บทที่ 620 : ราชาหินที่ถูกลืม!
หินสีดำที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดครึ่งเมตรนั้น จะว่ากลมก็ไม่ใช่ จะว่าสี่เหลี่ยมก็ไม่เชิง ด้านบนของหินดูคล้ายกับรอยถูกตัดจนเรียบ และดูคล้ายกับกลองขนาดใหญ่ หรือคล้ายกับศรีษะของตุ๊กตาหิมะที่ถูกตัดขาดจากลำตัว
หินก้อนใหญ่นี้ถูกทิ้งไว้ไม่ไกลจากหินมังกรเขียวมากนัก ดูเหมือนจะห่างกันเพียงแค่สิบกว่าเมตร และมีชะตากรรมที่โดดเดี่ยวราวกับถูกทอดทิ้งมานานเหมือนกัน
พนักงานของหออวี้ติงเซวียนเห็นหลิหยุนกำลังเข็นรถไปที่ก้อนหินสีดำขนาดใหญ่ก้อนนั้น ก็ถึงกับจ้องมองหลิงหยุนอย่างหมดความอดทน
ที่นี่เป็นลานพนันหินซึ่งควรจะมาเพื่อเลือกซื้อหินที่มีมูลค่า และนี่เป็นโอกาสดีของพวกเขาที่จะได้ฝึกสายตาและเรียนรู้ประสบการณ์ในการคัดเลือกหินจากนักพนักหินที่เชี่ยวชาญ แต่ตอนนี้เขาต้องมาเดินตามหลิงหยุนทีดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับการพนันหินเลยแม้แต่น้อย เขาจึงรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
แต่ต่อให้หงุดหงิดหรือไม่พอใจมากเพียงใดก็ตาม เขาก็ได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาทางสีหน้า เพราะหลิงหยุนไม่เพียงเป็นลูกค้าซึ่งทางร้านถือคติว่า.. ลูกค้าคือพระเจ้า! แต่หลิงหยุนยังเป็นคนที่ซ่งเจิ้งหยางพามาอีกด้วย
หลิงหยุนถูกหินก้อนใหญ่สีดำดึงดูด และแน่นอนว่าไม่ใช่เพราะขนาดที่ใหญ่ของมัน อีกทั้งหินดำก้อนนี้ก็ไม่มีพลังชีวิตปลดปล่อยออกมาเลยแม้แต่น้อย แต่ที่เขาสนใจนั้นเพราะเนตรหยิน-หยางของเขาสามารถมองเห็นด้านในของหินก้อนนั้น!
เขาจึงเห็นว่าด้านในของหินสีดำขนาดใหญ่นี้ เป็นสีเขียว สีเขียวที่เปล่งประกายสดใส!
‘สวรรค์.. นี่จะมีมูลค่ามากเท่าไหร่กัน?!’ หลิงหยุนถึงกับใจสั่นและได้แต่ร้องคำรามอยู่ในใจ
เนตรหยิน-หยางของหลิงหยุนสามารถมองทะลุเข้าไปได้ลึกถึงสามเซนติเมตร เขาจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายในของหินสีดำก้อนนี้เป็นสีเขียวแวววาว!
แม้หลิงหยุนจะรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่สีหน้าของเขากลับยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง จากนั้นจึงเดินอ้อมไปอีกด้านของหินสีดำ และผลก็เป็นเช่นเดิม ภายในหินเป็นสีเขียวทั้งหมด!
‘แค่หินก้อนนี้เพียงก้อนเดียว.. ก็จะทำให้ข้าสามารถเปิดร้านเครื่องประดับที่ทำจากหยกได้เลยทีเดียว!” หลิงหยุนกรีดร้องอย่างยินดีอยู่ในใจ
“เอ่อ.. นายท่านครับ.. นี่คุณจะซื้อหินก้อนนี้จริงๆเหรอครับ?” พนักงานชายเห็นหลิงหยุนทำเหมือนจะซื้อจึงรีบเอ่ยถามขึ้นมา
“ทำไมล่ะ? หินก้อนนี้ไม่ขายหรือยังไง?” หลิงหยุนร้องถามอย่างแปลกใจ
ในขณะเดียวกันหลิงหยุนก็ได้แต่แอบคิดว่า หินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้นำมาขาย จะนำมาตั้งโชว์เหมือนหินมังกรเขียวของหออวี้ติงเซวียนหรืออย่างไรกัน?
พนักงานชายรีบตอบกลับว่า “ไม่เกี่ยวกับเรื่องจะขายหรือไม่ขาย.. แต่ผมแค่อยากจะเตือนคุณ..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าพนักงานชายผู้นี้เป็นคนที่มีจิตใจดีทีเดียว จึงตอบเสียงเบาว่า “ว่ามาสิ..”
พนักงานชายก้าวออกมาด้านหน้าสองก้าว และกระซิบกับหลิงหยุนว่า “นายท่าน.. ผมเพิ่งเคยเห็นหน้าคุณ ดูเหมือนว่าคุณคงจะมาที่นี่เป็นครั้งแรกสินะ!?”
“ผมขอบอกคุณตามตรงว่า อย่าได้โง่ซื้อหินก้อนนี้ไปเลย..”
หลิงหยุนร้องถามอย่างแปลกใจ “ทำไมล่ะ?!”
พนักงานรีบยกมือขึ้นชี้ไปที่ลานพนันหิน “คุณเห็นคนพวกนั้นมั๊ยครับ? คนเป็นร้อยที่อยู่ตรงนั้นล้วนไม่ใช่พวกมือสมัครเล่น..”
“พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นพ่อค้าหยกที่บริษัทจิวเวลรี่ต่างๆส่งมาเป็นตัวแทน และเป็นผู้ที่ชื่นชอบการพนันหิน มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะมาที่นี่เพื่อเปิดหูเปิดตา หรือเพื่อความสนุกสนาน..”
หลิงหยุนยิ้มสบายๆแล้วตอบบกลับไปว่า “เรื่องนั้นผมรู้ เพราะผมเองก็มาที่นี่เพื่อมาเปิดหูเปิดตาสนุกๆเท่านั้น..”
พนักงานชายมองหลิงหยุนด้วยสายตากังวลเล็กน้อย แล้วจึงพูดต่อว่า “นายท่าน.. คุณรู้มั๊ยครับว่าเพราะอะไรคนพวกนั้นถึงได้ไม่สนใจหินก้อนนี้?”
“เพราะอะไรเหรอ?”
พนักงานชายยิ้มให้หลิงหยุนก่อนจะพูดต่อว่า “นั่นก็เพราะว่าทุกคนที่มาที่นี่เป็นประจำ พวกเขาต่างก็รู้ว่าหินที่กองทิ้งมานานอยู่ในลานแห่งนี้ ล้วนเป็นหินที่ไม่ถูกเลือก และไม่มีใครต้องการน่ะสิ..”
“หินที่มาใหม่ในอาทิตย์นี้ ล้วนแล้วแต่จะกองอยู่ทางด้านลานพนันหิน ก็กองที่คนพวกนั้นกำลังเลือกกันอยู่นั่นล่ะ..”
“นายท่านอย่าไปสนใจหินก้อนนี้เลย เพราะยังไงมันก็ไม่ใช่หยกอย่างแน่นอน..”
และเพื่อต้องการให้หลิงหยุนตัดใจจากหินขยะก้อนนี้ พนักงานชายจึงได้อธิบายเพิ่มเติมให้หลิงหยุนฟังอย่างละเอียด
“คุณลองดูด้านบนของหินก้อนนี้สิ..”
หลิงหยุนพยักหน้าและตอบกลับไปว่า “อืมม.. ด้านบนของหินถูกตัดจนเรียบ..”
พนักงานชายพยักหน้าและรีบเกลี้ยกล่อมต่อทันที “ผมไม่ได้ต้องการให้คุณดูว่ามันเป็นอะไร แต่ต้องการให้คุณไตร่ตรองดูว่ารอยเรียบนั้นเกิดจากอะไรต่างหากล่ะ?”
และครั้งนี้.. เขาก็ไม่รอให้หลิงหยุนตอบ แต่ชิงอธิบายทันที “เห็นได้ชัดว่ามันถูกตัดด้วยเลื่อยสำหรับตัดหิน! ความจริงแล้วหินก้อนนี้มีความยาวมากกว่าแปดเมตร และวางเป็นแนวนอน ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็เชื่อว่าด้านในของหินต้องเป็นสีเขียวอย่างแน่นอน!”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า เขาเองก็เห็นว่าด้านในเป็นสีเขียวเช่นกัน!
“เมื่อครั้งแรกที่หินก้อนนี้ถูกเคลื่อนย้ายมานั้น ทุกคนต่างก็เรียกหินก้อนนี้ว่า ‘ราชาหิน’ และตอนนั้นราคาของมันก็สูงมากด้วย..”
พนักงานชายยกมือชูนิ้วขึ้นสองนิ้ว พร้อมกับกระซิบบอกหลิงหยุนอย่างตื่นเต้น “สูงถึงสองร้อยล้านหยวน..”
“ครั้งนั้น มีบริษัทจิวเวลรี่แห่งหนึ่งใช้เงินถึงสอยร้อยล้านหยวนซื้อราชาหินก้อนนี้มา เมื่อครั้งที่นำหินมาตั้งโชว์ครั้งแรกนั้น ผู้คนต่างก็พากันมาชื่นชมอย่างมากมายล้นหลาม!”
แต่จู่ๆ น้ำเสียงของพนักงานชายก็เปลี่ยนเป็นเสียดายและเศร้าสร้อยอย่างมาก..
“แต่น่าเสียดาย.. เมื่อทำการตัดหินก้อนนั้นดูจากด้านบน และค่อยๆตัดลงมาเรื่องๆอีกมากกว่าสิบครั้ง จนตัดหินทิ้งไปกว่าสองเมตรก็ยังไม่เห็นสีเขียวแม้แต่นิดเดียว มีเพียงสีเทาของหินธรรมดาๆเท่านั้น!”
“ตอนนั้นผู้คนที่มาดูกันมากมายต่างก็พากันอึ้งไปหมด แม้แต่นักพนันหินที่ว่าเก่งๆก็ยังถึงกับอึ้ง เจ้าหน้าที่จากบริษัทจิวเวลรี่ และพ่อค้าหยกต่างก็อึ้งไปหมดเช่นกัน แม้แต่เจ้าของบริษัทจิวเวลรี่เองยังแทบกระอักเลือด!”
“แต่เขายังไม่เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้นไปได้ จึงได้ลงมือตัดหินลึกเข้าไปอีกหนึ่งเมตร ตอนนี้อย่าว่าแต่สีเขียวเลย มันเป็นสีเทาอย่างชัดเจน ไม่มีวี่แววว่าจะมีสีเขียวปรากฏออกมาแม้แต่น้อย..”
“เถ้าแก่เจ้าของร้านจิวเวลรี่ถึงกับหน้าซีดเผือด..”
หลิงหยุนไม่สนใจเรื่องนี้นัก แต่รีบถามเรื่องที่ตนเองสงสัย “ถ้าตัดหินทิ้งไปสามเมตร ก็น่าจะเหลือความยาวห้าเมตรสิ แต่ทำไมเหลือแค่สองเมตร?”
“หลังจากที่ตัดหินไปถึงสามเมตรแล้ว เถ้าแก่ของเราซึ่งเป็นคนจิตใจดี ไม่อยากให้เถ้าแก่บริษัทจิวเวลรี่ต้องสูญเงินฟรี เขาจึงซื้อหินที่เหลือกลับมาด้วยเงินสามสิบล้าน..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าดูท่าเซียนหยกคนนี้น่าจะเป็นคนดีมากคนหนึ่ง..
“หลังจากที่เถ้าแก่ซื้อหินก้อนนี้มาแล้ว ก็รู้ดีว่าคงจะขายไม่ออกอย่างแน่นอน เขาจึงนำมาให้เหล่าเซียนพนันหินตัดเสี่ยงโชคดู ด้วยการจ่ายเงินห้าแสนหยวนต่อการตัดที่สิบเซนติเมตร และถ้าใครตัดพบหินสีเขียว ก็จะต้องแบ่งให้กับทางร้านด้วย..”
“และหลังจากตัดไปตัดมา.. ก็เหลือเท่าที่คุณเห็นอยู่นั่นล่ะ!”
เรียกได้ว่าพนักงานชายได้เล่ารายละเอียดของหินก้อนนี้ให้หลิงหยุนฟังอย่างหมดเปลือก จากนั้นก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางลานพนันหินพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“แม้แต่อาวุโสมู่หลง และอาวุโสซ่งที่มากับคุณ ก็ยังมาตัดดูเลย..”
“แต่ไม่ว่าจะถูกตัดไปกี่ครั้ง ราชาหินก้อนนี้ก็ยังคงไม่มีสีเขียว และตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครสนใจอยากจะตัดหินก้อนนี้อีกเลย มันจึงถูกวางทิ้งไว้อยู่ที่นี่..”
และนี่คือส่วนที่เหลือจากการถูกตัดทิ้ง!
หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามออกไปว่า “แล้วตอนนี้หินก้อนนี้ขายกันอยู่ที่ราคาเท่าไหร่?”
พนักงานชายได้แต่คิดว่า ‘ผมเล่าให้คุณฟังถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังอยากจจะซื้ออยู่อีกหรือ หัวดื้อจริงๆ ไม่เคยเห็นใครหัวดื้อแบบนี้มาก่อนจริงๆ!’
เขายิ้มอย่างงๆ และตอบกลับไปว่า “ถ้านายท่านอยากจะได้จริงๆ ผมขอแนะนำให้คุณไปคุยกับเถ้าแก่โดยตรง ว่าแต่คุณจะยอมเสียเงินซื้อเศษหินนี่จริงๆเหรอ.. ฮ่า..ฮ่า..”
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง พนักงานชายก็แนะนำหลิงหยุนว่า “นายท่าน.. ถ้าคุณอยากจะเสียเงินมาก ทำไมไม่ลองจ่ายห้าแสนเพื่อขอตัดหินก้อนนี้สักสิบเซ็นติเมตรดูล่ะ อย่างน้อยก็จะได้มีความสุขที่ได้ตัดราชาหินไง!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย แต่ผมชื่นชอบหินก้อนนี้ และผมก็จะซื้อ!”
ในที่สุด.. ราชาหินที่ถูกลืมก็มีคนมาซื้อจนได้!