ดี ข้าชอบ!” สัตว์ประหลาดเลียโลหิตที่มุมปากของตัวเอง แล้วตะโกนออกมา “อย่าเสียเวลาเลย เร็วเข้า ข้าทนรอไม่ไหวแล้ว!”
เฉินกูมองไปที่พวกนั้น และตอนที่เขาคิดจะฆ่าสัตว์ประหลาดนั่น สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า “ ดูเหมือนว่าเด็กนี่จะบ้าไปแล้วจริงๆ ”
ไป่หลิงมองไปที่พ่อกับลูกทั้งคู่ด้วยความสับสัน
เมื่อเห็นว่าเซิงเป่ยซิ่วเงียบอยู่นาน ลั่วซู่หยางก็หมดความอดทน เขายกเท้าขึ้นกระทืบสัตว์ประหลาดไปอย่างแรง
ปัง !
เข่าของสัตว์ประหลาดฟาดลงกับพื้นจนเกิดเสียงกระดูกหักดังขึ้นมา
พื้นดินสั่นไหวเล็กน้อย ลั่วซู่หยางและสัตว์ประหลาดทรุดลงไปในหลุมใหญ่ แม้แต่ฝางมู่,ชุยเจี่ยน,เฉินกูและไป่หลิงที่อยู่ใกล้ๆก็ยังรับรู้ได้ถึงการสั่นนี้ เพราะพื้นดินมันเอียงจนทำให้พวกเขาตัวเซไปเล็กน้อย
“ฮาฮา ! ดี !” สัตว์ประหลาดไม่ได้แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่น้อย เขากลับหัวเราะออกมาแทน “เอาอีกสิ !”
ลั่วซู่หยางมองไปที่อีกฝ่ายและพูดขึ้นมา “ สบายใจได้ เวลายังเหลืออีกเยอะ ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่ !” ลั่วซู่หยางเงียบไปชั่วครู่ และมองไปที่ชุยเจี่ยน “เซียนโอสถ เจ้าน่าจะพกยาฟื้นฟูติดตัวมาด้วยสินะ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชุยเจี่ยนก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “มียา 33 เม็ด เป็นยาขั้น 6 แค่เม็ดเดียว อีก 32 เม็ดเป็นยาขั้น 5 แม้ว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บไม่ได้ทันที แต่ก็พอยื้อชีวิตเอาไว้ได้ ถึงจะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ใช่ว่าจะตายได้ง่ายๆ…”
ดวงตาของเซิงเป่ยซิ่วกระตุกขึ้นมา เขาลืมตาขึ้นและมองไปที่สัตว์ประหลาดที่โดนเหยียบอยู่ ก่อนจะกรีดร้องออกมา “หยุด!”
“คิดดูรึยัง?” ลั่วซู่หยางพูดด้วยสีหน้าเฉยชา “ไม่สำคัญว่าเจ้าจะพูดหรือไม่ เรามาลองดูกันก็ได้ว่าใครจะทนได้นานกว่ากัน…”
เซิงเป่ยซิ่วกัดลิ้นตัวเองจนเลือดไหลออกมา แต่เขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวด “รีบจบชีวิตลูกข้าแล้วข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้ให้เจ้าฟัง!” ชัดแล้วว่าเขามีความอดทนที่สูง แต่จิตใจเขากลับพังทลายไปในทันทีที่ลูกชายถูกทรมาน
“หุบปากไอ้แก่ ข้าไม่ได้อยากให้เจ้ามาปกป้อง…” สัตว์ประหลาดตะโกนออกมา
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบเฉินกูก็ได้ปิดปากอีกฝ่ายเอาไว้
หลังจากที่ทำให้สัตว์ประหลาดเงียบปากลงได้ เฉินกูก็มองไปที่เซิงเป่ยซิ่วและพูดขึ้นมา “เอาล่ะ พูดมา”
เซิงเป่ยซิ่วหลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆและนึกย้อนถึงข้อมูลต่างๆ สักพักเขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้าน่าจะรู้ว่ายิ่งระดับการบ่มเพาะสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีลูกยากมากเท่านั้น หลังจากที่ข้าก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ มันก็ใช้เวลากว่า 2,000 ปี จากนั้นข้าถึงได้มีเขา แต่ลูกข้าไม่ได้รับการสืบทอดพรสวรรค์ที่ข้ามี เขามีพรสวรรค์ทัดเทียมกับแม่ของเขา แต่ข้าไม่ยอม ลูกของเซิงเป่ยซิ่วจะเป็นขยะแล้วตายต่อหน้าข้าได้ยังไง ! ดังนั้นข้าจึงเดินทางไปทั่วทั้งโลกเพื่อหาทางที่จะพัฒนาพรวรรค์ของเขา เพื่อที่สักวันเขาจะได้ก้าวขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดได้ ! ”
“พรสวรรค์ของคนมันเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆรึ? ข้ายอมทำทุกอย่างแต่สุดท้ายมันก็เสียเปล่า เมื่อเห็นว่าลูกข้าแก่ตัวลงขึ้นทุกวัน ข้าก็แทบสิ้นหวัง แต่ตอนนั้นเองกลับมีชายลึกลับโผล่มา เขาคือยอดฝีมือระดับสูงสุด ความแข็งแกร่งของเขาทัดเทียมกับเซียนโอสถ เขาบอกว่าเขามาจากพันธมิตรกลุ่มหนึ่งและบอกว่ากลุ่มนี้มีทางที่จะพัฒนาพรวรรค์ของลูกของข้าได้ แต่มันอาจจะมีผลข้างเคียงตามมา เขาถามข้าว่าอยากจะทดสอบดูหรือไม่”
เมื่อได้รู้ว่ามีหวังที่จะพัฒนาพรสวรรค์ของลูกขึ้นมา มันก็คิดได้ว่าเซิงเป่ยซิ่วจะตื่นเต้นแค่ไหน
“ข้าไฝ่ฝันมานานแล้วเรื่องการพัฒนาพรสวรรค์ของลูกข้า ดังนั้นข้าจึงตกลงโดยไม่ลังเล สำหรับผลที่ตามมาที่เขาพูดถึง ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่นานหลังจากที่ชายคนนั้นกลับไป เขาก็มาหาข้าอีกครั้งและให้ยาเม็ดหนึ่งกับข้า เขาบอกว่ายานี่จะช่วยพัฒนาพรสวรรค์ของลูกข้า เขาบอกข้าให้คอยตรวจสอบร่างกายและดูการเปลี่ยนแปลงของลูกข้าหลังจากที่กินยาเข้าไป….”
“ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่กินยานี้แล้ว ฝันร้ายของเราพ่อลูกก็เริ่มต้นขึ้นมา!”