คู่ชะตาบันดาลรัก 122 ยืมคน

ตอนที่ 122 ยืมคน

คุกอันมืดมิดเปรียบเสมือนอีกโลกหนึ่ง

ฟางที่กระจายอยู่บนพื้นได้เน่าเสียไปนานแล้วมีหนูและแมลงสาบคลานไปมา อีกทั้งปัสสาวะที่อยู่ตรงมุมห้องยังส่งกลิ่นที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้อีกด้วย

“คุณชาย” อาสวนตอบ “ท่านออกไปรอด้านนอกดีหรือไม่ขอรับ ที่นี่ข้าน้อยจะจับตาดูให้เอง”

หยางชูส่ายหน้าเขาปอกเปลือกส้มแล้วโยนเข้าปากเพื่อให้ตัวเองสดชื่นขุนนางผู้ชันสูตรศพกำลังชันสูตรศพของท่านเจ้าเมืองอู๋

การตายของเขาไม่อนาถมากนัก แต่ก็ทำให้คนตกใจกลัวได้นิดหน่อย มันคือปิ่นหยกที่ใช้สำหรับมัดผม ตัวปิ่นมีลักษณะกลมไม่คมมากนัก แต่เขาใช้ปิ่นทิ่มเข้าไปในดวงตาเจาะสมองคิดแทงตนเองให้ตาย

หยางชูเลิกคิ้ว “ค้นตัวกันอย่างไร เหตุใดแม้แต่อาวุธมีคมอย่างปิ่นถึงไม่ถูกริบไปด้วย”

อาสวนตอบ “ตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เกรงว่าจำนวนคนไม่เพียงพอจึงไม่มีการหยุดส่งคนเข้ามาเลย เกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ขึ้นพวกเราคงจะต้องส่งคนมาด้วยตนเองในครั้งต่อไป”

หยางชูเหลือบมองเขา “ข้าหมายถึงพวกเจ้าต่างหาก! นักโทษคนสำคัญเช่นนี้ยังไม่สามารถรับมือได้ทันเวลาอีก”

อาสวนรีบก้มหน้ายอมรับความผิด “เป็นความผิดของข้าน้อยเองขอรับ ข้าน้อยจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกในครั้งหน้าขอรับ”

หยางชูถอนหายใจเขายื่นส้มที่เหลือให้อาสวนแล้วเดินเข้าไปในห้องขัง

ท่านเจ้าเมืองอู๋นั่งอยู่ตรงมุมห้อง ศีรษะของเขาตกลงมา ปิ่นหยกสอดลึกเข้าไปในดวงตา ใบหน้าของเขาดูบิดเบี้ยว

“ตายอย่างเด็ดเดี่ยว” หยางชูส่ายหัวแล้วไม่สนใจที่จะดูต่ออีก

แต่เขาไม่ได้ออกไปในทันที กลับเดินไปรอบๆ ห้องขังที่อยู่ใกล้เคียง สอบถามอย่างละเอียดว่าใครมีความเกี่ยวข้องบ้าง

หลังจากเดินตรวจเสร็จ เขาก็ออกจากห้องขังและยืนกินส้มอยู่ที่ประตู

แสงอาทิตย์ปลายฤดูใบไม้ผลิแผ่ความอบอุ่นบนร่างกายและปัดเป่าความหนาวเย็นในเรือนจำ อาสวนยืนอยู่ข้างกายเขาลอกเส้นใยส้มออกอย่างระมัดระวังแล้วส่งให้หยางชู

“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง” หยางชูพูด “ตรวจสอบทุกคนที่ติดต่อกับเขาตั้งแต่เขาเข้ามาที่นี่”

อาสวนเข้าใจในทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร “ท่านหมายถึงมีคนรายงานเขาหรือขอรับ”

หยางชูพยักหน้า “วิธีการตายเช่นนี้เด็ดขาดเกินไป เขาก่อกบฏครั้งใหญ่ การสมรู้ร่วมคิดทำให้เขาไม่สามารถรอดพ้นจากความตายได้ แต่ด้วยความเมตตาของฝ่าบาท พระองค์อาจจะไว้ชีวิตครอบครัวของเขา เหตุใดเขาจึงชิงฆ่าตัวตายในเวลานี้ โกรธเคืองฝ่าบาทที่นำหายนะมาสู่ครอบครัวของเขางั้นหรือ”

ในสมัยการกบฏของหลิ่วหยางจวิ้นอ๋อง นอกจากครอบครัวตัวการก่อกบฏที่ถูกดำเนินคดีแล้ว ผู้สมรู้ร่วมคิดล้วนต้องโทษสถานเบา ไม่เห็นมีความจำเป็นใดที่ท่านเจ้าเมืองอู๋ต้องฆ่าตัวตายเช่นนี้เลย นอกเสียจากว่าหากเขาไม่ฆ่าตัวตาย ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่านั้น

อาสวนพยักหน้า “ข้าน้อยจะสั่งให้พวกเขาทำการตรวจสอบขอรับ”

“อืม” เดิมทีเขาต้องการสอบสวนอู๋ควน แต่ในเมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้ หยางชูก็หมดความสนใจและเดินกลับศาลว่าการอย่างเกียจคร้าน

ข้าราชการที่ไม่อยู่ในสายตานายหนึ่งเดินเข้ามาหา “คุณชายขอรับ”

หยางชูจำได้ว่าเขาเป็นสายลับที่ถูกสั่งให้ไปเฝ้าจวนตระกูลหมิง คิ้วของเขาขมวดมุ่น “ทำไม เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”

สายลับตอบ “แม่นางหมิงต้องการพบท่านขอรับ”

“เข้าใจแล้ว” ทั้งสองเดินผ่านไปราวกับว่าพวกเขาไม่เคยพูดคุยกัน

หลังจากเข้าไปในศาลว่าการเขาก็ออกคำสั่งทันที “เตรียมรถ”

อาสวนถาม “ไปที่จุ้ยเซียนโหลวหรือขอรับ” ร้านแห่งนั้นเป็นฐานที่มั่นภายใต้ชื่อของหวงเฉิงซือ

หยางชูส่ายหน้า “เปล่า ไปจวนตระกูลหมิง”

“….” อาสวนตอบ “คุณชาย ท่านอย่าซี้ซั้วเข้าไปเลยขอรับ แม่นางหมิงเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน การไปพบเช่นนี้อาจทำให้เกิดปัญหาได้นะขอรับ”

หยางชูหัวเราะเยาะ “ปัญหางั้นหรือ ยังมีปัญหาอะไรหนักกว่าเมื่อวานอีกกัน แอบเข้าไปพบกันในวัดเป่าหลิงกลับถูกขังอยู่ในภูเขาที่เกิดเพลิงไหม้ สถานการณ์เช่นนี้ ปกติมักจะทำอย่างไรต่อกันเล่า”

“โธ่!” อาสวนเหลือบมองเขา “ปกติแล้วฝ่ายชายต้องรับผิดชอบ แน่นอนว่าคุณชายขึ้นชื่อเรื่องไม่รับผิดชอบ…”

“…” หยางชูกุมขมับ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วยังจะกลัวอะไรอีก”

ก็จริง…อาสวนจึงทิ้งความกังวลออกไปแล้วออกไปเตรียมรถ รถม้าวิ่งไปตลอดทางและหยุดที่หน้าจวนตระกูลหมิง

บรรยากาศจวนตระกูลหมิงในวันนี้ช่างอึมครึม อาสวนเคาะประตู ผ่านไปสักพักถึงมีคนออกมา เมื่อเขารายงานชื่อของเขาอีกฝ่ายตกใจจนลูกตาแทบหลุดออกจากเบ้าแล้วรีบกลับไปรายงานฮูหยินสอง

ฮูหยินสองที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนพอได้รับรายงานนางก็ตกใจ

“ฮูหยิน ทำอย่างไรดีเจ้าคะ” แม่นมหูเป็นกังวล “คุณชายหยางผู้นั้นก็จริงๆ เลย นัดออกไปพบก็ถือว่าช่างมันไป พวกเราทำได้แค่ปิดตาข้างหนึ่ง แต่คราวนี้มาถึงที่เลยแล้วจะให้พวกเราทำอย่างไรหรือต้องให้อนุญาตเขาเข้าไปพบคุณหนูเจ็ดกันเจ้าคะ”

ฮูหยินสองโบกมือพูดด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้ม “เขาอยากพบก็ให้เขาพบเถอะ ให้คนพาเขาไปที่สวนอวี๋ฟาง”

แม่นมหูตกใจ “ฮูหยินเจ้าคะ! ทำเช่นนี้ได้อย่างไร แม้เขาจะอยากพบ แต่ก็ไม่สามารถให้เข้าไปในเรือนได้…”

“ต้องเมื่อไรกันล่ะ คิดว่าเรื่องนี้ควรจัดการเช่นไรหรือ” ฮูหยินสองพูดเสียงเบา “แม่นม ท่านมองไม่ออกหรือว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลของเรา เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคุณชายหยาง”

“ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่สามารถ…”

“ตระกูลหมิงกำลังตกอับ!” ฮูหยินสองยิ้มเศร้า “ไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับคนที่เกือบจะฆ่าล้างครอบครัวของพวกเราแล้ว นอกจากนี้เราควรขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่เขามาที่นี่”

แม่นมหูได้สติ

ใช่ ที่ฮูหยินพูดมาถูกแล้วการที่คุณชายหยางมาหาเช่นนี้เป็นการบอกสัญญาณให้คนเหล่านั้นรู้ว่าเขายังใส่ใจคุณหนูเจ็ดอยู่ทำให้ผู้อื่นไม่กล้าที่จะโยนหินใส่คนที่ตกลงไปในบ่อ

อย่างไรก็ตาม คนที่ผ่านยุคอันรุ่งเรืองของตระกูลหมิงอย่างแม่นมหูเห็นภาพนี้แล้วก็อดเศร้าใจไม่ได้ “เหตุใดถึงมาอยู่จุดนี้ได้…”

ฮูหยินสองหัวเราะ “ตระกูลใหญ่มีขึ้นมีลงเป็นเรื่องปกติ แม่นมอย่าเศร้าไปเลย ขอเพียงปกป้องลิ่วเกอกับซานเอ๋อร์ได้ พวกเราก็ยังมีอนาคต”

“ที่ฮูหยินกล่าวมาก็ถูกเจ้าค่ะ…”

…………

อาสวนเดินตามหยางชูเข้าไปอดไม่ได้ที่จะพึมพำ “ตระกูลหมิงปล่อยท่านเข้ามาแบบนี้เลยหรือ”

“ไม่ได้งั้นหรือ” หยางชูถาม “พวกเขาควรจะขอบคุณข้าด้วยซ้ำที่ข้ามาในวันนี้”

เสียงขลุ่ยเบาๆ ดังมาจากสวนอวี๋ฟาง หยางชูหยุดฟังสักพักก่อนจะก้าวเข้าไป เดินไปไม่นานก็เห็นหมิงเวยนั่งเป่าขลุ่ยอยู่ตรงทางเดิน

“เป็นบทเพลงอะไรหรือ ไพเราะนัก”

พอได้ยินเสียงหมิงเวยจึงเงยหน้าขึ้นดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ “มาเร็วเพียงนี้เชียวหรือเจ้าคะ เกินความคาดหมายของข้ามาก”

“อย่างไรซะตอนนี้ข้าก็เป็นบุรุษที่อยู่แทบเท้าของท่านแล้ว เมื่อมีนัดเหตุใดจะรีบมาไม่ได้เล่า” หยางชูพูดไปพลางหยิบพัดออกมาโบก

เห็นเขาเป็นเช่นนี้หมิงเวยยกยิ้ม “เห็นท่านเป็นเช่นนี้หมายความว่าบาดแผลไม่เป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“เลือดออกนิดเดียวจะเป็นอะไรได้” หยางชูไม่สนใจแล้วเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้าม “พูดมา อยากพบข้ามีเรื่องอะไรหรือ”

หมิงเวยลูบขลุ่ย “มีอยู่สองเรื่อง”

“หืม”

“เรื่องแรก ข้าอยากขอยืมคนของท่าน”

หยางชูเลิกคิ้ว “ใครงั้นหรือ”

“นายท่านสองกับนายท่านสาม”

แววตาของหยางชูฉายแววสนใจ “เมื่อใดหรือ”

“เมื่อนายท่านสี่กลับมาที่จวน”

เขาพยักหน้า “จริงๆ ก็ย่อมได้ แต่ท่านคงทราบว่าพวกเขาเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ จะไม่มีคนเฝ้าดูไม่ได้”

พูดเหมือนจะดูดี มิใช่ว่าตัวเขาอยากชมความตื่นเต้นหรือไงกัน หมิงเวยตอบ

“ท่านก็มาด้วยกันสิ”

หยางชูยิ้ม “ได้ แล้วเรื่องที่สองล่ะ”

………………………………………..

คู่ชะตาบันดาลรัก

คู่ชะตาบันดาลรัก

Score 10
Status: Completed

เหตุชะตาถึงฆาตทำให้วิญญาณของ ‘หมิงเวย’ หญิงสาวผู้มีวรยุทธ์เก่งกล้า ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของคุณหนูเจ็ดแห่งตระกูลหมิงผู้อ่อนแอ

แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายเมื่อทันทีที่ลืมตา นางกลับพบว่าในสวนอวี๋ฟางที่นางและฮูหยินสามผู้เป็นมารดาอาศัยอยู่นั้นมีสิ่งอัปมงคล!

สองแม่ลูกเชื่อว่าสิ่งนี้อาจเกี่ยวพันกับไสยศาสตร์มืด จึงได้ลงมือสืบความจริงของเรื่องนี้อย่างลับๆ

และยิ่งตามสืบปริศนามากมายที่เกิดขึ้นในจวนและตระกูลหมิงแห่งนี้… กลับยิ่งเจอความลับอันดำมืดที่ซุกซ่อนอยู่

แต่ท่ามกลางความมืดมิดและสิ่งชั่วร้าย โชคชะตากลับลิขิตให้หญิงสาวได้ไขประตูสู่ความจริง… รวมถึงนำไปสู่ความรัก!

นับตั้งแต่ที่ ‘หยางชู’ เหลนของฮ่องเต้จอมเสเพลแฝงกายมายังเมืองที่นางอาศัยอยู่เพื่อภารกิจบางอย่าง

นางและเขาจึงได้ตกลงร่วมกันทำภารกิจไขปริศนา แต่หารู้ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปเพราะโชคชะตารักบันดาลอยู่เบื้องหลัง!

Options

not work with dark mode
Reset