บทที่ 618 : หินมังกรเขียว!
ทั้งสี่คนเดินเข้าประตูหออวี้ติงเซียนไปอย่างคุ้นเคย พนักงานต่างก็พากันเอ่ยทักทายทั้งสามคนอย่างรู้จักกันดี.. เว้นเพียงหลิงหยุนเท่านั้น
“ประธานมู่หลง.. ประธานซ่ง.. วันนี้ถ้าอาวุโสทั้งสองท่านไม่มา ดูท่าเถ้าแก่ฮั่นคงต้องส่งรถลีมูซีนไปรับพวกท่านถึงที่ร้านแน่ เชิญครับ.. เชิญที่ลานหลังร้านเลย!”
ซ่งเจิ้งหยางได้ยินจึงยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า “ได้ยินมาว่าวันนี้มีหินประหลาดมาใหม่มากมาย ดูท่างานนี้เซียนหยกกับเถ้าแก่ฮั่นคงจะมาคอยอยู่แล้วสิ!”
เซียนหยกที่ซ่งเจิ้งหยางพูดถึงเมื่อครู่นั้น ที่แท้ก็คือเจ้าของหออวี้ติงเซวียนแห่งนี้ เขาเป็นผู้ที่ชื่นชอบ และหลงใหลหยกล้ำค่าเป็นชีวิตจิตใจ รวมถึงวัตถุโบราณต่างๆด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับฉายาว่า ‘เซียนหยก’ นั่นเอง
ส่วนเถ้าแก่ฮั่นซึ่งเป็นผู้ครอบครองหินประหลาดมากมายนั้น ก็ไม่ได้ต่างจากเซียนหยกมากนัก เพียงแต่เขาชื่นชอบการเก็บสะสมมรกต และบางครั้งก็นำมาผ่าวางขายที่หออวี้ติงเซวียนของเซียนหยก
ในตลาดค้าของเก่าแห่งนี้ สถานะของคนทั้งคู่ก็ใกล้เคียงกับซ่งเจิ้งหยางและมู่หลงเวิ่นฉี
ด้วยความคุ้นเคยกับสถานที่ ซ่งเจิ้งหยางจึงไม่จำเป็นต้องรอให้พนักงานเดินนำเข้าไป เขาก้าวเดินตรงดิ่งไปที่ลานหลังบ้านด้วยตัวเองทันที และที่ข้อมือซ้ายของซ่งเจิ้งหยางก็สวมกำไลลูกประคำอยู่
และทันทีที่ทั้งสี่คนเดินเข้าไปถึงที่ลานด้านหลัง หลิงหยุนก็พบว่ามันแตกต่างกับหน้าร้านอย่างมาก เพราะด้านหลังเป็นพื้นที่กว้างใหญ่หลายพันตารางเมตร ยาวหนึ่งร้อยเมตรและกว้างหกถึงเจ็ดสิบเมตร ภายในนั้นดูคล้ายกับตลาดสดขนาดใหญ่ เพียงแต่แทนที่จะมีผักและอาหารสดวางขาย ก็เป็นกองหินจำนวนมากมายแทน
ที่ลานด้านหลังขนาดใหญ่เป็นพิเศษนี้ไม่ได้มีเพียงหยก แต่ยังมีหินรูปร่างแปลกประหลาดวางเรียงรายอยู่ด้วยเช่นกัน บ้างก็มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ บ้างก็เป็นเหมือนสิ่งของ บ้างก็ดูคล้ายต้นไม้ และอีกมากมายรอคอยให้ผู้ที่รักและนักสะสมได้มาชื่นชม อีกทั้งยังมีหินมรกตด้วย
“นี่มันอะไรกัน?!”
หลิงหยุนหันมองไปรอบๆลานกว้างซึ่งมีกองภูเขาหินอยู่เต็มไปหมดจนดูคล้ายกับทะเลหินก็ไม่ปาน บางกองก็สูงมากจนบดบังวิสัยทัศน์ทำให้ต้องเดินวนไปเพื่อให้เห็นอีกฝั่งของกองหิน
สถานที่แห่งนี้นับว่ากว้างใหญ่มาก จนแม้แต่จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนยังครอบคลุมได้เพียงแค่หนึ่งในสิบของพื้นที่ด้านหลังทั้งหมด และยากที่จะมองเห็นพื้นที่ด้านในทั้งหมดได้
และดูเหมือนซ่งเจิ้งหยางเองก็ตั้งใจที่จะทำให้หลิงหยุนต้องตกตะลึง เขาจึงไม่ได้เกริ่นเรื่องสถานที่ให้หลิงหยุนได้รู้ล่วงหน้าก่อน และปล่อยให้หลิงหยุนได้มาพบเห็นด้วยตาของตัวเอง
ซ่งเจิ้งหยางเดินนำไปตามถนนที่อยู่ตรงกลางซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยกองหินมากมาย และด้านหน้าก็คือสถานที่จัดการพนันหิน..
หลิงหยุนเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และได้แต่คิดในใจว่า ‘พลังชีวิตที่ถูกหลุมพลังภายในบ้านดูดเข้าไปกักเก็บไว้นั้น ดูเหมือนว่าเจ็ดสิบส่วนจะมาจากหออวี้ติงเซวียนแห่งนี้!’
ด้านหน้าของทั้งสี่คนมีผู้คนอยู่มากมาย และเสียงก็ดังเซ็งแซ่ไปหมด ซ่งเจิ้งหยางค่อยๆเดินช้าลง หลิงหยุนจึงใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูอีกครั้ง และได้แต่คิดในใจว่า
‘ที่นี่คือสถานที่จัดพนันหินเองหรือนี่?!’
บริเวณที่จัดไว้สำหรับการพนันหินนั้นไม่ใช่พื้นที่เล็กๆ แต่เป็นพื้นที่เปิดโล่ง และใหญ่โตราวห้าหรือหกร้อยตารางเมตรเลยทีเดียว อีกทั้งผู้คนที่พากันมามากมายนั้น แน่นอนว่าต้องมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือมาเพื่อการพนันหิน
แต่เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง พลังชีวิตที่ถูกปลดปล่อยออกมาจึงกระจายไปตามอากาศได้ง่าย แต่เพราะกองหินมีจำนวนมากจึงทำให้พลังชีวิตภายในบริเวณนี้นับว่ายังเข้มข้นอยู่ หลิงหยุนจึงรีบเปิดรูขุมขนดูดซับเข้าไปอย่างมีความสุข
“มีรถบรรทุกหินมากมายเช่นนี้เชียวรึ..?!”
ภายในลานด้านหลังนี้ มีประตูอยู่สองประตูที่กว้างราวสิบเมตรได้ ใช้สำหรับให้รถบรรทุกวิ่งเข้าออก และรถบรรทุกแต่ละคันก็ล้วนบรรจุหินมาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน มีแม้กระทั่งเครนขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับยกหินอยู่อีกสองตัว
“ว่ายังไงคุณมู่หลง.. คุณซ่ง.. นึกว่าพวกคุณจะไม่มาซะแล้ว!”
ระหว่างที่ทั้งสี่คนปรากฏตัว ชายสองคนก็ร้องทักทายขึ้น – คนหนึ่งผิวขาวอ้วนท้วนสมบูรณ์ ส่วนอีกคนผอมคล้ำแห้งเหี่ยว ดูแล้วช่างแตกต่างกันอย่างน่าตลก..
“หลิงหยุน.. ฉันขอแนะนำให้เธอรู้จัก..”
ซ่งเจิ้งหยางพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปทางชายขาวร่างอ้วน “นี่คือเถ้าแก่หออวี้ติงเซวียน ชื่อว่า.. อวี้เฉิงจิน มีฉายาว่าเซียนหยก”
“ส่วนท่านนี้คือผู้ที่ครอบครองหินประหลาดมากมายชื่อว่าฮั่นจิงตง และเป็นคนจัดการเรื่องหินทั้งหมดในวันนี้ พวกเรามักจะเรียกเขาว่าเถ้าแก่ฮั่น”
เซียนหยกและเถ้าแก่ฮั่นดูเหมือนจะคุ้นเคยสนิทสนมกับซ่งเจิ้งหยาง และมักจะหยอกเย้ากันด้วยท่าทางและคำพูดประหลาดๆ แต่ทั้งคู่กลับทักทายหลิงหยุนอย่างสุภาพ จากนั้นก็ไม่พูดคุยอะไรมาก รีบเดินนำทุกคนเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
ซ่งเจิ้งหยางถามขึ้นระหว่างที่เดินตามเข้าไป “หยกใหม่ๆอยู่ทางใหน?”
เถ้าแก่ฮั่นยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ “อยู่ทางโน้น มีของดีเยอะแยะไปหมด เฒ่าซ่ง.. คุณไม่เลือกดูไปสักสองสามชิ้นล่ะ?”
ซ่งเจิ้งหยางมองตามมือของเถ้าแก่ฮั่นไป หลังจากเพ่งพินิจอยู่ครู่หนึ่งจึงร้องอุทานออกมาว่า
“อืมม.. ครั้งนี้มีของดีมากมายจริงๆด้วย..”
หลิงหยุนไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อหยก แต่เขามาเพื่อหาหินพลังชีวิต เขาจึงไม่ต้องการไปดูทางนั้น แต่กลับใช้จิตหยั่งรู้ของตนเองสำรวจไปรอบๆบริเวณเพื่อหาจุดที่มีพลังชีวิตเข้มข้นที่สุด แต่จู่ๆสายตาของเขาก็จะไปกระทบเข้ากับวัตถุอะไรบางอย่าง..
และแล้วสายตาของหลิงหยุนก็ไปสะดุดอยู่ที่หินสีเขียวก้อนมหึมาก้อนหนึ่ง..
หินสีเขียวขนาดมหึมาก้อนนั้นตั้งอยู่ตรงกลางของลานกว้าง และตำแหน่งที่ตั้งของมันนั้นก็นับว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ดีมาก หินก้อนนี้มีความสูงถึงแปดเมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางราวสามเมตร เป็นรูปทรงกระบอกที่ไม่สม่ำเสมอ โค้งงอ และมีบางส่วนงอกออกมาคล้ายเท้าอยู่เก้าจุด ส่วนบนสุดนั้นมีรูปลักษณ์คล้ายกับหัวมังกรซึ่งดูราวกับมีชีวิต อีกทั้งยังเป็นจุดที่สะดุดตาอย่างมาก หากผู้ใดได้เห็นก็คงจากที่จะลืมเลือน..
“นั่นเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งของหออวี้ติงเซวียน หินนี้มีชื่อว่า ‘หินมังกรเขียว’ เซียนหยกซื้อมาด้วยเงินถึงสองร้อยล้านหยวนทีเดียว!”
ผู้คนที่เข้ามาร่วมพนันหินอยู่ในบริเวณลานด้านหลังหออวี้ติงเซวียนนี้ ไม่มีใครสนใจหินมังกรเขียวก้อนนี้เลยแม้แต่น้อย เมื่อมู่หลงเฟยจื่อเห็นหลิงหยุนยืนมองอย่างสนอกสนใจ เธอจึงได้แต่อธิบายให้กับเขาฟัง
“เซียนหยกต้องจ่ายเงินไปมากขนาดนั้นเชียวรึ..?” หลิงหยุนพึมพำพร้อมกับจ้องมองหินมังกรเขียวก้อนมหึมานี้ด้วยความสนอกสนใจเป็นอย่างมาก
ความจริงแล้ว.. หินมังกรเขียวก้อนนี้ไม่ได้มีพลังชีวิตกระจายออกมาเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้หลิงหยุนจะลองใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดู หรือแม้แต่ใช้เนตรหยิง-หยางเจาะลึกเข้าไปด้านใน เขาก็สัมผัสไม่ได้ถึงพลังชีวิตเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เหตุใดเขาจึงรู้สึกราวกับถูกหินก้อนนี้ดึงดูดเป็นพิเศษ?!
“หลิงหยุน.. ดูท่าคุณคงจะพนันหินไม่เป็นสินะ! คุณอย่าไปสนใจหินก้อนนั้นเลย หลายคนเคยสำรวจหินมหึมาก้อนนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักพนันหินชั้นนำ หรือแม้แต่การพิสูจน์ด้วยวิธีต่างๆมากมาย ทุกคนก็ได้ข้อสรุปเหมือนกันว่า.. หินก้อนนี้เป็นเพียงแค่ก้อนหินธรรมดาๆเท่านั้น แต่เพียงแค่มีรูปร่างงดงาม และภายในก็ไม่มีมรกตซ่อนอยู่อย่างแน่นอน..”
มู่หลงเฟยจื่อดูเหมือนจะคุ้นเคยกับหออวี้ติงเซวียนเป็นอย่างมาก และตอนนี้เธอเองก็อยากจะพูดคุยกับหลิงหยุนให้มากขึ้น จึงเสนอตัวอธิบายเพิ่มเติมให้เขาฟัง
“พี่เฟยจื่อ.. พอจะรู้บ้างไหมว่าหินก้อนนี้ได้มาจากที่ใหน?”
ด้านในหิรจะเป็นมรกตหรือไม่นั้นหลิงหยุนไม่ได้สนใจ หรือนึกชื่นชมอะไร เพราะสำหรับเขาแล้ว.. สมบัติล้ำค่าที่แท้จริงจะต้องเป็นสิ่งที่เงินหาซื้อไม่ได้เท่านั้น!
“รู้สิ.. หินมังกรเขียวรูปร่างคล้ายมังกรน้ำนี้ ถูกค้นพบที่เกาะเผิงไล๋ในแถบทะเลจีนตะวันออก ต้องใช้เงินจำนวนมากในการเคลื่อนย้ายจากเกาะเพื่อมาประมูล หลังจากเปลี่ยนมาหลายมือราคาก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็มาตกอยู่ในมือเซียนหยก เขาจึงนำมาตั้งไว้ที่หออวี้ติงเซวียนแห่งนี้เพื่อให้ผู้คนได้ชื่นชม แม้แต่ตัวเขาเองก็ชอบมายืนมองหินก้อนนี้ เพราะรู้สึกว่ามังกรเขียวตัวนี้จะนำโชคดีมาให้กับเขา”
เกาะเผิงไล๋ในทะเลจีนตะวันออกงั้นรึ? หลิงหยุนได้ฟังถึงกับใจสั่น เพราะเกาะแห่งนี้เขาเคยทำเครื่องหมายไว้ในแผนที่บนหนังสือภูมิศาสตร์ของตัวเอง
ตำนานเกี่ยวกับเซียนมากมายล้วนมีต้นกำเนิดมาจากเกาะเผิงไล๋ในทะเลจีนตะวันออกแห่งนี้ และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่หลิงหยุนให้ความสำคัญและสนใจอย่างมาก
“พี่หยุน.. พี่มัวทำอะไรอยู่? พนันหินกำลังจะเริ่มแล้วนะ.. สองคนนั่นก็มาถึงแล้วด้วย!”
ถังเมิ่งมาคอยที่หออวี้ติงเซวียนอยู่นานแล้ว เขาเห็นหลิงหยุนและมู่หลงเฟยจื่อมัวแต่พูดคุยกัน จึงเข้ามาเร่งเพราะเกรงว่าหลิงหยุนจะพลาดการพนันหิน
และสองคนที่ถังเมิ่งพูดถึงเมื่อครู่ก็คือจูหย่งหวังและโหวเย่าจงนั่นเอง หลังจากที่ทั้งคู่ถูกหลิงหยุนหักหน้าอยู่ที่ศาลาเทียนสี่ ก็อารมณ์เสียอย่างมาก จึงได้ออกมาเดินเล่นที่หออวี้ติ้งเซวียนเพื่อพนันหิน
หลิงหยุนพยักเพยิดไปทางหินก้อนมหึมาพร้อมกับกระซิบเบาๆ “ดูหินก้อนนั้นสิ! มันคือหินมังกรเขียว..”
ยิ่งหลิงหยุนจ้องมองมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกประทับใจมากขึ้นเท่านั้น หินก้อนนั้นดูคล้ายกับมังกรกำลังขดตัวเป็นวงกลม และเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันบางอย่าง..
“พวกคุณสองคนไปกันก่อน ผมจะไปดูหินนั่นก่อน!”
พูดจบ.. หลิงหยุนก็ทิ้งถังเมิ่งกับมู่หลงเฟยจื่อไว้ และเดินตรงไปที่หินก้อนมหหึมานั้นทันที
เมื่อมู่หลงเฟยจื่อเห็นหลิงหยุนทิ้งเธอไว้และเดินไปดูก้อนหินอย่างไม่ใยดี ก็ได้ทำสีหน้าไม่พอใจและคำรามอยู่ในใจ
ถังเมิ่งได้แต่แอบคิดว่า ‘คงต้องค่อยๆปรับตัวไปล่ะ.. นี่พี่สาวยังไม่รู้สินะว่ารอบตัวพี่หยุนมีสาวงามอยู่มากมายแค่ใหน?!’
“หรือว่าจะเป็นภาพลวงตา..”
หากหินก้อนนี้เป็นของดีจริง หลิงหยุนจะไม่ลังเลแม้แต่น้อย และยินดีทำทุกทางเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง
หลิงหยุนเดินมาหยุดอยู่ข้างหินก้อนมหึมานั้น เขาสำรวจดูอย่างพินิจพิจารณา และพบว่าศรีษะมังกรนั้นดูราวกับมีชีวิตจริงๆ
“น่าแปลก.. เหตใดข้าจึงสัมผัสอะไรไม่ได้เลย? หรือมันคือภาพลวงตาจริงๆ?”
หลิงหยุนถอนหายใจพร้อมกับยกมือขึ้นสัมผัสหินก้อนนั้น..
เนื้อของหินมังกรเขียวนั้นลื่นมาก ดูเหมือนว่าผู้คนที่มายังหออวี้ติงเซวียนต่างก็พากันลูบไล้หินก้อนนี้จนลื่นเงางามได้ถึงเพียงนี้!
แต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ..
‘ข้าไม่เชื่อว่ามันจะเป็นเพียงแค่หินธรรมดา!’
หลิงหยุนได้แต่คิดอยู่ในใจเงียบๆ จากนั้นจึงแอบเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมา เขาหยดน้ำลายมังกรลงในฝ่ามือสองหยด แล้วจึงเดินเข้าไปใกล้หินมังกรเขียว
และสิ่งทีน่าอัศจรรย์ใจก็บังเกิดขึ้น!