หูชีเยี่ยนยากที่จะอารมณ์ดีขึ้นมา ได้แต่สูดควันอย่างช้าๆ…
“คุณหู คุณมีอะไรที่ปิดบังอยู่กันแน่ครับ?” จ่านป๋ายถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
“ฉันแค่ไม่อยากให้พวกเขาไปตามหาหินปิดฟ้า!” หูชีเยี่ยนสูดลมหายใจลึกๆ มองไปที่จ่านป๋าย “หลายวันมานี้ ฉันแอบสังเกตเห็นว่าในใจของนายเป็นห่วงเธอมาก ถ้าวันไหนที่ฉันไม่อยู่แล้ว นายช่วยเตือนเธอไว้ด้วยแล้วกัน คิดเสียว่าทำเพื่อฉัน อย่าไปตามหาหินปิดฟ้าอะไรนั่นอีกเลย”
“อย่างน้อยคุณก็น่าจะให้เหตุผลผมมาสักข้อนะครับ!” จ่านป๋ายยิ้มเฝื่อน
“อารยะธรรมของมนุษย์เราไม่ต้องการตำนานเทพหรอก นายคิดว่าบนโลกใบนี้มีเทพเจ้าจริงเหรอ?” หูชีเยี่ยนยิ้มเย็น “เอาเถอะ ถึงบนโลกนี้จะมีเทพเจ้าจริงๆ แล้วใครจะเที่ยงตรงเป็นธรรมกันล่ะ? มนุษย์เราถ้าตื่นเช้ามาแล้วไม่มีประโยชน์ ใครจะตื่นกัน นับประสาอะไรกับเทพเจ้า?”
จ่านป๋ายได้ยินแล้วอดยิ้มไม่ได้ “ทุกวันคุณต้องตื่นแต่เช้าเพื่ออะไรเหรอครับ”
“ฉันแค่อยากจะให้จินเหลียนมีความสุข เห็นเธอยิ้มฉันก็พอใจแล้ว!” หูชีเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ “นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงได้เกลียดซีเหมินน่งเย่ว์ขนาดนั้น?”
“ทำไมล่ะครับ” จ่านป๋ายสับสน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เหมือนมีความแค้นฝังหุ่น ไม่มีใครตายไปข้างหนึ่งก็จะไม่หยุดพัก ถ้าสิ่งที่สวี่อี้หรานพูดเป็นความจริง ถ้าอย่างนั้นหูชีเยี่ยนก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะเคียดแค้นเขา
“เขาเกลียดฉัน ลงมือกับฉันยังไม่เป็นไร แต่เขาคิดจะมาลงมือกับจินเหลียน ตอนนั้นเธอก็แค่เด็กคนหนึ่ง” หูชีเยี่ยนโคลงศีรษะพูด “ฉันเลยเกลียดซีเหมินเหล่าเอ๋อร์ไปด้วย เขารู้เรื่องทุกอย่างแต่กลับไม่ห้ามอะไรเลย…”
“แต่จินเหลียนก็ยังสบายดีไม่ใช่เหรอครับ” จ่านป๋ายเกลี้ยกล่อม “คุณหู แม้ว่าคุณจะโกรธเกลียดซีเหมินน่งเย่ว์อย่างไร แต่คุณจะทำอะไรเขาได้ล่ะครับ นี่เป็นยุคสังคมของกฎหมาย” พูดความจริงเขากลัวว่าหูชีเยี่ยนจะทำเรื่องไม่ดีเข้า หลายวันมานี้ขอแค่หูชีเยี่ยนออกไปข้างนอก เขาก็เป็นกังวลไม่สบายใจ ที่นี่เป็นเซี่ยงไฮ้ หากก่อเรื่องอะไรขึ้นมา มันยากที่จะตามเก็บล้าง
“ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะทำอะไรกับเขา” หูชีเยี่ยนยิ้มๆ “ฉันแค่อยากทวงของที่เคยเป็นของฉันคืนกลับมาแค่นั้น!”
“คุณหูครับ คุณรวยมากพอแล้วนะครับ” จ่านป๋ายถอนหายใจ “คุณอยากจะหลอมรวมตระกูลฉิน ตระกูลอวิ๋นและตระกูลจ่าน มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ?”
“เสี่ยวป๋าย ถ้าเป็นไปได้นายไม่อยากจะได้สิ่งที่ควรเป็นของนายคืนอย่างนั้นเหรอ?” หูชีเยี่ยนยิ้มน้อยๆ
“อยากสิครับ!” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “ถ้าผมอยากจะเอาของของผมคืนมา ผมก็ตั้งเป็นศัตรูกับพ่อ จ่านมู่ฮวาไม่เป็นไร แต่ไม่ว่าอย่างไรจ่านอิ๋นก็ยังเป็นพ่อของผม ผมไม่อยาก…”
“ไอ้หนูอย่างนายไม่อยากเห็นฉันทำร้ายเขาใช่ไหมล่ะ?” หูชีเยี่ยนยิ้ม “ตระกูลอวิ๋นกับตระกูลฉินช่างมันเถอะ แต่ตระกูลจ่านใช้ได้เลย โดยเฉพาะพี่ชายของนาย แน่นอนนายก็เหมือนกัน แต่ถ้าฉันไม่ออมมือเกรงว่าทรัพย์สินของจินเหลียนพวกนี้ คงได้ตกอยู่ในมือของจ่านมู่ฮวาแน่…”
“คุณก็ดูถูกจินเหลียนเกินไปแล้วครับ” จ่านป๋ายยิ้มอ่อน ลักษณะภายนอกของจินเหลียนดูใสซื่อบริสุทธิ์ เหมือนคนที่ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แต่ถ้าใครทำให้เธอโกรธหรือไปทำให้เส้นความอดทนของเธอขาดสะบั้น เธอก็ไม่ได้มีความน่ารักใสซื่อเหมือนที่เห็น
เรื่องนี้ในใจของจ่านป๋ายตระหนักดี จ่านมู่ฮวาเคยถูกเธอตีด้วยแส้งูแล้ว เมื่อตนไปหาเรื่องให้เธอโกรธ เธอก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน!
“เธอเป็นพันธนาการสิ่งเดียวของฉัน” หูชีเยี่ยนถอนหายใจ “ฉันว่าบางทีฉันอาจจะผิดไป”
จ่านป๋ายขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณผิดตรงไหนครับ?”
“ฉันไม่น่ามาเซี่ยงไฮ้เลย!” หูชีเยี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก “งานประมูลหยกที่พม่าครั้งนี้ ฉันเป็นคนจัดเอง”
“ผมพอจะเดาได้ครับ คิดไม่ถึงว่าคุณร่ำรวยล้นฟ้าขนาดนั้น!” จ่านป๋ายยิ้ม “งานประมูลหยกใต้ดิน เทียบกับงานประมูลที่ทางรัฐจัดไม่ได้เลย เพราะมักจะมีสินค้าดีๆ จนกระทั่งเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ…คุณกระเป๋าหนักจริงๆ ครับ!”
“หินหยกดิบทั้งสองก้อน สุดท้ายฉันก็เป็นคนปฏิเสธราคาเอง” หูชีเยี่ยนยิ้มขมขื่น “ความตั้งใจเดิมของฉันก็คือปฏิเสธราคา จากนั้นให้เม่ยอิงแอบไปบอกพวกนายให้จินเหลียนมาหาฉัน สุดท้ายค่อยทะเลาะกันอีกครั้ง ให้เธอโกรธเกลียดฉัน…ผลสุดท้ายสมองฉันราวกับบวมน้ำไป เห็นเธอเสียใจเลยเปลี่ยนแผนส่งหินหยกพวกนั้นไปให้เธอแทน และยังจะหน้าไม่อายตามมาถึงเซี่ยงไฮ้อีก”
“คุณรักลูกสาวมากยังไงล่ะครับ” จ่านป๋ายได้ยินแล้ว อดไม่ได้จะหัวเราะออกมา เขาคิดไม่ถึงว่าหูชีเยี่ยนจะมาไม้นี้ เดิมทีคิดว่าที่เขาปฏิเสธราคาน่าจะแค่อยากจะทำเซอร์ไพรส์แก่ซีเหมินจินเหลียนเท่านั้น
“ถ้าให้เธอเกลียดฉัน ในอนาคตหากฉันตายไป เธอคงไม่มีทางเสียใจเหมือนกับหูหวัง!” หูชีเยี่ยนคว้าบุหรี่หนึ่งมวนพ่นควันออกมา มองควันบุหรี่ในห้องที่ลอยตลบ ห้องใต้ดินข้างในเต็มไปด้วยหยกคุณภาพดีหลากหลายสี เมื่อมองผ่านหมอกควันก็ยิ่งขมุกขมัวและลึกลับกว่าเดิม
จ่านป๋ายมองหูชีเยี่ยนผ่านหมอกควันนั้น เอกสารข้อมูลที่ให้ซีเหมินจินเหลียนดู เขาแอบปิดบังอยู่บ้าง เดิมทีคิดว่าเขาเข้าใจคนคนนี้แล้ว แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาไม่รู้อะไรเลยทั้งนั้น
“คุณตามหาหินปิดฟ้าเจอแล้วใช่ไหมครับ” จ่านป๋ายถามหยั่งเชิง
หูชีเยี่ยนพ่นควันออกมาและส่ายหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดจาอยู่นาน “ช่วยฉันดูแลจินเหลียนให้ดีด้วย เรื่องอื่นนายไม่ต้องทุกข์ใจหรอก”
จ่านป๋ายพยักหน้า เขาอยากจะทุกข์ใจแต่ก็ทำไม่ได้!
“นี่ก็ดึกมากแล้ว นายก็ไปนอนเถอะ ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว” หูชีเยี่ยนถอนหายใจพูด
“โอเคครับ” จ่านป๋ายตอบตกลง ลุกขึ้นยืนเดินออกจากประตูห้องใต้ดินไป เมื่อหันหน้ากลับมามองหูชีเยี่ยนที่นิ่งเหมือนก้อนหิน กำลังนั่งเงียบๆ อยู่บนเก้าอี้ เงาด้านข้างสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ…
…
ซีเหมินจินเหลียนรู้ตัวว่าช่วงนี้ตัวเองเหมือนนกฮูกเข้าทุกวัน เมื่อวานนอนดึก วันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาเธอยังตื่นสาย ล้างหน้าหวีผมเดินลงมาข้างล่างก็ปาไปสิบโมงครึ่ง ใกล้จะสิบเอ็ดโมงแล้ว แทบไม่ต้องกินมื้อเช้าแถมยังประหยัดไปได้อีกมื้อ เมื่อก่อนชาวชนบทเลี้ยงหมูก็ให้กินแค่วันละสองมื้อ ตอนนี้เธอแทบไม่ต่างอะไรไปจากหมูเลยสักนิด
ไม่ต้องทำอะไร และมีคนคอยตามใจดูแล ลูกที่มีพ่อแม่ช่างมีความสุขเสียจริง!
“จินเหลียน กินข้าวเช้าครับ! เดี๋ยวผมช่วยอุ่นน้ำเต้าหู้ให้แป๊บเดียว!” จ่านป๋ายเห็นซีเหมินจินเหลียนลงมาจากข้างล่างรีบกล่าวทักทาย
“ไม่กินแล้ว เดี๋ยวฉันรอกินข้าวเที่ยงทีเดียวเลยละกัน” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “กี่โมงแล้วยังมากินข้าวเช้าอีก?”
“ข้าวเที่ยง?” จ่านป๋ายยิ้มฝืดเฝื่อน “ข้าวเที่ยงของพวกเรายังไม่มีวี่แววเลย คุณหูออกไปตั้งแต่เช้า บอกว่าจะกลับมาก่อนเก้าโมง แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นกลับมาเลยครับ…”
ซีเหมินจินเหลียนงุนงง หูชีเยี่ยนออกไปแล้ว? ยังไม่กลับมาเหรอ ทันใดนั้นก็เริ่มกังวลขึ้นมา เขาไปไหนกันแน่ ยิ่งไม่คุ้นเคยกับที่นี่อีก ขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรเลยนะ
จ่านป๋ายเองก็เป็นห่วงเขาไม่ต่างกัน ขมวดคิ้วพูด “เมื่อเช้าผมถามเขา เขาบอกว่าไปจัดการธุระส่วนตัวบางอย่าง จะกลับมาก่อนเก้าโมง เรื่องอื่นก็ไม่ได้พูดถึงเลย จริงสิ ยังขับรถคุณไปด้วย”
“ขับรถออกไปงั้นเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนอยากจะคลุ้มคลั่ง หูชีเยี่ยนเป็นคนบอกเธอเองนี่ว่าเขาขับรถไม่เป็น?
“เป็นอะไรไปครับ?” จ่านป๋ายถาม
“เขา…เขาขับรถไม่เป็น!” ซีเหมินจินเหลียนย่ำเท้าด้วยความร้อนใจแล้วพูดขึ้น “คุณไม่น่าให้เขาออกไปคนเดียวเลย”
“จริงสิ เบอร์โทรเขาเบอร์อะไร เดี๋ยวผมโทรไปถามเอง” จ่านป๋ายถาม ตอนที่หูชีเยี่ยนอยู่พม่าไม่ต้องใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะแม้จะมีแต่ยังไงลูกน้องเขาก็โอนสายไปหาเขาอีกที แต่เขาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้น่าจะมีเบอร์ของตัวเอง ไม่อย่างนั้นทางพม่าไม่มีทางติดต่อกับเขาได้ เพียงแต่จ่านป๋ายไม่รู้ช่องทางการติดต่อของเขาแค่นั้นเอง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!” ซีเหมินจินเหลียนปัดมืออย่างจนตรอก
จ่านป๋ายส่ายหน้าต่อเนื่อง ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ตรงที่ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ถาม แต่หูชีเยี่ยนไม่คิดอยากจะให้พวกเขารู้อยู่แล้ว เลยไม่ได้บอกไว้…อายุก็ปูนนี้แล้วยังจะทำตัวลึกลับอีกเหรอ?
ซีเหมินจินเหลียนเหมือนมดบนกระทะร้อน เดินเวียนไปมาอยู่ในห้อง
“เสี่ยวป๋าย หรือว่าพวกเราจะไปแจ้งความดี!” ซีเหมินจินเหลียนหน้าตาน่าสงสารมองไปทางจ่านป๋าย
“ยังผ่านไปไม่นาน ทางตำรวจยังไม่รับแจ้งความหรอกครับ” จ่านป๋ายส่ายศีรษะพูด “คุณหูน่าจะมีเรื่องที่อาจจะจัดการล่าช้า ไม่มีอะไรหรอก” แม้ปากเขาจะพูดไปแบบนั้น แต่ในใจก็กังวลมาก แต่เขาเป็นห่วงคนอื่นมากกว่า หูชีเยี่ยนคงจะไม่ไปหาเรื่องข้างนอกหรอกนะ?
สิบเอ็ดโมงตรง เสียงโทรศัพท์ในห้องรับแขกก็ดังขึ้น ซีเหมินจินเหลียนรีบถลาตัวไปรับ แต่จ่านป๋ายแย่งชิงรับโทรศัพท์ไปก่อนหนึ่งก้าว
“จินเหลียน ผมจ่านมู่ฮวา!” สายโทรศัพท์มาจากจ่านมู่ฮวา เขาพูดน้ำเสียงไม่สู้ดีสักเท่าไหร่
“ฉันเอง!” จ่านป๋ายพูด
“มู่หรง ให้จินเหลียนมารับโทรศัพท์ เร็วๆ ฉันมีเวลาไม่มาก” จ่านมู่ฮวาน้ำเสียงกระวนกระวาย
“ทำไมฉันต้องฟังนายด้วย?” จ่านป๋ายแสยะยิ้มเย็น
“เกี่ยวกับเรื่องของหูชีเยี่ยน เร็ว…ให้จินเหลียนมารับสาย!” จ่านมู่ฮวาร้อนรน
“ได้!” จ่านป๋ายสับสนแต่ก็รีบยื่นโทรศัพท์ส่งไปให้เธอ “สายจากจ่านมู่ฮวา บอกว่ามีข่าวคราวของหูชีเยี่ยน”
ซีเหมินจินเหลียนรอจนแทบจะคลุ้มคลั่ง รีบรับสายและพูดร้อนรน “เกิดอะไรขึ้น?”
“จินเหลียน คืออย่างนี้นะ…ผมไม่รู้ว่าคุณหูมีเรื่องอะไรถึงอยากหาพ่อผม แต่อย่างไรตอนนี้ทั้งคู่ก็ทะเลาะกันจนเกิดเรื่อง คุณก็น่าจะรู้นิสัยของคุณหูดี…ผมอยู่ที่คลับหยก…” จ่านมู่ฮวาพูดร้อนรน
ซีเหมินจินเหลียนกำลังจะถามต่อแต่จ่านมู่ฮวาก็ตัดสายไปแล้ว
“ไป ไปที่คลับหยกกัน!” ซีเหมินจินเหลียนรีบพูด
“เกิดเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอครับ?” จ่านป๋ายถาม
“ค่อยพูดกันตอนขับรถ ฉันก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเหมือนกัน!” ซีเหมินจินเหลียนร้อนใจ จ่านมู่ฮวาไม่ได้พูดอะไรให้ชัดเจนก็รีบด่วนวางสายไปก่อน มันไม่เหมือนนิสัยของเขาสักนิด?
เมื่อซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายมาถึงคลับหยก พนักงานบริกรก็รีบบอกพวกเขาทั้งคู่ว่าวันนี้คลับหยกปิดกิจการทั้งหมด
จ่านป๋ายกลัดกลุ้มจนตบไปที่หน้าพนักงานบริกรหนึ่งฉาด และจูงมือซีเหมินจินเหลียนเข้าไปอย่างรวดเร็ว…แม้คลับหยกจะเป็นชื่อของจ่านมู่ฮวา แต่เขาต่างหากที่เป็นทายาทของตระกูล แต่ไม่มีสิทธิครอบครองมรดกและยังไม่สามารถเข้าไปข้างในได้? ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงไม่โกรธที่ตัวเองไร้ชื่อเสียงหรอก แต่ตอนนี้หูชีเยี่ยนอยู่ที่คลับหยก และยังมาหาเรื่องจ่านอิ๋น เขาจึงเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ…