ตอนที่ 464 : ล้างเผ่าพันธุ์
“ท่านไม่รู้จักข้ารึ?” ฝางมู่คิ้วขมวดเล็กน้อย และแสดงสายตาสงสัยออกมา “ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่รึ?”
จากท่าทีของอ้าวอู่เหยียนแล้ว ฝางมู่รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับการที่อ้าวอู่เหยียนเรียกชื่อของเป้ยหลงโดยตรง ซึ่งทำให้ฝางมู่สับสน
อ้าวอู่เหยียนยักคิ้ว “เจ้าก็ไม่ใช่คนเลวนิ ทำไมข้าควรจะรู้จักเจ้า?”
ฝางมู่คิ้วขมวด “พ่อกับน้าท่านไม่เคยพูดถึงข้ามาก่อนรึ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นอ้าวอู่เหยียนก็หัวเราะออกมา “ช่างเถอะผู้เฒ่า อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่ง พ่อกับน้าข้าจะพูดถึงคนอื่นได้ยังไง? พวกเขาจะรู้จักคนแบบเจ้าได้ยังไง?”
ต้องรู้ก่อนว่าอ้าวคุนและอ้าวเยว่ต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด ซึ่งเป็นตัวตนที่สูงส่งที่สุดของเผ่ามังกร ฝางมู่เป็นแค่ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลาง และถ้าหากไม่มีทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้ ฝางมู่คงไม่ใช่แม้กระทั่งยอดฝีมือระดับสูงสุด
จากท่าทีของอ้าวอู่เหยียน ฝางมู่ก็คิ้วขมวดหนักขึ้นไปอีก
เขาพบว่าอ้าวอู่เหยียนไม่ได้รู้จักเขาเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้มุมมองที่อ้าวอู่เหยียนมีต่อเป้ยหลง ก็อยู่ในระดับที่คนทั่วไปมองเป้ยหลง เรื่องอื่นนั้นอ้าวอู่เหยียนเหมือนจะไม่เข้าใจ
“ท่านใช่องค์รัชทายาทของเผ่ามังกรจริงๆรึ?” ฝางมู่สงสัยขึ้นมา
หากอ้าวอู่เหยียนเป็นองค์รัชทายาทของเผ่ามังกรจริงๆ งั้นก็ต้องเป็นลูกของอ้าวคุนและน่าก็จะรู้จักเขา
สีหน้าของอ้าวอู่เหยียนหม่นลง “ตาเฒ่า เจ้าหมายความว่ายังไง!”
สายตาเขาแสดงความไม่พอใจออกมา และบอกกับโอวเสินเฟิง “อาจารย์โอว ข้าฆ่าคนได้หรือไม่?”
โอวเสินเฟิงสะดุ้งเล็กน้อย และรีบกล่อมอีกฝ่าย “อาจารย์อ้าวอู่เหยียน อย่าหุนหันไป บางทีอาจจะมีเรื่องผิดปกติกับเรื่องนี้ ผู้อาวุโสฝางมู่ไม่น่าจะหมายถึงเช่นนั้น”
ตอนที่พูดนั้น โอวเสินเฟิงก็ส่งข้อความไปหาฝางมู่ “ผู้อาวุโสฝางมู่ ท่านต้องขอโทษอาจารย์อ้าวอู่เหยียน”
อย่าว่าแต่อ้าวอู่เหยียนเลย แม้แต่โอวเสินเฟิงที่เป็นคนนอก เมื่อได้ยินคำพูดนี้เขาก็ยังต้องชะงัก
ลั่วซู่หยางและชุยเจี่ยนรีบกล่อมทันที “อาจารย์โอวพูดถูก อาจารย์อ้าวอู่เหยียนอย่าเพิ่งหุนหันไป!”
ฝางมู่เงียบไปก่อนจะถอนหายใจออกมา “ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”
“ครั้งนี้ข้าจะไว้หน้าอาจารย์โอวและไว้ชีวิตเจ้า หากมีครั้งหน้าอีก ข้าจะไม่ไว้หน้าเจ้าเด็ดขาด!” อ้าวอู่เหยียนมองไปที่ฝางมู่ด้วยสายตาเย็นชา “อย่าคิดว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลางจะยิ่งใหญ่นัก”
ฝางมู่ยิ้มแห้งๆออกมา หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ
แต่มันมีคำถามมากมายในหัวของเขา เกิดอะไรขึ้นกับเผ่ามังกร ทำไมอ้าวอู่เหยียนถึงจำเขาไม่ได้ อ้าวเยว่ไปทำอะไรที่ป่าหวงหยวน ?
“กลับไปที่สำนักกันก่อนแล้วค่อยคุยกัน” โอวเสินเฟิงเห็นว่าคนอื่นๆเงียบจึงเปิดปากพูดขึ้น
ทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
ไม่นานทุกคนก็มุ่งหน้าขึ้นไปยังสำนัก ลั่วซู่หยางบินอยู่ข้างๆฝางมู่และส่งข้อความถาม “ผู้อาวุโสฝางมู่ ท่านรู้จักอ้าวเยว่ด้วยรึ?”
ต้องรู้ก่อนว่ายังไม่มีใครเผยฐานะของอ้าวเยว่ให้ฝางมู่รู้เลย แต่ดูเหมือนว่าฝางมู่จะรู้จักอ้าวเยว่มานานแล้ว
ฝางมู่ลังเลนิดๆและส่ายหน้าทันที “ข้าขอโทษด้วย ข้าไม่อาจจะเปิดเผยเรื่องนี้ได้ จนกว่าข้าจะรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง”
เมื่อเห็นว่าฝางมู่ไม่คิดจะตอบ แม้ว่าลั่วซู่หยางจะสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก
….
เขาซีซานคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยหลิงชี่ มันติดกับเขตเหนือทางตะวันออกและติดกับเขตใต้ทางทิศใต้ มีพื้นที่ 1 ใน 6 ของเขตกลาง มันคือที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร ที่นั่นมีสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนอยู่ไม่น้อย
หากเทียบกับเขตกลางแล้ว หลิงชี่ของที่นี่เบาบางกว่าและทรัพยากรก็น้อยกว่า แต่หากเทียบกับเขตเหนือแล้ว ที่นี่มีค่ามากกว่าหลายเท่า มันด้อยว่าเขตใต้เพียงเล็กน้อย
ตอนนั้นเองที่ด้านนอกเขาซีซาน ก็มีสตรีทรงเสน่ห์ผู้หนึ่งมองไปยังทิศทางภูเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ภูเขาจิ้งจอก ข้ากลับมาแล้ว!” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ด้านหลังนางมีชายแก่ 6 คนซึ่งแต่ละคนต่างก็แผ่ปราณสัตว์อสูรขอบเขตหลี่ซวนขั้นสูงออกมา แต่ละคนต่างก็มีสายเลือดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์
พลังแบบนี้แม้แต่ในเขาซีซานก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งไม่มีใครมองข้ามได้ ยกเว้นแค่สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนแล้วไม่มีใครกล้าหาเรื่องพวกนี้ แม้แต่สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวน หากประมาทก็อาจจะเป็นฝ่ายเจ็บตัวเสียเอง
ชายแก่ทั้ง 6 นี้เหมือนกับบริวาร พวกนั้นคอยคุ้มกันภัยให้กับหญิงสาวผู้นั้นเพื่อกันไม่ให้เกิดอันตรายใดๆขึ้นกับนาง
“ด้านหน้าคือเผ่าจิ้งจอก พวกท่านไม่ต้องระวังอะไรแล้ว” สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่ต้องกังวล ไม่มีอันตรายที่นี่”
ชายแก่ที่ชื่อหนิว ตอบกลับด้วยความเคารพ “นายหญิง ราชาสัตว์อสูรได้สั่งให้เรามาปกป้องท่าน ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหนเราก็ต้องทำตามหน้าที่ของเรา ไม่งั้นแล้วคงเป็นความผิดของเรา นายหญิงโปรดอย่าถือสาเราเลย”
“ข้าพูดไปไม่รู้กี่ครั้งว่าให้เรียกข้าว่าไป่หลิง พวกท่านไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่านายหญิงหรอก” นางพูดด้วยท่าทีสลดเล็กน้อย
จากป่าหวงหยวนมายังเขาซีซานนั้นเป็นระยะทางที่ยาวไกล ระหว่างทางพวกเขาได้พบเจอกับอันตรายมามากมาย หากไม่ใช่เพราะชายแก่ทั้งหกที่คอยปกป้องนาง บางทีนางอาจจะตายไปแล้ว ดังนั้นนางจึงเคารพทั้งหกคนอย่างมากและถือว่าพวกเขาเป็นผู้อาวุโส นางไม่ได้ถือตัวใดๆเลยแม้แต่น้อย
“นายหญิงก็คือนายหญิง เราไม่อาจจะมองข้ามเรื่องนี้ได้” ชายแก่ยังคงแสดงท่าทีเคารพไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสตรีนางนี้ก็คือคนที่กลับมาบ้านของนาง ไป่หลิง ชายแก่ทั้งหกคือผู้พิทักษ์ที่เฉินกู ส่งมาเพื่อพาไป่หลิงกลับบ้าน มันใช้เวลากว่าครึ่งเดือนในการเดินทางฝ่าอันตรายมายังที่นี่ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเขาซีซานอย่างปลอดภัยและมาถึงบ้านของไป่หลิง
เมื่อเห็นท่าทีดื้อด้านของทั้ง 6 คน ไป่หลิงก็หมดหนทาง
“ช่างเถอะ เราจะเดินหน้ากันต่อ” ไป่หลิงส่ายหน้า นางไม่คิดจะเถียงกับเหล่าชายแก่ต่อไป นางหันกลับและมุ่งหน้าเข้าไปยังเขาซีซานทันที
ชายแก่ทั้งหกก็ตามไปคุ้มกันนางดังเดิม พวกเขาตื่นตัวกันอยู่ตลอดเวลา
ห่างจากเขาซีซานแค่ 10 กม. ชายแก่ที่ชื่อผู้อาวุโสหนิวก็สีหน้าเปลี่ยนไปและพูดขึ้นมา “หยุดก่อน!”
ระหว่างนั้น ไป่หลิงและชายแก่อีก 5 คนต่างก็พากันหยุด ไป่หลิงมองไปยังผู้อาวุโสหนิว และถามขึ้นมา “มีอะไรรึ?”
“นายหญิง เขาซีซานดูผิดปกติ” ผู้อาวุโสหนิวพูดขึ้น “ท่านไม่ได้กลิ่นโลหิตรึ?”
เมื่อได้ยินที่ชายแก่บอกมา ไป่หลิงและอีก 5 คนก็ลองตรวจสอบดูดีๆ จากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
ถูกต้อง นี่มันคือกลิ่นโลหิต !
ในระยะ 10 กม.จากเขาซีซานจะได้กลิ่นโลหิตที่รุนแรง มันยากที่จะคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เขาซีซานแห่งนี้…
“ที่นี่ก็เงียบผิดปกติ! ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เรายังไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย!” ผู้อาวุโสหนิวแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา เขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติ แต่เขาไม่มั่นใจจนได้กลิ่นโลหิต เพราะกลิ่นโลหิตนี้เขาจึงมั่นใจว่าเขาซีซานเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ
ไป่หลิงสีหน้าเปลี่ยนไป ใบหน้าอันงดงามของนางเต็มไปด้วยความร้อนรน “ท่านพ่อ ท่านแม่ !”
ไป่หลิงระเบิดพลังออกมาและมุ่งหน้าไปยังเขาซีซานด้วยความเร็วอันคาดไม่ถึง
“นายหญิง!” ผู้อาวุโสหนิวร้องออกมาด้วยความแปลกใจ เขารีบตามไปเพื่อหยุดนาง แต่นางไม่หยุดเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าพวกเขาจะไปขวางหน้านางเอาไว้ แต่ไป่หลิงก็ไม่สน นางพุ่งเข้าชนพวกนั้นและผ่านไปทันที
สุดท้าย ผู้อาวุโสหนิวก็ต้องจับไหล่ของไป่หลิงเอาไว้ และบังคับให้นางหยุด
“นายหญิง สถานการณ์ในเขาซีซานยังไม่ชัดเจน ท่านไม่อาจจะเข้าไปได้” ผู้อาวุโสหนิวแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
ไป่หลิงกังวลอย่างมากจนร้องไห้ออกมา “ผู้อาวุโสหนิวปล่อยข้า ข้าอยากเข้าไปในเขาซีซาน ท่านพ่อกับท่านแม่ยังอยู่ในภูเขา!”
ฝ่ามือของผู้อาวุโสหนิวราวกับคีมเหล็ก ไม่ว่าไป่หลิงจะดิ้นรนยังไงก็ไม่มีทางที่จะหลุดได้
เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “นายหญิง ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่าน แต่หน้าที่ของเราคือปกป้องท่าน หากเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ราชาสัตว์อสูรไม่มีทางที่จะยกโทษให้เรา นายหญิงโปรดเข้าใจด้วย”
หลังจากนั้นเขาก็บอกกับชายแก่ที่อยู่ข้างๆ “เฒ่าหลาง เจ้าไปตรวจสอบเขาซีซานดู หากตัดสินว่าไม่มีอันตรายใดๆ เราจะพานายหญิงเข้าไปตาม…”
เฒ่าหลางพยักหน้าและพูดขึ้น “ได้!”
จากนั้นร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งตัดผ่านพวกเขาไป ในพริบตาเขาก็เดินทางได้หลายร้อยลี้
ไป่หลิงรออย่างกังวล ทุกวินาทีที่ยาวนานราวกับร้อยปี
30 นาทีต่อมา เฒ่าหลางก็กลับมา เขามาหยุดอยู่ข้างๆไป่หลิงและแสดงสีหน้าหนักใจออกมา ขณะมองไปยังไป่หลิงและคนอื่นๆ
เกิดปัญหาขึ้น!
มันเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ !
เมื่อเห็นสีหน้าของเฒ่าหลาง ไป่หลิงก็คร่ำครวญในใจ นางพูดออกมาพร้อมทั้งน้ำตา “ผู้เฒ่าหลาง เขาซีซาน ท่านพ่อกับท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นกัน?” นางทั้งกลัวและคาดหวัง
“ข้าไม่ได้เห็นราชาและราชินี แต่..” เฒ่าหลางดูหนักใจ “ศพของเหล่าจิ้งจอกเกลื่อนกลาดทั่วทุกที่ ไม่มีใครรอดเลย…ตึกและถ้ำนับไม่ถ้วนถูกทำลาย เผ่าจิ้งจอกโดนสังหารจนหมด” ทันทีที่เขานึกถึงภาพศพที่เกลื่อนกลาดที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ เฒ่าหลางก็ขนลุกขึ้นมา มันยากที่จะคิดได้ว่ามีจิ้งจอกกี่ตัวกันที่ตายไป
ผู้อาวุโสหนิวและคนอื่นๆมองหน้ากัน พร้อมกับบรรยากาศที่หนักอึ้งขึ้นมา
ไป่หยิงคือคนที่กดดันมากที่สุด “ไม่ !!!!!! ”
“นายหญิง ใจเย็นๆก่อน” ผู้อาวุโสหนิวปลอบใจ “เมื่อราชาและราชินีไม่อยู่ที่นั่น บางทีพวกเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่”
ผู้อาวุโสหนิวเงียบไปก่อนจะถามเฒ่าหลาง “เฒ่าหลาง มันมีอันตรายหรือไม่?”
เฒ่าหลางคิดและพูดขึ้นมา “ ตอนที่ข้าเข้าไป ข้าไม่ได้พบอันตรายใดๆ แต่สถานการณ์มันแปลกประหลาด ข้าไม่มั่นใจว่ามันอันตรายหรือไม่ ข้าว่าไม่ควรเข้าไปในภูเขาจะดีกว่า ”
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าไปในภูเขา หากดูจากสภาพของไป่หลิงในตอนนี้แล้ว หากบังคับให้นางหยุด มันก็ไม่มีใครบอกได้ว่าจิตใจของนางจะพังทลายไปด้วยหรือไม่
ผู้อาวุโสหนิวเงียบไปก่อนจะบอกกับไป่หลิง “นายหญิง ข้าตามไปปกป้องท่านในภูเขาได้ แต่ท่านต้องรับปากกับข้าก่อน หากท่านตกอยู่ในอันตราย อย่าหุนหันและรีบหนีไปทันที ข้าจะสู้เพื่อยื้อเวลาให้ท่านได้หนี…”
ความแข็งแกร่งของเผ่าจิ้งจอกนั้นสูง มันสูงเกินกว่าที่จะเอาผู้อาวุโสหนิวไปเทียบได้ แต่ตอนนี้เผ่าจิ้งจอกเกือบสูญพันธุ์ มันแสดงให้เห็นแล้วว่าศัตรูนั้นน่ากลัวแค่ไหน มันชัดแล้วว่าพวกเขาคงไม่อาจจะรับมือได้
“ได้” ไป่หลิงกัดปากและรับปากกับผู้อาวุโสหนิว