ระบบเจ้าสำนัก 441 : วันหยุด

ตอนที่ 441 : วันหยุด

แต่ถึงอย่างนั้น คังชือหลินก็ยังรู้สึกหนักใจ เขาไม่ได้ไปเก็บของด้วยซ้ำ เขาออกเดินทางไปทันที เพราะของมีค่าทั้งหมดอยู่ในแหวนมิติ และที่พักของเขาก็ไม่มีอะไรมีค่า ของจิปาถะพวกนั้นไม่จำเป็นต้องกลับไปเก็บเพราะมันไม่ได้มีค่ามากเท่าไหร่

 

เมื่อบินออกมาจากเมือง ร่างของคังชือหลินก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า  เขาหันกลับมามองที่เมืองด้านล่างด้วยความเศร้าและกระอักกระอ่วน

 

“ลาก่อนสมาคมค่ายกล ลาก่อนบ้านของข้า” คังชือหลินกระซิบ ก่อนจะหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปยังเขตเหนือแบบไม่มีวันย้อนกลับมาที่นี่

 

ในเวลาเดียวกันที่สมาคมปรุงยา, หลอมและพันธมิตรร้อยสำนักเองก็มีร่างๆหนึ่งที่บินออกมาจากที่ที่พวกเขาอยู่มาหลายปี ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเขตเหนือ

 

สถานการณ์พวกนั้นเหมือนกับคังชือหลิน พวกเขาคือคนที่โชคร้ายจากสมาคมและกองกำลังอื่นๆที่ไม่ค่อยมีตัวตนในสมาคม พวกเขามักจะถูกมองข้าม

….

ที่ภูเขาร้าง

 

ในวันนั้นสำนักคังเฉียงยังคงมีชีวิตชีวาเหมือนในอดีต แต่อยู่ ๆมันกลับดูอ้างว้างขึ้นมา แม้แต่ตอนมื้อเที่ยง อาจารย์และศิษย์หลายคนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน

 

เจ้าสำนักมากินมื้อเที่ยงโดยไม่รับรู้ถึงบรรยากาศแปลกๆนี่เลย

 

หลังจากที่กินมื้อเที่ยงเสร็จเจ้าสำนักก็ลุกขึ้น และปรบมือดึงความสนใจจากทุกคน จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาช้า ๆ “ผ่านไปเกือบปีแล้ว ข้าพอใจอย่างมากที่ทุกคนยังไม่ออกจากสำนักคังเฉียงในปีนี้ นอกจากนี้สำนักคังเฉียงก็ยังเป็นไปตามที่ข้าได้คาดเอาไว้หลังจากที่พัฒนาขึ้นมาทั้งหมดนี้เพราะความช่วยเหลือของทุกคน ข้าต้องขอบคุณอาจารย์ทุกคนที่ช่วยกัน ! ”

 

โอวเสินเฟิงรีบลุกขึ้นยืนและพูดขึ้นมา “เจ้าสำนัก นี่คือสิ่งที่ข้าควรจะทำ ยิ่งไปกว่านั้นการที่เจ้าสำนักช่วยให้ข้าได้ฟื้นคืนชีพ หากเทียบกันแล้ว การทำงานนี่จะไปมีความหมายอะไร ?”

 

เจ้าสำนักพยักหน้าตอบรับและหันไปหาอู่ฉิงฉวน “ส่วนท่านอู่ ท่านก็ทำงานหนักกับการเตรียมอาหารสามมื้อให้กับเหล่าศิษย์และอาจารย์ มันกินเวลาส่วนตัวของท่านไปอย่างมาก สำหรับเรื่องนี้แล้วในนามของสำนักคังเฉียง ข้าขอขอบคุณท่านจริงๆ ! ”

 

“เจ้าสำนัก เป็นเกียรติที่ข้าได้มีส่วนร่วมกับสำนักคังเฉียง “ อู่ฉิงฉวนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “การที่เจ้าสำนักชมข้าแบบนี้ทำให้ข้ารู้สึกผิด ”

 

“ท่านอู่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว” เจ้าสำนักยิ้มออกมาและมองไปที ซู่เหยียน,หลินจื้อเป่ยและคนอื่นๆก่อนจะพูดขึ้น “ อาจารย์ซู่, ผู้ช่วยหลิน, ผู้ช่วยโหว…. แม้ว่าพวกท่านจะยังไม่ได้เข้าร่วมกับพวกเราอย่างเป็นทางการ แต่พวกท่านก็ได้ทำการชี้แนะศิษย์ ข้าคงต้องขอบคุณพวกท่านเช่นกัน ”

 

ซู่เหยียนและคนอื่นๆรีบลุกขึ้นยืนและตอบรับด้วยความสุภาพ

 

เจ้าสำนักผายมือออกและรอให้ซู่เหยียนกับคนอื่นๆใจเย็นลง จากนั้นเขาก็มองไปที่เฉินกู ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ อาจารย์เฉิน ข้ารู้ว่าท่านยังไม่ชินกับมนุษย์ ข้าจะไม่บังคับท่าน แต่ท่านก็อยู่กับเรามาได้สักพักใหญ่แล้ว ข้าคิดว่าท่านควรลองทบทวนดูว่าจะกลับมาสอนที่สำนักคังเฉียงในปีหน้าได้หรือไม่ ?”

 

ตั้งแต่ที่เฉินกูเข้าร่วมสำนักคังเฉียง เขาก็เอาแต่สอนที่ป่าหวงหยวนมาโดยตลอด  ไม่รู้ว่าเพราะเขาจงใจหรือไม่ แต่ที่เขาทำแบบนั้นไปก็เพราะระวังตัวจากจางหยู  สองวันก่อนภูเขาที่เขตมืดได้ถูกทำลายลงไป ดังนั้นเขาจึงได้สอนอยู่ในสำนักตลอดสองวันมานี้

 

“ขอบคุณเจ้าสำนัก ข้าเต็มใจ ! ”  เฉินกูอยากกลับมาที่สำนักคังเฉียงเพื่อสอนมานานแล้ว เมื่อเจ้าสำนักออกปากเชิญเขา แน่นอนว่าเขาจะไม่ปฏิเสธ

 

เจ้าสำนักยิ้มออกมาอย่างพอใจและพูดขึ้น “ฮาฮา ! ดี ! ท่านตกลงก็ดี ! ”

 

สัตว์อสูรต่างก็พากันตื่นเต้นกันขึ้นมา “ ยอดเยี่ยมจริงๆ  !”

 

เฉินกูจะมาสอนที่สำนักคังเฉียง พวกเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปกลับ นี่ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับสัตว์อสูร การประหยัดเวลาพวกนั้นได้พวกเขาก็จะไปทำอย่างอื่นได้อย่างการบ่มเพาะแทนที่จะไปเสียเวลากับการเดินทาง

 

ที่สำคัญกว่านั้นคือการได้อยู่ในสำนักคังเฉียงนั้น ดูเหมาะกับการเป็นศิษย์มากกว่า

 

เจ้าสำนักมองไปรอบๆและเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมา

 

สำนักคังเฉียงในตอนนี้เต็มไปด้วยคนมีพรสวรรค์และแข็งแกร่ง

 

ในฝ่ายอาจารย์ด้านมนุษย์ยังมี ซู่เหยียน, โอวเสินเฟิง,อู่ฉิงฉวนและคนอื่นๆ ในด้านสัตว์อสูรก็มีเฉินกูและกลุ่มสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวน  เผ่ามังกรก็มีอ้าวอู่เหยียนและอ้าวเยว่ ด้วยอาจารย์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้หากมองทั้งโลกแล้วคงไม่มีกองกำลังไหนจะมาเทียบเท่าได้

 

ในหมู่ศิษย์ก็ยังมีอัจฉริยะ 6 ดาวอย่าง เซียวเหยียน,เซี่ยเฟิงและหนิวซิงไห่ ด้านสัตว์อสูรก็ยังมีมังกรแดง, อินทรีย์ปีกฟ้าและไป่หลิง สายอาชีพพิเศษก็ยังมี อู่โม่,เติ้งชิวฉาน และคนอื่นๆ นี่ยังมีสัตว์อสูรที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ศิษย์ทั่วไปอย่าง เย่ลั้ว,เหมาฉางเฟิงและจางเหิงหยาง ก็ยังถือว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นหากเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน

 

นอกจากนี้ภายใต้ความพยายามของมังกรแดงและสัตว์อสูรตัวอื่นๆ ภูเขาแห่งนี้ก็เปลี่ยนไปในเวลาอันสั้น พวกเขาได้สร้างมันขึ้นมาใหม่ หลังจากนี้มันอาจจะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง

 

เมื่อคิดถึงภาพในตอนแรก เขาได้พัฒนาสำนักคังเฉียงขึ้นมาจากกองดิน เจ้าสำนักอดไม่ได้ที่จะรู้สึกได้ถึงความสำเร็จ “รอจนกว่าเหล่าเซียนจะส่งคนมาที่นี่ มันจะทำให้สำนักคังเฉียงแข็งแกร่งขึ้น ตอนที่สำนักคังเฉียงรับศิษย์ในปีนี้ เราจะเริ่มวันหยุดกัน ! ”

 

ตอนนั้นเจ้าสำนักเริ่มคาดหวังกับอนาคตที่กำลังจะมาถึง

 

จากนั้นเจ้าสำนักก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมาก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ ต่อไปข้าจะประกาศเรื่องการพัฒนาสำนักคังเฉียงในปีหน้า และตำแหน่งอาจารย์ในปีหน้า ”

 

ตอนนั้นเหล่าอาจารย์ต่างก็พากันกังวลและตั้งใจฟังกันขึ้นมา

 

“ปีหน้าสำนักคังเฉียงจะรับศิษย์จำนวนมาก ชั้นเรียนมนุษย์แต่เดิมจะแบ่งแยกย่อยเป็นชั้นเรียนบ่มเพาะ, ปรุงยา, หลอม, ค่ายกล, ฝึกสัตว์อสูร, ภาพลวงตา, ดนตรี, อาหารและคำสาป ชั้นเรียนเหล่านี้คือระบบของชั้นเรียนมนุษย์ ชั้นเรียนสัตว์อสูรจะแบ่งเป็นชั้นเรียนสัตว์อสูรทั่วไป, สัตว์อสูรสายเลือดศักดิ์สิทธิ์และชั้นเรียนสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์แยกกัน ทั้งหมดจะเป็นระบบของชั้นเรียนของสัตว์อสูร”

 

“อาจารย์โอวคือหัวหน้าฝ่ายชั้นเรียนมนุษย์ มีหน้าที่ดูแลและจัดการฝ่ายนี้  อาจารย์ซู่อยู่ในชั้นเรียนบ่มเพาะ  ท่านอู่ ยังคงรับหน้าที่ในโรงอาหารและเป็นอาจารย์ของชั้นเรียนด้านอาหาร ผู้ช่วยโหว รับหน้าที่ในครัวดังเดิมและช่วยสอนบ้างในบางครั้ง  ผู้ช่วยหลิน, ผู้ช่วยหวงฟู่,และคนอื่นๆเองก็เข้าช่วยสอนด้วยเช่นกัน…”

 

“อาจารย์เฉินเป็นหัวหน้าของฝ่ายสัตว์อสูรมีหน้าที่ดูแลและจัดการฝ่ายนี้ สำหรับชั้นเรียนสัตว์อสูรทั่วไป, ชั้นเรียนสัตว์อสูรสายเลือดศักดิ์สิทธิ์, ชั้นเรียนสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ ข้ากำหนดเกณฑ์แค่เพียงอย่างเดียวคืออาจารย์ต้องขึ้นไปถึงขอบเขตตุ้นซวนแล้ว และผู้ช่วยต้องอยู่อย่างน้อยขอบเขตหลี่ซวน”

 

“สำหรับอาจารย์อ้าวอู่เหยียนและอาจารย์อ้าวเยว่ มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลความเป็นระเบียบของสำนัก สำหรับเรื่องภายนอกแล้ว พวกท่านมีหน้าที่ป้องกันคนรุกรานและให้ความปลอดภัยแก่สำนัก”

 

“เหลยอ้าว เจ้ายังคงดูแลที่ประตูอย่าให้ใครเข้ามาในสำนักได้ ”

 

หลังจากที่ประกาศหน้าที่ของแต่ละคนแล้ว เจ้าสำนักก็มองไปรอบ ๆและถามขึ้นมา“พวกท่านมีคำถามอะไรรึไม่? ”

 

ทุกคนต่างก็มองหน้ากันก่อนจะส่ายหน้า

 

มีแค่โอวเสินเฟิงที่ยังรู้สึกผิดกับอำนาจที่ได้มา  “เจ้าสำนัก ข้าดูแลฝ่ายมนุษย์ ข้าเหมาะสมจริงๆรึ ?”

 

ในด้านการบ่มเพาะแล้วเขายังอยู่ขอบเขตตันซวนขั้นกลาง…ไม่สิ เมื่อเช้านี้เขาก็ขึ้นมาถึงขั้นสูงได้ แต่ระดับการบ่มเพาะนี้ยังด้อยกว่าซู่เหยียน,อู่ฉิงฉวนและคนอื่นๆ แม้แต่ผู้ช่วยก็ยังมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าเขา  ในด้านสายอาชีพแล้วเขายังเป็นแค่ปรมาจารย์ด้านการหลอม 5 ดาว เขายังไม่ได้เหนือกว่าใคร เพราะเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้เขาไม่มั่นใจว่าจะเหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าอาจารย์ฝ่ายมนุษย์ได้

 

“ ข้าบอกว่าท่านทำได้ หากใครไม่เชื่อก็ให้มาหาข้าโดยตรง ” เจ้าสำนักพูดด้วยท่าทีเฉยเมย

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น เหล่าอาจารย์และผู้ช่วยที่ยังไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ต่างก็พากันก้มหน้าทันที

 

เจ้าสำนักพูดต่อ “ ผลงานที่อาจารย์โอวได้สร้างให้กับสำนักคังเฉียง ทุกคนก็ได้เห็นแล้ว หากใครบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะดูแลฝ่ายมนุษย์ งั้นสำนักคังเฉียงก็ไม่มีใครมีสิทธิจะได้ตำแหน่งนี้ไป หากไม่เชื่อก็ถามเซียวเหยียน  อู่โม่ กับศิษย์คนอื่นๆดูว่า พวกเขาสนับสนุนให้ใครเป็นหัวหน้าฝ่ายมนุษย์ ? ”

 

“แน่นอนว่าต้องเป็น อาจารย์โอว นอกจาก อาจารย์โอว แล้วข้าไม่อาจจะยอมรับใครได้?”

 

“ ใช่ ฝ่ายมนุษย์มีแค่ อาจารย์โอว เท่านั้นที่เหมาะจะดูแล ข้าเชื่อในตัว อาจารย์โอว ! ”

 

“ อาจารย์โอว อย่าคิดมากเกินไป ทุกคนต่างก็เห็นว่าท่านเหมาะสมแล้ว  !  ”

 

ศิษย์ทุกคนต่างก็ผูกพันกับโอวเสินเฟิง พวกเขาผูกพันกับอาจารย์ที่ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ไม่มีใครมาแทนที่โอวเสินเฟิงในใจพวกเขาได้

 

โอวเสินเฟิงซึ้งใจ เขามองไปที่ใบหน้าของเด็กพวกนั้นพร้อมกับปากที่สั่นไหว “ ขอบคุณพวกเจ้ามาก เด็กน้อยทั้งหลาย ”

 

อยู่ ๆเขาก็พบว่าผลประโยชน์ใหญ่หลวงที่สุด ในการอยู่ในสำนักคังเฉียงอาจจะไม่ใช่การฟื้นคืนชีพ แต่เป็นความรักของกลุ่มเด็กเหล่านี้ ซึ่งเป็นของที่มีค่ามากที่สุดในโลกสำหรับเขา

 

ซู่เหยียนและคนอื่นๆมองไปที่โอวเสินเฟิงด้วยความอิจฉา ผลงานที่โอวเสินเฟิงสร้างไว้กับสำนักคังเฉียงนั้นมากกว่าพวกเขามากจริงๆ

 

“เอาล่ะ อาจารย์โอว จะเป็นหัวหน้าฝ่ายมนุษย์ จบเรื่อง ต่อไปข้าจะประกาศวันหยุด ” เจ้าสำนักสงบสติอารมณ์และพูดขึ้นมา “ วันหยุดเริ่มตั้งแต่บ่ายวันนี้จนถึงวันที่ 30 เดือน 8 ในเดือน 9 ทุกคนต้องกลับมายังสำนักให้ทันเวลาห้ามสาย หากมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นให้แจ้งล่วงหน้าก่อน หากได้รับอนุญาติพวกเจ้ากลับมาช้ากว่านั้นได้ ข้าหวังว่าทุกคนจะจำให้ขึ้นใจ ! ”

 

สำหรับกฎของสำนักคังเฉียงนั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสำนักหรือจางหยู ต่างก็ให้ความสำคัญกับมันมาก เขาไม่อาจจะมองข้ามได้หากใครฝ่าฝืนกฎ

 

เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้น ก็พากันจดจำกฎเหล่านี้ให้ขึ้นใจ หากพวกเขาถูกไล่ออกจากสำนักเพราะพวกเขามาสาย พวกเขาคงหมดอนาคต

 

“วันหยุดมากกว่า 1 เดือนนี้ ข้าหวังว่าทุกคนจะขยันในการบ่มเพาะ” เจ้าสำนักมองไปที่เหล่าศิษย์ “ถึงพรสวรรค์จะสูงก็อย่าเสียเวลาเปล่า ถึงพรสวรรค์จะต่ำแต่พวกเจ้าก็ต้องรีบตามคนอื่นให้ทัน จำไว้ว่าพวกเจ้าบ่มเพาะเพื่อตัวเองไม่ใช่เพื่อคนอื่น อนาคตของพวกเจ้า พวกเจ้าจงตัดสินด้วยตัวเอง ทักษะจี๋อู่ขั้นสูงนี้คือสิ่งที่คนมากมายต้องการแต่ไม่อาจจะได้มันมา  ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเห็นคุณค่าของมัน ”

 

เหล่าศิษย์มองหน้ากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

 

หลังจากที่ประกาศทุกอย่างจบ เจ้าสำนักก็ไม่ได้พูดธุระอะไรต่อ เขาได้ตะโกนออกมาทันที “ ข้าขอประกาศว่าหยุดเรียนได้ ! ”

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-1579 อ่านนิยาย

ระบบเจ้าสำนัก … เรื่องย่อ

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร

มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ

ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์

หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”

เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ

ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้

ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

Options

not work with dark mode
Reset