เซียวเหยียนเอามือกุมอกพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ “ฟู่….”
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวถิง เซียวเหยียนก็ยิ้มออกมา “ผู้อาวุโส ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ใช่คู่มือของท่าน ทำไมท่านจึงต้องสู้กับข้าด้วย?”
เขาไม่ใช่เซี่ยเฟิง หากเป็นเซี่ยเฟิง อาจจะสู้กับโจวถิงได้ ส่วนเขาก็มีแต่โดนอัดโดยที่ไม่อาจจะตอบโต้ได้เลย
“เลิกไร้สาระ อย่าทำตัวน่าละอาย ใช้เคล็ดวิชาที่เจ้าสำนักสอนเจ้าออกมา” โจวถิงมองไปที่เซียวเหยียน “อย่าทดสอบความอดทนของข้า”
เซียวเหยียนถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าหากไม่ทำให้โจวถิงพอใจ งั้นการต่อสู้นี้ก็ไม่มีทางจบลง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและแสดงสีหน้าจริงจังออกมาก่อนจะพูดขึ้น “เมื่อผู้อาวุโสต้องการเห็นพลังของเคล็ดวิชาฟัน งั้นข้าก็ขอล่วงเกินท่าน”
เมื่อพูดจบ เซียวเหยียนก็กระโดดขึ้นกลับมายืนที่พื้น ด้านหลังเขานั้นมีหลุมขนาดใหญ่ที่ดูแล้วสะดุดตาเป็นอย่างมาก
เซียวเหยียนปรับลมหายใจก่อนจะรวบรวมสติ
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เซียวเหยียนก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองโจวถิง ปราณได้โคจรจากตันเถียนไปตามชีพจรของเขาราวกับแม่น้ำที่ปะทุออกมา พลังของเขาเพิ่มขึ้นราวกับติดจรวด ผมของเขาสะบัดไปตามลม อากาศรอบๆเริ่มปั่นป่วนและสั่นไหว
มันเหมือนกับตอนที่จางหยูใช้เคล็ดวิชานี้ออกมา การเคลื่อนไหวของเซียวเหยียนนั้นดูธรรมดา ไม่ได้โดดเด่นอะไรราวกับจะใช้ท่ามือมีดธรรมดา
แต่เมื่อเขาลดฝ่ามือลง อยู่ๆพายุก็ก่อตัวขึ้น
พลังของเคล็ดวิชาฟันนี้น่าทึ่งจนยากจะเชื่อได้ แม้ว่าจะใช้มันตอนที่อยู่ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 แต่มันก็สามารถเอาชนะคนที่อยู่ขอบเขตว่อซวนได้และสร้างพายุเล็กๆขึ้นมา เมื่อเซียวเหยียนที่อยู่ขอบเขตตันซวนขั้นกลางใช้มันออกมา จึงเป็นธรรมดาที่พลังของมันจะน่ากลัวกว่า แม้แต่นักสู้ขอบเขตหลิงซวนอย่างโจวถิง หากรับการโจมตีนี้โดยตรงก็อาจจะบาดเจ็บหนักได้
“มันกำลังจะระเบิด!”
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังอันน่ากลัวที่มุ่งหน้ามาหาตัวเขา นัยน์ตาของโจวถิงก็หดลงด้วยความลังเลเล็กน้อย
แทบจะทันทีที่พายุพัดเข้าหาตัวโจวถิง พลังอันน่ากลัวที่มากกว่าหมัดของโจวถิงเมื่อครู่ ก็ระเบิดออกมา “ ปัง ! ”
พายุอันรุนแรงนี้กลับระเบิดอกมา
แต่โจวถิงยังไม่มีเวลาที่จะยินดี ก็ถูกพายุอัดเข้าอีกครั้ง ความรุนแรงของมันไม่ได้ลดลงไปเลย !
“ทำได้ดี!” โจวถิงไม่ใช่แค่ไม่โกรธ แต่เขากลับยิ้มออกมา และยังไม่คิดจะถอย “ดูเหมือนว่าหากข้าไม่ใช้พลังทั้งหมด คงรับมือไม่ไหว!”
ฝ่ามือของโจวถิงกางออกพร้อมกับกำเอาด้ามดาบที่ไหล่
ปัง ! เมื่อจับดาบนั่น พลังของโจวถิงก็เพิ่มสูงขึ้นยิ่งกว่าเก่า
ต่อมา โจวถิงได้ยกดาบขึ้นและชี้ไปทางเซียวเหยียน จากนั้นก็ฟันดาบของเขาออกไป “ ทลายกองทัพ ! ”
ทันใดนั้นเอง พลังอันมหาศาลก็พุ่งออกมาจากดาบ ก่อตัวเป็นคลื่นอากาศพุ่งเข้าใส่เซียวเหยียน
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง !
พายุและคลื่นอากาศเข้าปะทะกันในทันที จนทำให้พื้นดินสั่นไหวอยู่หลายครั้ง ใจกลางจุดที่ปะทะกันนั้นเกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมา
หลังจากนั้นแค่ครึ่งอึดใจ พายุก็ถูกผ่าออกแต่คลื่นอากาศยังมุ่งหน้าเข้ามาหาเซียวเหยียนต่อ ถึงพลังของมันจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ แต่พลังของคลื่นอากาศนี่ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี แม้ว่าจะอ่อนแอลงกว่า 10 เท่าก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นมันยังทะลุพายุออกมาได้และสุดท้ายก็เข้าปะทะกับตัวเซียวเหยียน
ปัง !
ทันทีที่เกิดเสียงปะทะดังขึ้น ร่างของเซียวเหยียนก็กระเด็นออกไปอัดกับพื้นด้านหลังอย่างแรง
ในเวลาเดียวกันพายุของเขาก็สลายไป
“อึก” เซียวเหยียนกระอักเลือดออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียว
เขายกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะลุกขึ้นยืน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น “แม้ว่าข้าจะใช้เคล็ดวิชาฟัน แต่ข้าก็ยังไม่ใช่คู่มือของผู้อาวุโสโจว …” เขาคิดว่าด้วยเคล็ดวิชาฟันนี่ แม้ว่าเขาจะเอาชนะโจวถิงไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะแพ้ได้ง่ายๆ ความจริงอันโหดร้ายนี้ ราวกับน้ำเย็นที่ราดรดหัวเขา
โจวถิงเก็บดาบลงไปและเดินเข้ามาหาเซียวเหยียนทันที
ห่างจากเซียวเหยียนแค่เพียงครึ่งก้าว โจวถิงก็ไม่ลังเลที่จะยกหมัดขึ้นต่อยเข้าใส่หน้าของเซียวเหยียน
“อั๊ก” เซียวเหยียนยังไม่ทันได้เตรียมตัว ก็ถูกหมัดอัดเข้าใส่อีกรอบจนหัวกระแทกลงกับพื้น
โจวถิงเหมือนจะไม่พอใจ เขายกหมัดและเดินเข้าหาเซียวเหยียนต่อ
“อั๊ก”
ตัวของเซียวเหยียนกระเด็นกลับไป หน้าทั้งสองข้างบวมเป่งขึ้นมาด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
“เจ้าเด็กหน้าเหม็น บังอาจแย่งซินเอ๋อร์เอ๋อร์ร์ของเราไป” โจวถิงพูดพร้อมกับยกหมัดขึ้นต่อยเข้าใส่หน้าเซียวเหยียนโดยไม่ลังเล เขาไม่เปิดโอกาสให้เซียวเหยียนได้พูดด้วยซ้ำ
“อั๊ก”
“เตรียมหน้าเจ้าไว้ดีๆ ข้ามาแล้ว!”
“ปัง!”
“หากเจ้ากล้ารังแกซินเอ๋อร์เอ๋อร์ร์ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
ปัง !
….
เซียวเหยียนตะลึง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าโจวถิงจะทำตัวเหมือนกับคนบ้า โจวถิงยังคงต่อยเขาไม่หยุด
โจวถิงควบคุมแรงของตัวเองได้อย่างแม่นยำ หลังจากที่ต่อยไปหลายสิบหมัด หน้าของเซียวเหยียนก็บวมเป่ง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้กระดูกเสียหาย ดูเหมือนว่าโจวถิงจะตั้งใจทำแบบนี้ ไม่งั้นแล้วเขาจะควบคุมแรงได้อย่างแม่นยำแบบนี้ได้ยังไง ?
หลังจากที่ต่อยเสร็จไปหลายสิบหมัด โจวถิงก็หยุดมือและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้าง “เฮ้อ! นี่มันก็นานแล้วที่ข้าไม่ได้มีความสุขแบบนี้ ! การได้อัดอัจฉริยะนี่ช่างน่าพอใจจริงๆ ! ”
เซียวเหยียนตะลึง เขาไม่อาจเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้จริงๆ
โจวถิงคิดในใจว่าเขาต้องหาโอกาสมาปะมือกับเซียวเหยียนให้ได้ในอนาคต ยังไงซะหลังจากที่เซียวเหยียนขึ้นไปถึงขอบเขตตันซวนขั้นสูงแล้ว เขาอาจจะไม่ใช่คู่มือของเซียวเหยียน หากไม่ทำตอนนี้ งั้นเขาอาจจะไม่มีโอกาสในอนาคต
ในเวลาเดียวกันนั้น ในใจเขาก็แอบตะลึง เขาทึ่งกับความแข็งแกร่งที่เซียวเหยียนมี
ต้องรู้ก่อนว่าเขาไม่ได้โจมตีเพียงครั้งเดียว แต่เซียวเหยียนกลับบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อย ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็หายดีแล้ว หากกินยาฟื้นฟูเข้าไปก็อาจจะใช้เวลาแค่ 2-3 วันก็หายดี มันยากที่จะคิดได้ว่าคนที่อยู่ขอบเขตตันซวนขั้นกลางจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้
หากปล่อยให้เซียวเหยียนพัฒนาไปได้มากกว่านี้ เขาคงไม่มีโอกาสทำเช่นนี้ได้
เซียวเหยียนถูกอัดจนหน้าบวมเป่ง มันเกือบจะสร้างแผลในใจให้กับเขา เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของโจวถิง ปากของเขาก็บิดเบี้ยวอยู่หลายครั้ง เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บจากบาดแผล เขาก็กัดฟันทนและสูดหายใจเข้าลึกๆ “ฟู่…”
“เป็นยังไงเซียวเหยียนสนุกหรือไม่? เจ้าอยากเล่นต่อหรือไม่?” โจวถิงก้มหน้ามองมาที่เซียวเหยียนที่ตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ
เซียวเหยียนส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง เขารีบพูดออกมา “ไม่ ไม่ ผู้อาวุโส ข้าพอใจแล้ว พอใจแล้ว…”
เขาอยากจะร้องไห้ นี่เขาโดนต่อยไปหลายสิบหมัดแล้ว ยังทดสอบความแข็งแกร่งไม่พออีกหรือไง ?
ทดสอบความแข็งแกร่งอะไรกัน นี่มันการทรมานกันชัดๆ !
เซียวเหยียนถึงกับสงสัยว่าที่โจวถิงบอกว่าต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของเขานั้น มันเป็นข้ออ้าง อันที่จริงแล้ว ผู้อาวุโสอาจต้องการจะอัดเขา !
สักพักเซียวเหยียนก็ค่อยๆลุกขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ผู้อาวุโส คนเรามักพูดกันว่าหากจะตีคนอย่าตีที่หน้า ท่านอัดข้าแบบนี้ ข้าจะไปเจอหน้าท่านพ่อ ท่านลุงกับซินเอ๋อร์เอ๋อร์ร์ยังไง?” แม้ว่าจะไม่มีกระจกให้ดู แต่เซียวเหยียนก็มั่นใจว่าตอนนี้หน้าเขาต้องบวมเป่งเหมือนกับหัวหมู แค่ 3-5 วันมันคงไม่หายบวมแน่ๆ
หากคนรู้จักเห็นเข้า เขาจะไม่โดนล้อไปจนตายรึไง ?
“ข้าชอบอัดหน้าของเจ้า หน้าคนอื่นข้าไม่สน” โจวถิงมองไปที่เซียวเหยียนแล้วเผยสายตาดุดันออกมา
เซียวเหยียนตัวแข็งทื่อ และหัวเราะออกมา “แค่กๆ…ผู้อาวุโสเข้าใจผิด ใช่ว่าข้าจะไม่กล้ารับการโจมตี แต่มือท่านหนักเกินไปไม่ใช่รึ ? ตอนนี้ข้าถึงกับมีปัญหาด้วยซ้ำ…”
“โอ้ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกรึ ข้าใช้แรงไปเท่าไหร่ทำไมข้าจะไม่รู้?” โจวถิงเม้มปาก “เจ้าบาดเจ็บอย่างมากก็แค่ภายนอก ไม่ได้ส่งผลอะไร กลับไปกินยาฟื้นฟูสักเม็ดหรือสองเม็ดก็หายดีในเวลาไม่กี่วัน เจ้าหลอกข้าไม่ได้หรอก!”
เซียวเหยียนเบะปาก แค่บาดเจ็บภายนอกแต่มันก็เจ็บ หากมันทิ้งรอยแผลไว้ งั้นหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็คงถูกทำลายไปด้วย
“ผู้อาวุโส ความแข็งแกร่งของข้าท่านก็ทดสอบแล้ว ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าข้าผ่านเกณฑ์ของท่านไหม?” เซียวเหยียนถามขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน
โจวถิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ก็พอผ่าน”
เซียวเหยียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันที
“แต่เจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป” โจวถิงเปลี่ยนน้ำเสียงและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าให้เจ้าผ่าน แต่ยังเหลือพ่อของซินเอ๋อร์เอ๋อร์ร์อยู่ เจ้าอย่าลืมว่านางเป็นถึงองค์หญิงของอาณาจักรโจว จักรพรรดิของอาณาจักรโจวนั้นใช่ว่าเขาจะให้เจ้าผ่านได้ง่ายๆ…”
เซียวเหยียนตาเบิกกว้างในทันที “เอ่อ?”
“เอ่ออะไร? ถ้าเจ้าอยากอยู่กับซินเอ๋อร์เอ๋อร์ร์ เจ้าก็ควรได้รับอนุญาตจากพ่อของนางไม่ใช่รึ?” โจวถิงพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา “เจ้าจะมามัวคิดมากทำไม แม้ว่าซินเอ๋อร์เอ๋อร์จะเต็มใจแต่งงานกับเจ้า แต่สินสอดของเจ้าก็ไม่ควรเล็กน้อยไม่ใช่รึ? ไม่งั้นแล้วคนอื่นจะมองราชวงศ์โจวยังไง และคิดกับซินเอ๋อร์เอ๋อร์ยังไง ? เจ้าคิดจริงๆหรือว่าซินเอ๋อร์เอ๋อร์ไม่มีใครอยากจะแต่งงานด้วย?”
สำหรับเซียวเหยียนแล้วโจวถิงนั้นพอใจอย่างมาก ทั้งเขตเหนือหรืออาจจะทั้งทวีปป่า จะหาคนแบบเซียวเหยียนได้ยาก การที่โจวซินเอ๋อร์เอ๋อร์แต่งงานกับเซียวเหยียนนั้น ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว
เหตุผลที่ต้องสร้างอุปสรรคพวกนี้ขึ้นมา ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจวซินเอ๋อร์คือสมบัติของราชวงศ์อาณาจักรโจว นางไม่เหมือนคนทั่วไป หากเขาต้องการแต่งงานกับโจวซินเอ๋อร์ เซียวเหยียนก็ต้องแสดงความจริงใจออกมามากพอจนได้รับความเคารพ
สำหรับว่าเซียวเหยียนจะมาพร้อมกับสินสอดอะไรนั้นมันไม่สำคัญ
แน่นอนว่ายังไง โจวซินเอ๋อร์ก็ยังจะแต่งงานกับเซียวเหยียนไม่เปลี่ยนแปลง
โจวถิงรู้จักตระกูลเซียวดี เขาไม่คิดว่าตระกูลเซียวจะหาของที่มีค่ามาก จนทำให้ผู้คนตะลึงมาได้