ระบบเจ้าสำนัก 458 : คำสาปขั้น 6

ตอนที่ 458 : คำสาปขั้น 6

ตอนที่  458 : คำสาปขั้น 6

แม้แสงแดดจะร้อนแรงแต่เมื่อได้ยินข่าวนี้พวกเขาก็รู้สึกหนาวเหน็บจนไปถึงขั้วหัวใจ

 

100 ล้าน !

 

นี่คือคนกว่า 100 ล้านคน !

 

แม้แต่ตอนที่เฉินกูไล่ฆ่านักฝึกสัตว์อสูรเมื่อ 8,000 ปีก่อน คนที่ตายไปก็ไม่ได้มากแบบนี้

 

เหล่าเซียนต่างก็พากันตะลึง !

 

แม้แต่ฝางมู่ก็ยังสีหน้าบิดเบี้ยวไป สายตาของเขาแฝงไปด้วยความโกรธและตะลึง !

 

“เกิดอะไรขึ้นกัน!” ลั่วซู่หยางตะโกนออกมา เขาบ่มเพาะมานานและผ่านพ้นภัยพิบัติมาหลายครั้ง ความตายเขาเคยเห็นมามากทั้งเห็นด้วยตาตัวเองและตัวเองที่เป็นคนลงมือคร่าชีวิต แต่การที่จักรวรรดิหมิงถูกทำลายไปนี้ก็ยังทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา

 

ผู้ดูแลกลืนน้ำลายและพูดขึ้นมา  “ตาย ทุกคนตายกันหมด!”

 

สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว ตอนนี้เขาอึ้งจนไม่อาจจะรวบรวมสติได้

 

“คนในเมืองจูอันตายกันหมด”

 

ผู้ดูแลไม่อาจจะพูดอะไรต่อได้ ในหัวเขามีแต่ข่าวที่น่าตกใจนี้ เขาดูกังวลราวกับกำลังจะเสียสติ

 

สีหน้าของลั่วซู่หยางหม่นลง ข่าวแบบนี้มันกดดันต่อคนทั่วไปอย่างมาก

 

ใบหน้าของทุกคนต่างก็บิดเบี้ยว จำนวนของคนที่ตายไปสูงจนน่าตกใจ

 

“ใครกัน ใครกันที่ทำแบบนี้!” ลั่วซู่หยางโกรธจัด สายตาของเขาราวกับมีไฟพุ่งออกมา เขากัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น “ข้าสาบานว่าไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไป ข้าจะต้องฆ่าคนร้ายให้ได้!”

 

ลั่วซู่หยางคือคนที่สุขุมมาโดยตลอด แต่การที่เขาแสดงท่าทีแบบนี้ออกมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาโกรธมากแค่ไหน

 

ต้องรู้ก่อนว่าจักรวรรดิหมิงนั้นเป็นจักรวรรดิที่แข็งแกร่งทางใต้ มันมีเมืองหลวงก็คือเมืองจูอัน มันเป็นบ้านเกิดของยอดฝีมือหลายคน และมีพวกขอบเขตตุ้นซวนอยู่มากมายแต่ตอนนี้ทุกคนกลับตายกันหมด !

 

ตอนนี้ทางใต้กำลังเข้าสู่ความวุ่นวาย !

 

ตอนนี้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ !

 

“พวกเจ้า ข้าจะไปที่เมืองจูอัน มีใครจะไปกับข้าบ้าง?” ลั่วซู่หยางสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

 

หยางเพ้ยอัน,ชุยเจี่ยนและหงจินเป่ามองหน้ากัน ก่อนจะแสดงท่าทีออกมา  “เราไปด้วย!”

 

ฝางมู่เองก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  “ข้าไปด้วย”

 

การที่จักรวรรดิหมิงถูกทำลายและคนกว่า 100 ล้านคนตาย มันทำให้ฝางมู่โกรธยิ่งกว่าลั่วซู่หยางเสียอีก

 

ต้องรู้ก่อนว่าอาจารย์ของเขาสู้เพื่อปกป้องมนุษย์มาโดยตลอด เขาในฐานะศิษย์เพียงคนเดียวจึงเป็นธรรมดาที่ไม่อยากจะให้เผ่าพันธุ์ของตัวเองโดนเข่นฆ่าโดยยอดฝีมือที่ไม่รู้ฝ่าย

 

เขาเชื่อว่าเขาต้องปกป้องมนุษย์เอาไว้ !

 

ลั่วซู่หยางยินดีอย่างมาก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาบอกกับหงยู่ที่เป็นหัวหน้าสมาคมนักค่ายกล  “หากมียอดฝีมือระดับสูงมาตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าบอกพวกเขาได้โดยตรงว่าเราไปยังจักรวรรดิหมิง”

 

“ได้ ท่านเซียน!” หงยู่ตอบกลับด้วยความเคารพ

 

ลั่วซู่หยางหันกลับไปหาผู้ดูแลก่อนจะหันกลับแล้วใช้เคลื่อนย้ายพริบตาในทันที

 

ร่างของฝางมู่, ชุยเจี่ยน,หยางเพ้ยอันและหงจินเป่าเองก็หายไปหลังจากนั้น

 

ในเวลาเดียวกันที่จักรวรรดิหมิงถูกทำลายและข่าวว่าซูอันเชิงโดนฆ่า ก็ได้แพร่ไปทั่วเขตกลาง ตอนนั้นคนในเขตกลางต่างก็พากันลนลาน ยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ต่างก็พากันอึ้งราวกับถูกเอาน้ำเย็นราดหัว ทุกฝ่ายต่างก็กลัวจนไม่กล้าทำอะไรหุนหัน

 

ทุกคนต่างก็ตะลึงกับข่าวนี้ !

 

ที่พื้นที่เขตหวงห้ามในจักรวรรดิฉิน

 

เมื่อข่าวนี้มาถึงชายวัยกลางคนในพื้นที่หวงห้ามก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา  “มีคนกล้าทำลายเมืองในตอนนี้ น่าสนใจจริงๆ…”

 

เขาไม่ได้สนว่าคนในเมืองตายไปเท่าไหร่  เขาสนแค่ว่าใครกันที่ทำเรื่องนี้ ความกล้าของคนที่ทำไม่ใช่น้อยๆ แม้แต่จอมทรราชก็ไม่กล้าจะทำเรื่องแบบนี้ในเวลาเช่นนี้ได้

 

“มีไม่กี่คนที่ทำให้ข้าชื่นชมได้ ชายคนนี้เองก็มีบุคลิกที่น่าประทับใจ” ชายวัยกลางคนชมออกมา

 

หลังจากที่ชมเสร็จชายวัยกลางคนก็ส่ายหน้า  “น่าเสียดายที่เขากล้าหาญแต่เขากลับโง่เง่า”

 

ในช่วงเวลาที่สถานการณ์อ่อนไหวแบบนี้ การสังหารโหดครั้งใหญ่แบบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องโง่เง่ารึ ?

 

“คนที่เพิ่งก้าวขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด พวกเขาหลงในพลัง” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมา “น่าเสียดาย ยิ่งหลงในพลังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตายเร็วเท่านั้น”

 

อารมณ์ของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะหยุดสนใจเรื่องนี้และหลับตาทำการบ่มเพาะต่อ

 

ตั้งแต่ได้เรียนรู้ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำ เขาก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความมั่นคงและแข็งแกร่งของทักษะจี๋อู่ได้มากกว่าเดิม ทุกครั้งที่บ่มเพาะจะรับรู้ได้ว่าระดับการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นมาเร็วกว่าเดิม และทำความเข้าใจกฎได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมด้วย

 

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง

 

ที่เขาทางใต้ของจักรวรรดิหมิง

 

ลั่วซู่หยางและคนอื่นๆรวมไปถึงฝางมู่ได้ไปถึงเมืองจูอันแทบจะพร้อมกัน

 

หากมองจากท้องฟ้าจะพบกับเมืองจูอันที่เปลี่ยนเป็นซากปรักหักพัง มันทำให้หลายคนต้องปวดใจเมื่อเห็นมัน

 

ตอนนี้นั้นเมืองจูอันในรัศมี 100 กม. อากาศถูกย้อมจนเป็นสีแดงจางๆ พื้นดินถูกย้อมเป็นสีแดงก่ำ ราวกับเกิดทะเลเลือดขึ้นมาที่นี่

 

ในเมืองแห่งนี้มีแต่ความเงียบ

 

ลั่วซู่หยางและคนอื่นๆแผ่การรับรู้ออกไป แต่ไม่อาจจะรับรู้ถึงพลังจากลมหายใจของชีวิตได้เลยแม้แต่น้อย มันมีแต่ความตาย !

 

“บัดซบ!” ชุยเจี่ยนกำหมัดแน่น

 

เมืองจูอันที่เคยรุ่งเรืองในอดีตกลับเปลี่ยนเป็นสุสาน ภาพอันน่าอนาถนี้ไม่อาจจะรับได้

 

หงจินเป่าเองก็โกรธ  “บัดซบ!”

 

หยางเพ้ยอันถอนหายใจออกมา  “ลองไปดูว่าจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง”

 

พวกเขาพากันกระจายตัวออกไปเพื่อตรวจสอบโดยรอบ

 

เมื่อตรวจสอบได้สักพักฝางมู่ก็คิ้วขมวด  “พลังของคำสาป…” เขาหรี่ตาลงพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยวไป “มีคำสาปที่นี่!”

 

“พลังของคำสาปรึ?” ลั่วซู่หยางสีหน้าเปลี่ยนไป  “ผู้อาวุโสหมายความว่านี่คือผลงานของผู้ใช้คำสาปรึ?”

 

“ข้าไม่รู้ว่าใช่ผลงานของผู้ใช้คำสาปหรือไม่ แต่ชายคนนี้….น่าทึ่งจริงๆ ! ”  ใบหน้าของฝางมู่บิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม

 

“พลังของคำสาปไม่ได้ส่งผลแค่กับร่างกาย แต่ยังส่งผลกับวิญญาณด้วย คนในเมืองจูอันแห่งนี้หลังจากที่โดนฆ่าแล้ว แม้แต่วิญญาณของพวกเขาก็ถูกทำลายลงไปด้วย….ต้องมีความโกรธแค้นแบบไหนกันถึงทำเรื่องแบบนี้ได้?”

 

ผู้คนในทวีปเชื่อเรื่องการเกิดใหม่ผ่านวิญญาณ และรู้ดีว่ามีวิญญาณอยู่ คนในเมืองจูอันที่ตายไปกลับถูกทำลายวิญญาณ

 

พวกเขาไม่มีโอกาสจะกลับมาเกิดใหม่ได้เลย !

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของทั้งสี่คนก็เปลี่ยนไป

 

คนร้ายนี้โหดร้ายกว่าที่พวกเขาคิด !

 

“ผู้ใช้คำสาป!” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา  “ ข้ารู้ว่าเราควรทำลายผู้ใช้คำสาปทั้งหมดตั้งแต่แรก!”

 

ผู้ใช้คำสาปคือสายอาชีพลึกลับ และอันตรายที่สุดในหมู่สายอาชีพพิเศษทั้ง 9  มันเป็นสายอาชีพที่แทบจะถูกตัดทิ้ง  8 สมาคมต่างก็มีสาขาอยู่ตามทวีป สมาชิกของสมาคมต่างก็ได้รับการยกย่อง แต่ผู้ใช้คำสาปนี้หลบซ่อนอยู่ในเงามืด แทบไม่มีใครกล้าเผยตัวตนออกมาต่อหน้าคนอื่นๆ แม้แต่การรับศิษย์ก็ยังระวังกันอย่างมาก เพราะกลัวว่าเมื่อเผยตัวตนออกไปจะทำให้คนต่างเข้ามาโจมตีพวกเขา

 

เพราะผู้ใช้คำสาปทุกคนต่างก็ปกปิดตัวเอง ดังนั้นลั่วซู่หยางจึงไม่อาจจะจัดการผู้ใช้คำสาปได้

 

แต่พวกเขาไม่คิดว่าผู้ใช้คำสาปจะกล้าทำเรื่องที่น่าตกใจแบบนี้ !

 

ตอนนั้นความโกรธของเหล่าเซียนต่างก็มุ่งไปที่ผู้ใช้คำสาป !

 

ทันใดนั้นเอง

 

สายตาของฝางมู่ก็หรี่ลง  “ใครกัน ออกมา !”

เสียงนี้ดังราวกับฟ้าผ่า มันดังก้องไปทั่วเมืองจูอันจนตึกรอบๆสั่นไหว  แทบจะพร้อมกันนั้นทุกคนก็แผ่การรับรู้ออกไปและเห็นร่างลึกลับร่างหนึ่ง  ร่างลึกลับนั้นไม่ทันขยับฝางมู่และเหล่าเซียนก็พบร่างนั้น พวกเขาใช้เคลื่อนย้ายพริบตาไปอยู่ล้อมร่างนั้นเอาไว้

 

“ผู้ใช้คำสาป!” สายตาของลั่วซู่หยางจับจ้องไปที่อีกฝ่าย  “เจ้ากล้ามากที่ปรากฏตัว!”

 

ชุยเจี่ยนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฆ่าเขาซะ!”

 

ฝางมู่และหงจินเป่ามองไปที่ชายลึกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาได้ทำการจำกัดมิติรอบตัวของชายคนนี้ เพื่อไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้หนีไป

 

“อย่า อย่าเพิ่งหุนหันไป” สีหน้าของชายลึกลับเปลี่ยนไปทันที เขาร้องออกมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ไม่ ข้าไม่ได้ทำ! ข้าไม่ได้ทำจริงๆ!”

 

แม้ว่าเขาจะขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะรับมือกับทั้งห้าคนได้ โดยเฉพาะลั่วซู่หยางและฝางมู่ พลังของทั้งสองคนทำให้เขากลัวขึ้นมา เขามั่นใจว่าไม่ว่าจะเป็นลั่วซู่หยางหรือฝางมู่ก็ฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย

 

ฝางมู่มองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้น  “พลังของคำสาปแผ่ออกมาจากตัวเจ้า มันมีต้นกำเนิดแบบเดียวกัน เจ้ากล้าบอกว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้ารึ ?”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น จิตสังหารของทั้งสี่เซียนก็เพิ่มขึ้นไปอีก

 

ชายลึกลับแทบหายใจไม่ออก ภายใต้พลังของทั้งห้าคน เขาเหงื่อท่วมไปทั้งตัว เขาพูดขึ้นมาด้วยความกังวล  “พวกท่านฟังข้าก่อน พลังของคำสาปนั้นเป็นของข้าก็จริง แต่ข้าไม่ได้ใช้มันออกมา มันผ่านมาหลายพันปีแล้ว ข้าสั่งสมพลังคำสาปและผนึกมันไว้ในหินต้องสาป ไม่กี่วันก่อนเพื่อนของข้ามาหาข้าและขอว่าจะใช้หินนี้เพื่อไปศึกษาผลของคำสาปที่มีต่อวิญญาณ ข้าไม่คิดอะไรมากจึงให้เขายืมไป ยังไงซะข้าก็ขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดแล้ว พลังของคำสาปก่อนหน้านี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก…”

 

“แต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะบ้าคลั่งและปลดปล่อยพลังของคำสาปในเมืองจูอัน”

 

“ข้าสาบาน ข้าไม่รู้เรื่องในสิ่งที่เขาทำ ไม่งั้นแล้วข้าคงไม่มีทางให้หินต้องสาปกับเขาแน่ ข้าคงจะสังหารเขาแทน!”

 

ชายลึกลับกังวลและอธิบายอย่างสิ้นหวัง เพราะกลัวว่าทั้งห้าคนจะเปลี่ยนใจลงมือฆ่าเขา

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ลั่วซู่หยางก็สงสัยขึ้นมา  “แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม?”

 

“เพราะข้ารับรู้ได้ถึงพลังของคำสาปที่ถูกปล่อยออกมา และ… ตำแหน่งของมันก็คือเมืองจูอัน” ชายลึกลับพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ข้าแค่มาดู ข้าไม่คิดว่าจะมาเจอกับพวกท่าน  หากข้ารู้ว่าเหล่าเซียนจะมาที่นี่ ข้าคงไม่มาให้ตายหรอก”

 

ชายลึกลับกลืนน้ำลายและบ่นในใจ  “เจ้าปิศาจเฒ่า ครั้งนี้ข้าถูกเจ้าหลอก!”

 

“ตอนนี้ข้าจะเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูดไว้ก่อน” ลั่วซู่หยางพูดด้วยท่าทีเฉยเมย  “อย่าบอกว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า ตอนนี้เจ้าพาเราไปหาสหายเจ้าซะ หากพิสูจน์ได้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าจริงๆ เป็นธรรมดาที่เราจะไม่สร้างเรื่องยุ่งยากให้กับเจ้าแต่หากพิสูจน์ได้ว่าเจ้าโกหก อย่าโทษเราที่ลงมือโหดร้ายกับเจ้า!”

 

“ได้ ข้าจะพาพวกท่านไป!”  ชายลึกลับกัดฟันแน่นและรีบพยักหน้า

 

ตอนแรกเขามีความทะเยอทะยาน จึงได้สร้างหินต้องสาปขึ้นมา แต่เขาไม่คิดว่ามันจะสร้างโศกนาฏกรรมแบบนี้ขึ้น ความทะเยอทะยานที่เขาเคยมีหายไปในพริบตา

 

“เจ้าเป็นปรมาจารย์ใช้คำสาปขั้น 6 รึ?” ฝางมู่ถาม

 

“หือ…”  ชายลึกลับตะลึงและหันไปมองฝางมู่ด้วยความสับสน “ท่านรู้ได้ยังไงกัน?”

 

ลั่วซู่หยางเลิกคิ้วและมองไปที่ชายลึกลับด้วยความระวังที่มากกว่าเดิม  ใช้คำสาปขั้น 6 ปรมาจารย์ผู้ใช้คำสาป 6 ดาวและยังเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดแน่นอนว่าอันตราย แม้ว่าเขาจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลาง แต่หากไม่ระวังตัวก็อาจจะตายเพราะอีกฝ่ายได้

 

“ข้าไม่คิดว่าจะมีปรมาจารย์ผู้ใช้คำสาป 6 ดาวอยู่ในโลกนี้…” หยางเพ้ยอันมองไปที่ชายลึกลับและครุ่นคิด

 

ชายลึกลับเหมือนจะมั่นใจขึ้นมานิดๆ เขาพูดขึ้นมาด้วยเสียงแหบแห้ง  “ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ข้า หนี่จี่เทียน ในทวีปป่าตลอดหลายหมื่นปีมานี้ ข้าคือปรมาจารย์ใช้คำสาป 6 ดาวเพียงคนเดียว ! ”

 

ท่ามกลางสายตาของทั้งห้าคน ชายคนนี้กลับดูภูมิใจตัวเอง

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-1579 อ่านนิยาย

ระบบเจ้าสำนัก … เรื่องย่อ

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร

มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ

ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์

หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”

เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ

ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้

ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

Options

not work with dark mode
Reset