เมื่อเซียนหยกบอกราคา ทุกคนถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที มีเพียงหลิงหยุนเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย
‘โก่งราคามากจนเกินไป!’
อย่าว่าแต่ซ่งเจิ้งหยางเลย แม้แต่พ่อค้าจิเวลรี่ และนักพนันหินธรรมดาๆ ก็สามารถมองออกว่าหินดิบในรถเข็นทั้งสามคันนั้น เมื่อครั้งที่ถูกนำส่งมาที่นี่ครั้งแรก ราคารวมกันยังไม่ถึงสามสิบห้าล้านหยวนเลยด้วยซ้ำ!
อีกทั้งหินพวกนี้ก็ถูกทิ้งไว้ในหออวี้ติงเซวียนมานานมากแล้ว เพราะไม่มีใครเลือกซื้อไปเลย เรียกได้ว่าเป็นหินที่ถูกคัดทิ้งและไม่มีใครให้ความสนใจก็น่าจะได้ มีแต่คนหน้าโง่หรือนักพนันหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่เส้นทางนี้เท่านั้นล่ะที่จะสนใจ แต่สำหรับนักพนักหินที่มีประสบการณ์นั้น ไม่มีใครชายตามองให้เสียเวลาด้วยซ้ำไป!
หินพวนั้นไม่ต่างจากขยะที่ตั้งไว้เพื่อรอวันกำจัดมานานหลายปี เช่นเดียวกับราชาหินที่ตั้งอยู่ทางฝั่งโน้น..
แต่ในเมื่อวันนี้มีโอกาสขายได้ เซียนหยกไม่เพียงจะได้เงินไปเต็มๆ แต่เขากลับโก่งราคาขึ้นเป็นสองเท่าตัว! นี่ไม่เท่ากับฟันลูกค้าหัวแบะเลยงั้นรึ?
ซ่งเจิ้งหยางหงุดหงิดอย่างมากที่ไม่สามารถห้ามหลิงหยุนไม่ให้ซื้อหินในรถเข็นทั้งสามคันนี้ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เซียนหยกเอาเปรียบหลิงหยุนถึงเพียงนี้ได้เช่นกัน แม้วันนี้หลิงหยุนจะดูเป็นไก่อ่อน แต่ยังมีซ่งเจิ้งหยางอยู่ทั้งคน!
“เซียนหยก.. ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง? คุณบอกราคาเหมือนไม่อยากขายเศษหินพวกนี้ บอกตามตรงทั้งหมดนี้หากคุณสามารถขายได้ในราคาสิบล้านหยวนก็นับว่าส้มหล่นแล้ว! แต่นี่กลับโก่งราคาเพื่อนผมถึงหกสิบล้านหยวน! ทำแบบนี้ไม่เท่ากับว่าไม่เห็นแก่หน้าผมเลยงั้นรึ?! หรือจงใจที่จะฉีกหน้าผมกันแน่?”
ซ่งเจิ้งหยางร้องถามเซียนหยกอย่างไม่พอใจ หน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ
มู่หลงเวิ่นฉีเองก็ไม่พอใจมากเช่นกัน เขาขมวดคิ้วจ้องมองเซียนหยกพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“เซียนหยก.. ผมว่าคุณทำแบบนี้มันไร้เหตุผลเกินไป!”
ทางด้านมู่หลงเฟยจื่อที่ยังคงโกรธหลิงหยุนอยู่นั้น เมื่อเห็นเซียนหยกตั้งใจเปิดราคาสูงถึงขนาดนี้ก็รู้สึกหงุดหงิด จึงหันไปพูดกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
“หลิงหยุน.. เห็นรึยังว่าตัวเองกำลังกลายเป็นหมูถูกเชือดไปแล้ว!”
ทางด้านถังเมิ่งที่นั่งอยู่บนพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยากนั้น เมื่อได้ยินว่าต้องจ่ายเงินถึงหกสิบล้านเพื่อซื้อเศษหินพวกนี้ เขาก็ได้แต่คิดว่าขืนปล่อยให้หลิงหยุนทำแบบนี้ กลุ่มบริษัทเทียนตี้ของเขาที่ยังไม่ทันจะได้เปิดตัวนั้น คงต้องปิดตัวลงก่อนอย่างแน่นอน
“นี่พี่หยุน.. ถ้าพี่อยากได้หินไปเล่นสนุก ฉันจะไปหาบนเขามังกรมาให้ก็ได้ รูปร่างของมันไม่แปลกน้อยไปกว่าหินที่พี่เลือกหรอก โอเคมั๊ย?!” ถังเมิ่งสะกิดต้นขาหลิงหยุนพร้อมกับร้องบอก
เมื่อผู้คนที่มุงดูอยู่ได้ยิน ต่างก็พากันหัวเราะออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร..
“โง่ซะจริง! อยู่ดีไม่ว่าดี วิ่งมาชนปังตอของเซียนหยกเอง หกสิบล้าน.. บ้าไปแล้ว!”
“นั่นสิ.. สามสิบล้านก็ว่าแพงแล้ว นี่โก่งราคาสูงถึงหกสิบล้าน! ดูสิว่าเรื่องนี้จะจบยังไง?!”
“ประธานซ่งเองก็บอกว่าหินทั้งหมดนี้สิบล้านก็มากพอแล้ว! นี่เซียนหยกกะว่าจะขายครั้งเดียวแล้วร่ำรวยเลยหรือยังไง?”
“ฉันว่านะ.. เซียนหยกคงกลัวว่าตัวเองจะพลาดก็เลยเปิดราคาสูงถึงขนาดนี้ เพราะอย่างน้อยหากมันเป็นหยกจริงๆ เขาก็ไม่ขาดทุน.. แต่ราคาที่เปิดก็สูงจนเกินไปอยู่ดี..”
ผู้คนที่พากันมามุงดูนั้นเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา และต่างก็พากันหัวเราะเยาะหลิงหยุน
สองหนุ่มเพลย์บอยจูหย่งหวัง และโหวเย่าจงถึงกับดีอกดีใจ และได้แต่คิดในใจว่าครั้งนี้เขาจะต้องฉีกหน้าหลิงหยุนคืน
บอกราคาหกสิบล้าน.. ต่อให้ต่อราคาได้สิบล้าน ดูท่าหลิงหยุนก็คงไม่มีเงินจ่าย อาจต้องขอรถมาเซราติกับเช็คคืนจากตระกูลมู่หลง
“หลิงหยุน.. นายมีเงินซื้อเหรอ?! ที่นี่ไม่ใช่ตลาดสดนะที่นายจะมาเดินเล่น”
จูหย่งหวังยังคงแค้นที่หลิงหยุนไม่ยอมรักษาโรคให้กับเขา จึงตั้งใจที่จะเปิดศึกกับหลิงหยุนอีกครั้ง
“หลิงหยุน.. ถ้านายไม่อยากขายขี้หน้า ก็รักษาโรคเก๊าท์ให้กับฉันสิ! แล้วฉันจะเป็นคนจ่ายเงินค่าหินสามคันรถนี้ให้กับนายเอง?!”
โหวเย่าจงเองก็แอบเหลือบมองอย่างมีความหวัง ทั้งคู่ต่างก็ยั่วยุหลิงหยุนเพื่อให้เขายอมรักษาโรคให้กับตนเอง แต่ในขณะเดียวกันก็แอบหวั่นใจว่าหลิงหยุนจะเปลี่ยนใจไม่ยอมซื้อ และพวกเขาจะหมดโอกาสต่อรอง
เซียนหยกจ้องมองสีหน้าของหลิงหยุนที่ยังคงนิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะเดียวกันก็หันไปพูดกับซ่งเจิ้งหยางว่า
“เฒ่าซ่ง.. ที่คุณพูดก็ไม่ถูกนัก! อย่าลืมว่าหินของทางร้านก็ล้วนเป็นหินหยกดิบ ไม่ใช่หินจากเขามังกร? อีกทั้งพวกเราก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักพนันหิน มันก็ต้องเสี่ยงกันหน่อยไม่ใช่รึ..?”
“ใครจะไปรู้ว่าภายในหินก้อนใหนจะเป็นสีเขียวบ้าง? แม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่มีคนเลือกซื้อไปก็เถอะ! คนอย่างอวี้เฉิงจินทำธุรกิจนะ ไม่ได้เอาหินขยะมากองไว้หลอกเด็กหน้าใหม่..”
“คุณดูอย่างราชาหินที่อยู่ในร้านของผมสิ.. คุณก็เห็นว่าเดิมทีรูปลักษณ์ของมันดีมากแค่ใหน? คุณเองก็เคยมั่นใจว่ามันต้องเป็นหยกอย่างแน่นอนไม่ใช่เหรอ? ทั้งผม ประธานมู่หลง แล้วก็ตัวคุณเองก็เคยพนันตัดหินก้อนนั้นมาแล้วทุกคน เถ้าแก่ฮั่นเองก็เคยเช่นกัน.. นี่เรียกว่าการพนันไม่ใช่หรือยังไง? ตอนนี้ห้าหมื่นหยวนยังไม่มีใครอยากตัดดูเลย?!”
“ในที่นี้มีใครการันตีได้บ้างว่าหินภายในรถเข็นทั้งสามคันนี้จะไม่มีหินสีเขียวอยู่เลย? ถ้าผมพนันจริงๆ ผมว่าก็คงไม่มีใครกล้าเล่นกับผมอยู่ดี?”
“นี่คือการซื้อขาย.. ผมเปิดราคาไป หากเพื่อนของคุณยอมรับไม่ได้ พวกคุณก็ต่อรองมาได้นี่?”
เซียนหยกตอบเสียงดังฟังชัด และเหตุผลของเขานั้นก็ไม่มีใครโต้เถียงได้ แม้แต่ซ่งเจิ้งหยางเองก็ถึงกับไร้คำพูด..
จริงอย่างที่เซียนหยกพูด แม้แต่ซ่งเจิ้งหยางเองที่พนันหินมานานหลายปี ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าหินในรถคันนี้จะไม่มีหินสีเขียวเลยแม้แต่ก้อนเดียวหากตัดออกมาดู..
หลังจากที่หลิงหยุนยืนฟังคำพูดของเซียนหยกอยู่นาน เขาจึงตบมือขึ้นพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“ท่านเซียนหยกนับว่าพูดได้ดีทีเดียว นี่คือธุรกิจ ตกลงราคาได้ก็จ่ายเงินแล้วรับของไป เรื่องราคาไว้พูดกันทีหลังดีกว่า?”
เซียนหยกและเถ้าแก่ฮั่นได้ฟังก็ถึงกับตกใจ และได้แต่คิดในใจว่าหลิงหยุนไม่ใช่หมูอย่างที่พวกเขาคิดไว้ ดูจากความสุขุมสงบนิ่งของเขาแล้ว เขาดูเป็นมืออาชีพมาก!
การต่อรองนั้นต้องมีความอดทนมากกว่าความสงบนิ่ง หากใครที่อดทนรอคอยได้นานกว่า คนนั้นมักจะเป็นผู้ชนะ!
พวกเขาต่างก็คิดว่าหลิงหยุนคงต้องหงุดหงิดและโกรธ แล้วก็พาลไม่ซื้อ แต่หลิงหยุนกลับไม่เป็นเช่นนั้น ซ้ำยังมีความอดทนในการต่อรองอย่างมาก
เซียนหยกกับเถ้าแก่ฮั่นไม่ต้องการขายเศษหินที่กองอยู่ตรงนั้นงั้นหรือ? ไม่เลย.. พวกเขาต้องการขายอย่างแน่นอนที่สุด!
ซ่งเจิ้งหยางได้แต่คิดในใจว่า ราคาต้องไม่เกินสิบล้าน หากมากกว่านี้ถือว่าไม่ให้หน้าเขา – ซ่งเจิ้งหยาง!
ไม่เพียงซ่งเจิ้งหยาง ยังมีมู่หลงเวิ่นฉีอีกคน อย่าว่าแต่สิบล้านเลย สำหรับเศษหินพวกนี้ ห้าหมื่นหยวนก็นับว่าไม่ขาดทุนแล้ว..
แต่นี่คือธุรกิจพนันหิน การที่หลิงหยุนกว้านซื้อเศษหินจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ ย่อมหมายความว่าเขาอาจพบร่องรอยอะไรบางอย่างที่ผู้อื่นไม่พบ?
ดังนั้น เซียนหยกจึงได้เสนอราคาสูงถึงหกสิบล้านเพื่อต้องการดูปฏิกิริยาของหลิงหยุน..
เมื่อเซียนหยกเห็นหลิงหยุนไม่คิดที่จะต่อรอง ในใจก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
“นี่น้องชาย.. เห็นว่าราคาสูงไป ก็เลยไม่อยากซื้อแล้วเหรอ?”
แต่หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปที่ก้อนหินสีดำหลายก้อนด้านหลัง “ใครบอกว่าผมจะไม่ซื้อล่ะ! ผมแค่อยากจะซื้อหินสีดำที่อยู่ตรงโน้นด้วยต่างหาก คุณบอกราคามาได้เลย!”
ผู้คนที่ได้ฟังถึงกับตกตะลึงกันหมด.. เว้นหลงหวู่คนเดียวเท่านั้น!
เขาต้องการซื้อราชาหินงั้นรึ? หินก้อนนั้นแย่ยิ่งกว่าเศษหินพวกนี้เสียอีก?! มันถูกทิ้งไว้อย่างนั้นโดยที่ไม่มีใครสนใจมานานมากแล้ว จนได้ฉายาว่าราชาหินที่ถูกลืม!
ทุกคนต่างก็พากันยกมือขึ้นดึงหูตัวเอง เพราะเกรงว่าตัวเองจะฟังผิด!
“อะไรนะ? นี่ฉันฟังไม่ผิดใช่มั๊ย? เขาจะซื้อราชาหินนั่นจริงเหรอ?!”
“เฮ้อ.. มือใหม่ขาดประสบการณ์ แต่กล้ามาพนัน..”
“หมอนี่ท่าจะบ้า.. หลายคนลองตัดดูแล้วก็ไม่ใช่หยก แต่เขากลับคิดว่าตัวเองจจะตัดเจอหยกหรือยังไงกัน?”
เซียนหยกและเถ้าแก่ฮั่นถึงกับอึ้งไป! ดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อพนักงานหนุ่มของหออวี้ติงเซวียน และยังคงดื้อดึงที่จะซื้อราชาหินก้อนนั้นให้ได้
“น้องชาย.. นี่เธออยากจะซื้อหินนั่นจริงๆงั้นรึ? ไม่ได้พูดล้อเล่นใช่มั๊ย?”
หลังจากที่หายตกตะลึง เซียนหยกก็ร้องถามออกมาอย่างรวดเร็ว
หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆ “จริงครับ! ใครจะมาล้อเล่นกันล่ะ..”
หลิงหยุนตอบด้วยท่าทางสบายๆ จากนั้นก็รีบพูดต่อว่า “ตอนนี้ผมต้องการซื้อหินในรถเข็นทั้งสามคันนี้พร้อมกับราชาหินก้อนนั้นด้วย คุณเสนอราคามาได้เลย..”