ระบบเจ้าสำนัก 449 : คนรู้จัก

ตอนที่ 449 : คนรู้จัก

ตอนที่ 449 : คนรู้จัก

จีหลิง, หยางยู่, จงเซี่ยวเซี่ยว,คังชือหลินและเทียนเย่ต่างก็ค่อยๆเดินผ่านประตูเมืองเข้าไป

 

เมื่อเข้ามาในประตูเมืองก็มีทหารคนหนึ่งมาหยุดพวกเขาไว้  “ช้าก่อน ”

 

พวกเขาต่างก็หันไปมองทหารคนนั้น

 

“พวกท่านมายังเมืองทะเลทรายแห่งนี้เป็นครั้งแรกรึ?” ทหารคนนั้นไม่ได้ถ่อมตัว เขากลับดูมั่นใจเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่ระดับการบ่มเพาะอยู่แค่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 “เมืองทะเลทรายได้ใช้มาตรการฉุกเฉิน พวกท่านควรไปหาที่พักกันก่อน ไม่งั้นแล้วอาจจะโดนไล่ออกจากเมือง มันยังไม่ดึกเกินไป อีกสัก 1-2 ชม.ก็จะมืดแล้ว”

 

“ขอบคุณมากที่เตือน” จีหลิงพยักหน้าตอบรับ

 

ทหารคนนั้นโบกมือและพูดขึ้น “เรามีหน้าที่บอกกับทุกคนที่เข้ามาในเมือง ไปเถอะ”

 

หลังจากที่เข้ามาในเมืองแล้ว จีหลิงก็พาหยางยู่ไปหาที่พัก ก่อนจะเตือนอีกฝ่าย “เด็กน้อย ครั้งหน้าเจ้าต้องมาพักในโรงแรมนี้ ข้าจะมาหาเจ้าเมื่อข้าว่าง”

 

“ท่านจี บรรพชนสอนข้าแล้วว่าต้องทำยังไง ท่านไม่ต้องกังวล” หยางยู่ตอบกลับ

 

หลังจากจัดหาที่พักให้กับหยางยู่แล้ว จีหลิงก็ยิ้มออกมาและบอกกับทั้งสามคนด้านหลังว่า “ขอโทษด้วยที่ทำให้พวกเจ้าล่าช้า”

 

จงเซี่ยวเซี่ยว,คังชือหลินและเทียนเย่ต่างก็พากันส่ายหน้า“ ไม่เป็นไรเลย เราไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว”

 

“แค่ก แค่ก แค่ก …งั้นก็ไปกันเถอะ” จีหลิงไอออกมาราวกับป่วย นางถอนหายใจออกมา ก่อนจะพยักหน้าให้กับทั้งสามคนแล้วเดินออกจากโรงแรมไป พวกเขามุ่งหน้าไปที่ภูเขา แม้ว่าจะเดินกันช้าแต่ที่น่าแปลกคือแต่ละก้าวนั้นกลับกินระยะทางได้กว่า 10 ก้าว

 

ทั้งสามคนรีบตามไปทันที

 

ไม่นานทั้งสี่ก็มาถึงทางแยกขึ้นไปยังภูเขา เดินเข้าไปได้ไม่นานพวกเขาก็ต้องพบกับโล่พลังขวางกั้นพวกเขาเอาไว้

 

ด้วยความแข็งแกร่งที่พวกเขามี พวกเขาสามารถทำลายโล่พลังนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาต่างก็กังวลและไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้น

 

“ผู้อาวุโส ท่านว่าเราจะทำยังไงกันดี?” จงเซี่ยวเซี่ยว,คังชือหลินและเทียนเย่ต่างก็มองไปที่จีหลิง

 

จีหลิงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากของนางและพูดขึ้นมา “ข้าจะลองทดสอบดูก่อน”

 

จงเซี่ยวเซี่ยวยังไม่ทันได้ตอบกลับ จีหลิงก็ค่อยๆเงยหน้ามองขึ้นไปบนยอดเขา ปากของนางขยับเล็กน้อยพร้อมกับเสียงของนางที่ดังขึ้นไปถึงยอดเขา “รองหัวหน้าพันธมิตรร้อยสำนักจีหลิงขอเข้าพบเจ้าสำนัก!” เสียงนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของจีหลิง มันไม่ได้เล็ดรอดเข้าไปถึงหูคนอื่นๆที่อยู่ในเมือง ไม่มีใครได้ยินเสียงของนางยกเว้นแค่คนบนยอดเขา

 

หลังจากที่พูดจบ เจ้าสำนักก็ตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะ

 

เขาแผ่การรับรู้ออกมาและส่งข้อความไปบอกโอวเสินเฟิง “อาจารย์โอว ข้าคงต้องรบกวนท่านไปรับพวกเขาที!”

 

ในหอพัก โอวเสินเฟิงได้บินออกมาจากตึกหอพักทันที และมุ่งหน้าลงมาจากเขาด้วยความเร็วสูง

 

ไม่นานโอวเสินเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางแยกขึ้นเขา

 

“พวกท่านคืออาจารย์ใหม่รึ?” โอวเสินเฟิงไม่อาจจะเห็นระดับการบ่มเพาะของพวกนี้ได้ แต่วิญญาณของเขาแข็งแกร่งและเขาก็รับรู้ได้ว่าคนพวกนี้มีพลังที่น่ากลัว เขาถึงกับตะลึง ดังนั้นเขาจึงเดาว่าพวกนี้เป็นใครได้ในทันที ที่สำคัญที่สุดคือเขาจำจีหลิงได้ สัตว์ประหลาดเฒ่าผู้นี้ เขาเคยได้ยินชื่อนางมาตั้งแต่ที่เขายังไม่ตาย

 

ทั้งสี่คนเห็นระดับการบ่มเพาะของโอวเสินเฟิงก็เกิดความสงสัยขึ้นมา

 

ขอบเขตตันซวนขั้นสูง ?

 

อ่อนแอขนาดนี้รึ ?

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ฐานะของโอวเสินเฟิง แต่พวกเขาก็ยังแสดงท่าทีสุภาพออกมา พวกเขาไม่ได้ถือตัวว่าอยู่ขอบเขตตุ้นซวน แม้แต่จีหลิงก็ยังแสดงท่าทีเป็นมิตรและยื่นมือไปจับกับโอวเสินเฟิง “เรามาตามคำสั่งของเหล่าเซียน เรามายังสำนักคังเฉียงในฐานะอาจารย์ ข้าขอถามได้รึไม่ว่าเจ้าเป็นใคร ?”

 

“โอวเสินเฟิงหนึ่งในอาจารย์ของสำนักคังเฉียง” โอวเสินเฟิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ตามคำสั่งของเจ้าสำนัก ข้ามาที่นี่เพื่อมารับพวกท่าน ไปกันเถอะ”

 

โอวเสินเฟิงไม่มัวพูดไร้สาระ และพาทั้งสี่คนขึ้นไปยังยอดเขาทันที

 

ระหว่างทาง จงเซี่ยวเซี่ยวได้มองไปที่โอวเสินเฟิงด้วยสีหน้าสงสัย ก่อนจะพึมพำออกมา “ขอโทษด้วย อาจารย์โอวเสินเฟิงเราเคยเจอกันมาก่อนหรือไม่?”  เขารู้สึกว่าโอวเสินเฟิงดูคุ้นตา แต่เขาจำไม่ได้ว่าโอวเสินเฟิงเป็นใคร

 

“เจ้ามาจากสมาคมหลอมรึ?” โอวเสินเฟิงมองไปที่ตราปรมาจารย์ด้านหลอม 5 ดาวบนอกของอีกฝ่าย แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เราน่าจะไม่เคยพบกัน” เขาเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมหลอมตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เขาไม่ได้ทำงานในสมาคม เขาเป็นสมาชิกในเขตนอก เขารู้เกี่ยวกับสมาคมหลอมดีแต่เขาจำอีกฝ่ายไม่ได้

 

จงเซี่ยวเซี่ยวคิ้วขมวด “แต่ข้ารู้สึกว่าหน้าตาท่านดูคุ้นๆ ”

 

โอวเสินเฟิงพูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม “บางทีท่านอาจจะเคยได้ยินคนอื่นพูดถึงข้า ข้ารู้จักคนมากมายที่สมาคมหลอมเมื่อพันปีก่อน พวกเขาเรียกข้าว่าเทพแห่งสายลม”

 

“พันปีก่อน? เป็นไปไม่ได้!” คังชือหลินและเทียนเย่ต่างแสดงสีหน้าสงสัย “ขอบเขตตันซวนขั้นสูงอยู่ได้กว่าพันปีเลยรึ ? เขาเป็นใครกัน ?” โอวเสินเฟิงตายไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นคังชือหลินและเทียนเย่จึงไม่อาจจะจดจำชื่อของเทพแห่งสายลมได้ แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินมันมาบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะจดจำได้

 

จีหลิงตาเป็นประกายและพูดขึ้นมา “ข้าคิดออกแล้ว เจ้าคือนักหลอมอัจฉริยะในปีนั้น!”

 

จีหลิงจดจำอัจฉริยะได้ดีกว่าใคร นางจำจงเซี่ยวเซี่ยวได้ เป็นธรรมดาที่นางจะจำเทพแห่งสายลมที่โด่งดังได้

 

พรสวรรค์ด้านหลอมของโอวเสินเฟิงอาจจะไม่ได้สูงกว่าจงเซี่ยวเซี่ยว แต่เขาหมกมุ่นเรื่องการหลอมและใช้เวลาส่วนมากไปกับมัน ดังนั้นพรสวรรค์ในด้านการหลอมของเขาจึงโดดเด่นกว่าจงเซี่ยวเซี่ยว ไม่กี่ร้อยปี เขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นปรมาจารย์ด้านการหลอม 5 ดาวได้ และเป็นรองแค่พวกปรมาจารย์การหลอม 6 ดาว

 

“ท่านคือเทพแห่งสายลมรึ!” จงเซี่ยวเซี่ยวได้สติ เขามองไปที่โอวเสินเฟิงด้วยสีหน้าตกตะลึง เขาพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “แม้ว่าข้าจะไม่เคยพบท่านแต่อาจารย์ที่สมาคมมักจะพูดถึงท่านบ่อยๆ !”

 

ไม่แปลกเลยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นกับชื่อนี้ มันกลับเป็นว่าอาจารย์เขาเคยพูดถึงชื่อโอวเสินเฟิง และเคยใช้พลังสร้างภาพของโอวเสินเฟิงขึ้นมาด้วย

 

หลังจากที่โอวเสินเฟิงตายไปหลายปี จงเซี่ยวเซี่ยวถึงได้เกิดขึ้นมา มันเป็นธรรมดาที่เขาจะจำโอวเสินเฟิงไม่ได้ในตอนแรก

 

แต่จงเซี่ยวเซี่ยวก็ยกย่องโอวเสินเฟิงอย่างมาก บอกได้ว่าเขาเคยได้ยินตำนานของโอวเสินเฟิงที่สมาคมบ่อยที่สุด เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเด็ก เขาได้ยึดโอวเสินเฟิงเป็นต้นแบบของเขา เขาหวังว่าจะถูกเรียกว่านักหลอมอัจฉริยะแบบโอวเสินเฟิง ผ่านมาหลายปีในที่สุดเขาก็ทำได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่ระดับการบ่มเพาะขึ้นมาถึงขอบเขตตุ้นซวน แต่ในหมู่ปรมาจารย์ด้านหลอม 5 ดาวก็มีไม่กี่คนที่เทียบกับเขาได้….

 

แต่ไม่นานจงเซี่ยวเซี่ยวก็คิ้วขมวดและพูดขึ้นมา “ไม่สิ ข่าวลือบอกว่าท่านตายไปแล้ว แต่ทำไม….”

 

“เพราะเจ้าสำนักฟื้นคืนชีพให้กับข้า” โอวเสินเฟิงยิ้มออกมา “ข้าตายไปกว่าพันปีแล้ว เพราะเหตุผลบางอย่างวิญญาณของข้าจึงไม่ได้สลายไป ข้าไม่ได้กลับไปเกิดใหม่ หลังจากนั้นข้าก็โชคดีได้พบกับเจ้าสำนัก ด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าสำนัก ข้าจึงกลับมามีชีวิตต่อได้ แต่โชคร้ายที่ระดับการบ่มเพาะในอดีตได้สลายไป ข้าจึงต้องทำการบ่มเพาะใหม่ไปทีละขั้น”

 

จงเซี่ยวเซี่ยวและคนอื่นๆต่างก็พากันตะลึง

 

แม้แต่จีหลิงก็ยังอึ้ง นี่คือความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดกับนางมาหลายปีแล้ว

 

ฟื้นคืนชีพ ?

 

คนตายฟื้นคืนชีพได้ด้วยรึ ?

 

มันใช้วิธีแบบไหนกัน ?

 

พระเจ้า เจ้าสำนักผู้นี้ช่างน่ากลัวจริงๆ !

 

“พวกท่านเห็นหรือไม่ว่าพลังชีวิตของข้าลดลงไปทีละนิดๆ?” โอวเสินเฟิงยิ้มออกมา “นี่คือผลจากการฟื้นคืนชีพ ระดับการบ่มเพาะของข้าอยู่ที่ขอบเขตตันซวนขั้นสูง มันไม่ทัดเทียมกับอายุข้า ดังนั้นข้าจึงเสียพลังชีวิตไปตลอดเวลา ด้วยความเร็วของพลังชีวิตที่เสียไปมากกว่าคนทั่วไปเป็นร้อยเท่านี้ เมื่อพลังชีวิตของข้าหมดลง ข้าก็ต้องตายอีกครั้ง” โอวเสินเฟิงไม่รอให้ทั้งสี่คนได้พูดอะไร เขาก็พูดขึ้นมาต่อ “แต่ข้ามั่นใจว่าข้าจะเพิ่มพลังชีวิตได้มากกว่าที่เสียไป และยกระดับการบ่มเพาะขึ้นไปยังขอบเขตหลี่ซวนได้!”

 

จีหลิง, จงเซี่ยวเซี่ยว,คังชือหลินและเทียนเย่ต่างก็ตะลึงกับความมั่นใจที่โอวเสินเฟิงมี เขาเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนกัน ?

 

ในหัวของหลายคนกลับเต็มไปด้วยคำถาม แต่แค่เวลาไม่เอื้ออำนวย พวกเขาจึงได้แต่ปิดปากเงียบ

 

หลายสิบอึดใจทั้งห้าคนก็ได้มาถึงหน้าประตูบ้านพัก เมื่อพวกเขามาถึงโอวเสินเฟิงก็ได้พูดขึ้น “เจ้าสำนัก พวกเขามาถึงแล้ว!”

 

“เข้ามา” เสียงของชายหนุ่มดังลอดประตูออกมา เสียงนี้ราวกับเสียงของน้ำตกที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบ

 

โอวเสินเฟิงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับคนอื่นๆที่เดินตามมาด้านหลัง บรรยากาศนี้หนักอึ้งสำหรับพวกเขาจนพวกเขาไม่กล้าจะหายใจ  แม้แต่จีหลิงที่เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าซึ่งอยู่มานานกว่าแปดพันปีก็ต้องถ่อมตัวราวกับเด็กน้อย

 

ในสวนชายหนุ่มใส่ชุดสีม่วงค่อยๆหันกลับมายิ้มให้กับทั้งสี่คน

 

“ยินดีต้อนรับสู่สำนักคังเฉียง!” ชายหนุ่มคนนี้ยังดูเด็กและเสียงของเขาก็ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น “ข้าจางหยูเจ้าสำนักของสำนักคังเฉียง พวกท่านเรียกข้าว่า….เจ้าสำนักก็ได้ ! ”

 

ครั้งนี้คือร่างหลักของจางหยู ร่างของเจ้าสำนักได้เข้าไปในโลกนภาเพื่อทำการบ่มเพาะ แต่คนนอกก็ไม่อาจจะแยกจางหยูจากร่างเจ้าสำนักได้ ในสายตาของคนนอกแล้ว จางหยูกับเจ้าสำนักนั้นเหมือนกัน ทั้งสองคือร่างแยกของเจ้าสำนักที่แท้จริง มันไม่ได้มีความต่างอะไรกันเลยในเมื่อสองคนนี้คือร่างแยก

 

“ข้า จีหลิง… ขอคำนับเจ้าสำนัก!”

 

“ข้า จงเซี่ยวเซี่ยว… ขอคำนับเจ้าสำนัก!”

 

“ข้า คังชือหลิน… ขอคำนับเจ้าสำนัก!”

 

“ข้า เทียนเย่… ขอคำนับเจ้าสำนัก!”

 

หลังจากที่ทั้งสี่คนแนะนำตัว พวกเขาก็ได้เดินเข้าไปหาจางหยูด้วยท่าทีเคารพ

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-1579 อ่านนิยาย

ระบบเจ้าสำนัก … เรื่องย่อ

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร

มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ

ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์

หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”

เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ

ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้

ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

Options

not work with dark mode
Reset